บทที่ 1005 ถูกเรียกชื่อ / บทที่ 1006 เหลือทางรอดไว้บ้าง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1005 ถูกเรียกชื่อ 

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นจากสมุดโน้ตทันที 

 

 

อืม ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งเรื่องที่ตัวเองทำจะมาอยู่ในตัวอย่างเนื้อหาการบรรยายของศาสตราจารย์หลี่ได้… 

 

 

รู้สึกแปลกพิลึกดี 

 

 

“รู้สิครับ/คะ! ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นประเด็นร้อนถึงขนาดนั้นเลย! น่าจะไม่มีใครไม่รู้แล้วมั้ง” 

 

 

“หานเซี่ยนอวี่โดนใส่ร้ายเกินไปแล้ว! โชคดีที่สุดท้ายความจริงทุกอย่างก็เปิดเผย!” 

 

 

พวกนักศึกษาที่อยู่ด้านล่างต่างพากันพูดขึ้นมา 

 

 

ศาสตราจารย์หลี่พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นมาวิเคราะห์กรณีนี้กันหน่อยไหมครับ?” 

 

 

ผู้หญิงที่ชื่ออวี๋ย่าเมื่อครู่นี้มีท่าทางกระตือรือร้น เหมือนอยากจะยกมือ 

 

 

เห็นแต่ศาสตราจารย์หลี่ที่อยู่บนเวทีเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นสายตามองตรงมาทางเยี่ยหวันหวั่น เห็นได้ชัดว่าเขาสังเกตเห็นเธอแล้ว 

 

 

ในงานเลี้ยงวันเกิดตอนนั้น หลี่เยวี่ยชื่นชมเธอมาก เพื่อแย่งตัวเธอกับโจวชิงกังผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยเมืองหลวง พวกเขาทั้งสองยังยื่นมือเข้ามาแทรกด้วย 

 

 

หลี่เยวี่ยเห็นเยี่ยหวันหวั่นมาฟังการบรรยายของตัวเองย่อมต้องดีใจมาก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฮ่าๆ เหมือนผมจะเห็นนักศึกษาเยี่ยหวันหวั่นที่เข้ามาด้วยคะแนนอันดับหนึ่งในรุ่นนี้ของมหาวิทยาลัยแล้ว!” 

 

 

อะไรนะ? เยี่ยหวันหวั่น! 

 

 

พอได้ยินชื่อนี้ นักศึกษาทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างทำหน้าตื่นเต้นและตกใจ 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นคือคนที่สอบได้คะแนนวิชาศิลปศาสตร์สูงที่สุดในรุ่นของพวกเขา มหาวิทยาลัยนิเทศน์เมืองหลวงกับมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแย่งตัวเธอกันให้วุ่น สุดท้ายเยี่ยหวันหวั่นก็เลือกมหาวิทยาลัยนิเทศน์เมืองหลวงของพวกเขา เรื่องนี้รู้กันทั่วทั้งมหาวิทยาลัย 

 

 

แต่น่าเสียดาย ต่อมาพอเยี่ยหวันหวั่นสอบเข้าที่นี่แล้วก็เป็นมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง นอกจากจะปรากฏตัวในการสอบและวิชาที่สำคัญบางวิชา ก็แทบจะไม่มีใครเห็นเธอเลย 

 

 

ทุกคนรู้แค่ว่าหลังจากที่เธอสอบเข้ามา ทุกครั้งก็ยังคงชิงทุนการศึกษาอันดับหนึ่งได้เสมอ แล้วยังยื่นเรื่องขอจบการศึกษาก่อนเวลาด้วย 

 

 

“ให้ตายเถอะ เด็กเทพในตำนานคนนั้นมาด้วยเหรอ?” ผู้ชายที่พยายามจีบเยี่ยหวันหวั่นเมื่อครู่ค่อนข้างตื่นเต้น แต่เพราะแฟนสาวนั่งอยู่ด้วยด้านข้าง จึงไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกิน 

 

 

“ได้ยินว่านางเก่งมาก ขนาดไม่มาเข้าเรียนก็ยังได้ที่หนึ่งทุกวิชาเลย!” 

 

 

“ใครกันแน่เนี่ย?” 

 

 

ในห้องโถงใหญ่ ทุกคนพลันหันไปมองหลี่เยวี่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นตาเดียว 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินศาสตราจารย์หลี่เรียกชื่อตัวเอง ก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง 

 

 

โธ่ เธอเดาไว้แล้วว่าตัวเองจะต้องโดนศาสตราจารย์หลี่เรียกชื่อแน่นอน โชคดีที่วันนี้เธอมาฟังการบรรยายด้วย 

 

 

ชายคนนั้นรู้สึกได้ว่าข้างกายตัวเองจู่ๆ ก็มีคนลุกขึ้นยืน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสาวสวยที่ตัวเองเพิ่งพยายามจีบเมื่อครู่นี้ สีหน้าเขาค้างเติ่งไปทันที 

 

 

เธอ…เธอคือ… 

 

 

ผู้หญิงที่กำลังคล้องแขนหนุ่มคนนั้นอย่างหวงแหนตลอดเวลาก็อึ้งไปด้วยเหมือนกัน 

 

 

ผู้หญิงคนนี้ลุกทำไม? 

 

 

“ค่ะ ศาสตราจารย์หลี่!” เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นแล้วเอ่ยทักทาย 

 

 

ศาสตราจารย์หลี่พยักหน้าหลายครั้ง “ไม่เลวๆ นักศึกษาเยี่ยหวันหวั่น ถ้างั้นก็ให้เธอวิเคราะห์เรื่องนี้หน่อยแล้วกัน!” 

 

 

เมื่อได้ยินศาสตราจารย์หลี่พูดอย่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีดโดยพลัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง 

 

 

ผะ…ผู้หญิงคนนี้ก็คือเยี่ยหวันหวั่นอย่างนั้นเหรอ! 

 

 

วินาทีนี้ ในห้องโถงอเนกประสงค์เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ 

 

 

“เวรเอ๊ย! ผู้หญิงสวยๆ ที่เดินเข้ามาเมื่อกี้เป็นเยี่ยหวันหวั่นเด็กเทพในตำนานของมหา’ลัยเราเองเหรอ!” 

 

 

“เยี่ยหวันหวั่นสวยขนาดนี้เชียวเหรอ ไม่สมเหตุสมผลเลย…” 

 

 

ตัวอย่างนี้ก็เป็นฝีมือของเยี่ยหวันหวั่นทั้งหมด เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้ว 

 

 

หลังจากลุกขึ้นยืน เยี่ยหวันหวั่นวิเคราะห์กรณีศึกษานี้ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดครบถ้วน 

 

 

ตอนแรกทุกคนยังสงสัยว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันหรือไม่ แต่พอได้ยินคำตอบที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างให้ดูของฝ่ายนั้น ทุกคนก็ไร้ข้อกังขาทันที… 

 

 

————————————————————————————- 

 

 

 

 

 

บทที่ 1006 เหลือทางรอดไว้บ้าง 

 

 

พอเยี่ยหวันหวั่นนั่งลง ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็มีสีหน้าไม่น่ามองนัก 

 

 

เมื่อครู่หล่อนถึงกับบอกว่าคนอื่นเขาเป็นแจกันไม้ประดับ แล้วยังบอกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่อาศัยหน้าตาหากิน วันๆ ไม่ยอมมาเข้าเรียนอีก… 

 

 

สุดท้ายปรากฏว่า คนอื่นเขาเป็นถึงนักเรียนหัวกะทิที่มหาวิทยาลัยชื่อดังสองแห่งแย่งตัวกันทั้งยังทำเรื่องขอจบการศึกษาก่อนแล้วด้วย… 

 

 

เรื่องที่เธอหึงหวงเมื่อครู่นี้ นักศึกษาที่อยู่ใกล้ๆ ต่างรู้เรื่องหมด ตอนนี้พวกเขาพากันชี้มาที่เธอแล้วหัวเราะเยาะ 

 

 

หญิงสาวนั่งไม่ติดอีกต่อไป เธอหยิบหนังสือมากอดไว้ด้วยสีหน้าย่ำแย่พลางลุกขึ้นยืน จากนั้นดึงแฟนหนุ่มที่นั่งข้างๆ “ไปกันเถอะ จะอยู่ที่นี่ทำไมอีก!” 

 

 

“อ้อ…” ผู้ชายคนนั้นเกาหัวแล้วลุกขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก 

 

 

“คือว่า นักศึกษาเยี่ย ขะ…ขอโทษนะ…” เขารีบร้อนทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะรีบวิ่งตามแฟนสาวไป 

 

 

นักศึกษาคนอื่นในห้องโถงต่างถอนหายใจ 

 

 

“เด็กหัวกะทิสมัยนี้สวยหยาดเยิ้มขนาดนี้แล้ว คนธรรมดาอย่างพวกเรายังจะมีที่ยืนอยู่อีกเหรอ!” 

 

 

“ช่วยเหลือทางรอดไว้ให้บ้างเถอะ!” 

 

 

“เมื่อกี้ฉันก็นึกว่านักศึกษาของวิทยาลัยภาพยนตร์แอบมาฟังบรรยายซะอีก!” 

 

 

…… 

 

 

หลังจบการบรรยาย หลี่เยวี่ยเรียกเยี่ยหวันหวั่นไปด้านข้าง แล้วพูดคุยทักทายกับเธออย่างเป็นกันเอง 

 

 

“หวันหวั่น ช่วงนี้สบายดีไหม ได้ยินว่าเธอไม่ค่อยมาเรียน มัวยุ่งเรื่องอะไรอยู่เหรอ?” หลี่เยวี่ยถามอย่างใส่ใจ 

 

 

“ศาสตราจารย์หลี่…” 

 

 

“เฮ้อ เรียกปู่ก็ได้ ไม่ต้องห่างเหินขนาดนี้!” หลี่เยวี่ยบอกอย่างเคืองๆ 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเล็กน้อย ทำได้เพียงเปลี่ยนสรรพนามเรียกขาน “คุณปู่หลี่ พักนี้หนูกำลังศึกษางานกับพี่ชายค่ะ” 

 

 

หลี่เยวี่ยพยักหน้าพร้อมเสียงหัวเราะ “ไม่เลวๆ เรียนอีกมากแค่ไหนก็ไม่สู้ลงมือทำจริงๆ! เจ้าเด็กเหลือขอของฉันคนนั้น ถ้าขยันได้สักครึ่งของเธอ ฉันก็ไม่ต้องกลุ้มใจขนาดนั้นแล้ว!” 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินศาสตราจารย์หลี่พูดอย่างนี้ ก็รู้สึกได้ทันทีว่าบทสนทนาเหมือนจะแปลกๆ… 

 

 

ตามคาด ไม่นานเธอก็ได้ยินศาสตราจารย์หลี่พูดต่อว่า “หวันหวั่น เธอว่างเมื่อไรก็มากินข้าวที่บ้านปู่ เจ้าเด็กเหลือขอของปู่จะกลับประเทศเดือนหน้าพอดี ปู่จะให้เขาต้อนรับเธออย่างดีเลย…” 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นเงียบงันไม่พูดไม่จา 

 

 

ในเรื่องเชิงวิชาการเรียกได้ว่าศาสตราจารย์หลี่นั้นไร้ที่ติ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ถนัดเรื่องผูกด้ายแดง ชัดเจนเกินไปแล้วไหม… 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “แค่ก คือว่า หนูก็ไม่ค่อยแน่ใจ พักนี้ที่บริษัทยังมีเรื่องอีกเยอะ…” 

 

 

“ไม่เป็นไรๆ งานกับการเรียนต้องมาก่อน รอให้เธอว่างเมื่อไรค่อยว่ากัน เจ้าเด็กเหลือขอของปู่เพิ่งจะเรียนจบ ถึงยังไงก็มีเวลาว่างเหลือเฟือ!” 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รู้จะพูดอะไร ทำได้เพียงตอบรับไปตามปากไม่กี่คำ จากนั้นรีบขอตัวกลับ 

 

 

เวรกรรมแท้ๆ… 

 

 

แค่มามหาลัยเท่านั้น เดี๋ยวก็โดนดูถูก เดี๋ยวก็โดนผูกด้ายแดง… 

 

 

มีแต่ทุ่นระเบิดเต็มไปหมดชัดๆ! 

 

 

หลังจากพยายามหนีจากศาสตราจารย์หลี่ออกมาได้อย่างยากลำบาก มือถือของเยี่ยหวันหวั่นก็ส่งเสียงดัง 

 

 

ซือเยี่ยหานโทรมา 

 

 

“ฮัลโหล…” เสียงของเยี่ยหวันหวั่นฟังดูร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

เพียงครู่เดียว เธอทำผิดกฎไปแล้วตั้งหลายครั้ง เธอ ‘ยั่วยุ’ เพศตรงข้ามไปแล้วตั้งกี่คน? 

 

 

“เสร็จแล้วเหรอ” เสียงแหบทุ้มของชายหนุ่มดังมาจากปลายสาย 

 

 

“อื้ม เพิ่งเสร็จน่ะ จะรีบไปหาคุณเดี๋ยวนี้เลย!” 

 

 

“ฉันอยู่หน้ามหา’ลัยเธอ จะพาเธอไปทำผม” ซือเยี่ยหานบอก 

 

 

“อ๋อ โอเค ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นวางสาย รีบวิ่งไปที่หน้ามหาวิทยาลัย 

 

 

ตอนเยี่ยหวันหวั่นวิ่งมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย ก็มองเห็นรถสีดำคันหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไรจอดนิ่งอยู่ตรงนั้นจากที่ไกลๆ ซือเยี่ยหานกำลังยินพิงประตูรอเธอ 

 

 

เรื่องน่าเศร้าก็คือ ระหว่างทางที่เยี่ยหวันหวั่นเดินไปหาซือเยี่ยหาน มีผู้ชายหลายคนพยายามชวนเธอคุย 

 

 

……………………………………………………….