บทที่ 481 นครเยิ่น
“อาจารย์รึ เจ้าพ่นคำไร้สาระอะไรออกมา” ชิวเยว่ตรงเข้าไปหาอีก
ฝ่ายด้วยคิ้วขมวดงุนงงแสดงบนใบหน้าประดุจนางสวรรค์ของเธอ
“ท-ท่านมิใช่อาจารย์ของเขาหรอกรึ เช่นนั้นจริงแล้วท่านเป็นใครกัน
ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับซูหยาง” ซุนจิงจิงถามเธอเสียงเบา เห็น
ได้ชัดว่าตกตะลึงในความงามของเธอ
“ข้าควรจะถามเจ้าแบบเดียวกัน เจ้าเป็นใครกัน” ชิวเยว่จ้องมองเข้า
ไปในดวงตาของซุนจิงจิง จนทำให้บรรยากาศที่นั่นพลันเปลี่ยนเป็น
เย็นเยียบ ราวกับว่ากำลังจะเกิดสงคราม
“…”
เมื่อรู้สึกถึงช่องว่างอันเยือกเย็นระหว่างพวกเธอ ชินเหลียงหยูก้าว
ถอยหลังไปสองสามก้าวเข้าไปในบ้านโดยสัญชาตญาณ
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ สายตาของชิวเยว่ก็ลดลงไปจากใบหน้า
ของซุนจิงจิงไปยังท้องของเธอ
และด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เธอก็แหวกผ้าคลุมของซุน
จิงจิงออกเผยให้เห็นผิวหนังบนท้อง
“โอ…” คิ้วของชิวเยว่กระตุกเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นผนึกตระกูลบนผิว
ของซุนจิงจิง
“ฮ-เฮ้ เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร” ซุนจิงจิงกระโดดถอยหลังออกไป
ด้วยความประหลาดใจ มองดูชิวเยว่ราวกับว่าเธอเป็นพวกโรคจิต
ก่อนที่เธอจะรีบปกปิดตัวเองอีกครั้ง
“ผนึกตระกูลรึ และก็เป็นผนึกตระกูลของซูหยางอีกด้วย” ชิวเยว่
พึมพำกับตนเองในเมื่อสุดท้ายเธอก็เข้าใจสถานการณ์
“เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซูหยางใช่ไหม” ชิวเยว่
กล่าวกับเธอ
ซุนจิงจิงจ้องมองชิวเยว่ด้วยใบหน้างุนงงไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดด้วย
เสียงเบาและสงสัย “หรือว่าเจ้าก็ด้วย…”
“พวกเจ้าทั้งคู่ทำอะไรกันอยู่”
พลันเสียงของซูหยางก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศอันหนาวเยือกไป
ในทันที
“ซูหยาง”
ซุนจิงจิงและชิวเยว่เรียกเขาพร้อมเพรียงกัน
“คืออย่างนี้ซูหยาง หญิง…สาวสวยลามกคนนี้เพิ่งเปลื้องผ้าข้าโดยไม่
มีปี่ขลุ่ย” ซุนจิงจิงฟ้องร้องเขาหลังจากที่เขาลงมาจากฟากฟ้าพร้อม
กับเซียวหรงข้างกาย
ซูหยางเลิกคิ้วและหันไปมองดูชิวเยว่ด้วยสายตาสงสัย
“ข้าเพียงแค่ต้องการยืนยันอะไรบางอย่างที่ข้ารู้สึกได้จากร่างของเธอ
เท่านั้นเอง” ชิวเยว่ยักไหล่ผ่าน ๆ
“ถ้าเจ้ายังสงสัย ใช่ ข้าได้ให้ผนึกตระกูลกับเธอ” ซูหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
“และเมื่อไหร่ที่ท่านตั้งใจจะบอกข้าเรื่องนี้” ชิวเยว่ถามพร้อมกับ
ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพึงพอใจกับสถานการณ์
“เร็วนี้” ซูหยางตอบอย่างรวดเร็ว “เจ้าไม่อยู่ตอนที่ข้าให้ผนึกตระกูล
กับเธอแค่นั้นเอง”
“…”
ชิวเยว่ถึงกับพูดไม่ออก เช่นเดียวกับสีหน้าไม่ยินดีของเธอ
เมื่อเห็นเช่นนี้ซูหยางก็เพียงเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลและ
กระซิบที่ข้างหูเธอ “อย่ากังวล ยามเมื่อพวกเราทำลายคำสาปของเจ้า
แล้ว ข้าก็จักสามารถประทับชื่อข้าไว้บนตัวเจ้าเช่นกัน”
“?!?!”
สีแดงพลันระเบิดออกมาบนใบหน้าของชิวเยว่หลังจากที่ได้ยิน
คำพูดของเขา
“ย-ยังไงก็ได้” เธออุทานออกมาก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในห้องของเธอ
และปิดประตู
“นั่นใครกัน” ซุนจิงจิงถามเขาหลังจากนั้นสองสามอึดใจให้หลัง
“ข้าจักแนะนำอย่างเป็นเรื่องราวให้กับเจ้าในภายหลัง แต่ดูเหมือนว่า
เจ้ามีธุระอะไรบางอย่างกับข้า”
“โอ ใช่ ข้าเกือบลืมไปเพราะว่าเธอ” ซุนจิงจิงกล่าว “ซูหยาง ท่านยัง
จำได้ไหมถึงเรื่องที่พ่อแม่ของข้ากล่าวกับพวกเราระหว่างที่พวกเขา
มาเยี่ยม เรื่องเกี่ยวกับตระกูลมู่ที่กวนตระกูลข้าอยู่ เห็นชัดว่าพวกนั้น
ได้เพิ่มความก้าวร้าวในการพูดจาเรื่องการหมั้นหมายของข้ากับพวก
นั้น”
“อย่างนั้นรึ..” ซูหยางพึมพำด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พ่อแม่ของข้าก็ต้องการให้พวกเราไปเยี่ยมพวกเขาด้วยเช่นกัน… ที่
ตระกูลของพวกเรา”
“ยังมีเวลาอีกประมาณสามอาทิตย์ก่อนที่การทดสอบจะเริ่มขึ้น” ซู
หยางกล่าว “ข้าคิดว่าข้าสามารถแบ่งเวลาบางส่วนสำหรับการเดินทาง
เที่ยวเล็ก ๆ กับเจ้าไปเยี่ยมตระกูลของเจ้า”
“เยี่ยม เช่นนั้นเมื่อไหร่ที่พวกเราจักไปดี”
“พวกเราสามารถไปได้เลยในตอนนี้” เขากล่าวขณะที่เขานำเองยาน
บินออกมา
“เราน่าจะกลับมาภายในสองสามวัน” จากนั้นเขาก็ได้กล่าวกับชิน
เหลียงหยู
หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยางและซุนจิงจิงก็ขึ้นไปสู่ชั้นเมฆภายในเรือ
บิน
“พวกเราจะไปที่ไหนกัน” เขาถามเธอ
“นครเยิ่น ตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปตะวันออก สาขาหลักของ
ตระกูลซุนก็ตั้งอยู่ที่นี่เช่นกัน ธุรกิจเกือบทั้งหมดของพวกเราก็อยู่
ภายในเมืองนี้”
“ว่าแต่…” ซุนจิงจิงหันไปมองดูเด็กสาวสวยลอยตัวอยู่ข้างหลังพวก
เขาด้วยสีหน้างุนงง “เด็กหญิงนั่นเป็นใครกัน… และทำไมเธอจึง
หน้าตาคล้ายกับหญิงที่อยู่ในบ้านของท่าน”
“ข้าชื่อว่าเซียวหรง และข้าก็เป็นสัตว์วิญญาณของนายท่าน” เซียวหรง
แนะนำตัว
“สัตว์วิญญาณรึ… เช่นนั้นเจ้าก็มิใช่มนุษย์สินะ” ซุนจิงจิงดวงตาเบิก
กว้าง ในเมื่อเซียวหรงดูเป็นมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้ว
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่เธอกล่าวคำพูดเหล่านี้ หูแมวคู่หนึ่งก็ปรากฏ
ขึ้นบนหัวของเซียวหรง
“เซียวหรงเป็นแมวจอมภูต”
“ข-ข้าเข้าใจแล้ว… ข้าชื่อซุนจิงจิง และข้าเองก็เป็นคู่ครองของซู
หยาง” ซุนจิงจิงแนะนำตัวเอง
“คู่ครองรึ…” เซียวหรงเอียงคอด้วยท่าทางสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่
เข้าใจคำพูดนี้
ในเวลาต่อมา ยานบินก็ทะยานผ่านท้องฟ้า แหวกเมฆที่มันสัมผัส
ออกเป็นสองส่วน
…
“เรามาถึงที่แล้ว ซูหยาง”
แม้ว่าจะผ่านไปเพียงสองสามอึดใจ แต่ยานบินก็เดินทางได้หลายพัน
กิโลเมตรภายในสองสามอึดใจนั้น
“แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้อยู่บนสมบัติชิ้นนี้ แต่ความเร็วของมันก็
ยังคงสร้างประสบการณ์ที่น่าประหลาดใจเสมอ” ซุนจิงจิงยิ้ม “แต่
ทว่า… ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ…”
เธอหันไปมองดูเซียวหรงซึ่งสามารถติดตามความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ของพวกเขาได้โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากสมบัติใด ๆ และ
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใช้ความพยายามใด ๆ
“เซียวหรง เจ้าเปลี่ยนไปเป็นร่างสัตว์ได้ไหม ตัวตนของเจ้าจักดึงดูด
ความสนใจมากเกินไปที่นี่” เขากล่าวกับเธอ
เซียวหรงพยักหน้า และสองสามอึดใจให้หลัง ร่างมนุษย์ของเธอก็
เปลี่ยนไปเป็นแมวสีขาวธรรมดา
“ว้าว เธอมิใช่มนุษย์จริง ๆ ด้วย…” ซุนจิงจิงพึมพำ ในเมื่อนี่เป็นครั้ง
แรกของเธอที่ได้เห็นฉากมนุษย์เปลี่ยนร่างไปเป็นสัตว์
หลังจากนั้น กลุ่มของพวกเขาก็ลงสู่พื้นห่างจากเมืองไปสองสาม
กิโลเมตร
“ไปกันเถอะซูหยาง สู่บ้านของข้า” ซุนจิงจิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส
บนใบหน้าขณะที่เธอจับมือของเขาและเริ่มลากเขาไปยังประตูเมือง
“ถ้าเจ้าดึงแรงเช่นนั้น แขนข้าอาจจะหลุดออกไปก็ได้” ซูหยางหัวเราะ
หึ ๆ