กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 900
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่ได้หลอกลวงข้า ถึงอย่างไรตระกูลไป๋หลี่ก็มีการสืบทอดมานับพันปีแล้ว คิดว่าพวกเจ้าก็คงอยากจะสืบทอดไปจนชั่วลูกชั่วหลานใช่หรือไม่”
คำพูดของจักรพรรดินีนั้นบางเบามาก แต่แฝงไปด้วยคำเตือนที่หนักอึ้ง
ไป๋หลี่เฉิงพูดว่ามิกล้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในใจของเขาแทบอยากจะฆ่าจักรพรรดินี
ตระกูลไป๋หลี่จงรักภักดีต่อจักรพรรดินีมาหลายร้อยปี และช่วยกำจัดผู้คนมากมายแทนจักรพรรดินีอย่างลับ ๆ รวมทั้งช่วยทำเรื่องต่าง ๆ มากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วจักรพรรดินีไม่ละเว้นแม้แต่ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมของตระกูลไป๋หลี่
พวกเขาตายทั้งหมด ตระกูลไป๋หลี่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าที่จะฝึกฝนศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ออกมา
และหลานชายของเขา
เมื่อนึกถึงหลานชายของเขา ไป๋หลี่เฉิงก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง
“หมอจิน อาการบาดเจ็บของเยี่ยจิ่งหานสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?” จักรพรรดินีหันไปถามกู้ชูหน่วน
“ทูลฝ่าบาท อาการบาดเจ็บของเยี่ยจิ่งหานนั้นสาหัสมาก แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลานาน และขั้นตอนการรักษาที่ค่อนข้างยุ่งยาก อีกทั้งยังต้องใช้ยาสมุนไพรเป็นจำนวนมาก”
“เจ้าช่วยชีวิตของเยี่ยจิ่งหานเอาไว้ บอกมาเถอะ เจ้าต้องการอะไรเป็นรางวัล”
“ได้รักษาอาการบาดเจ็บของคุณชายเยี่ย ถือเป็นความโชคดีของข้าน้อยผู้ต่ำต้อย และไม่กล้าร้องขอรางวัลใด ๆ”
“ในเมื่อข้าประกาศออกไปแล้วว่าจะพระราชทานรางวัล แล้วจะไม่ให้รางวัลได้อย่างไร”
ภายใต้ผ่านม่านที่กั้นไว้ จนกระทั่งตอนนี้กู้ชูหน่วนก็ยังไม่เห็นรูปลักษณ์หน้าตาของจักรพรรดินีอย่างชัดเจน
แต่ความน่าเกรงขามของนางไม่เคยลดน้อยลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแววตาที่เปล่งประกายอย่างเยือกเย็นเป็นครั้งคราว
แววตาเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้มาจากไขกระดูกและจิตวิญญาณ
ดูเหมือนว่าตัวเองจะไม่ถูกชะตากับนางมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
กู้ชูหน่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยขออยู่ในสำนักหมอหลวง และหวังว่าจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องยาในสำนักหมอหลวง”
นิกายต่าง ๆ ล้วนแต่ตามฆ่านาง การที่นางอยู่ในวังจะปลอดภัยที่สุด
ประการแรกคือได้ช่วยลั่วอิงและฝูกวงตามหาแม่กู่
ประการที่สองคือสามารถที่จะสืบหาคนร้ายที่ฆ่าล้างตระกูลมู่ได้
ประการที่สามคือสามารถที่จะช่วยเยี่ยจิ่งหานได้
“ตกลง เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็อยู่ที่สำนักหมอหลวง พระราชทานตำแหน่งให้เป็นหมอหลวงระดับสาม และมีอำนาจในการรักษาอาการบาดเจ็บของคุณชายเยี่ยอย่างเต็มที่”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“หากรักษาคุณชายเยี่ยให้หายได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม แต่หากรักษาไม่หาย เชื่อว่าเจ้าก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมา”
“ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยจะพยายามรักษาคุณชายเยี่ยอย่างสุดความสามารถ และรับรองว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของคุณชายเยี่ยให้หาย”
จักรพรรดินีเม้มริมฝีปากอย่างพึงพอใจ “ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน เจ้ากลับไปจัดการเรื่องที่บ้าน แล้วเข้ามาอยู่ในวัง”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ไป๋หนิง จัดการให้พวกเขาออกไปจากในวังพร้อมกันเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าจักรพรรดินีจงใจให้นางออกไปจากในวังพร้อมกับไป๋หลี่เฉิงหรือไม่
เพียงแต่นี่เป็นโอกาสที่ดี
นางจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้สืบให้แน่ใจว่าตระกูลไป๋หลี่เป็นคนร้ายที่ฆ่าล้างตระกูลมู่หรือไม่
ในป่าไผ่นอกพระราชวัง
ไป๋หลี่เฉิงบอกให้คนรับใช้หยุดรถ และวางไหเถ้ากระดูกลง เขาลงจากรถแล้วมองไปทางด้านหลัง
“ออกมาเถอะ”
กู้ชูหน่วนเอามือไพล่หลังและเดินออกมาจากท้ายป่าไผ่
นางปลอมตัวเป็นบุรุษ และปลอมตัวเป็นหมอธรรมดาวัยกลางคน
แต่นัยน์ตาของนางยังคงชัดเจน ความมีสง่าราศีและท่าทางที่เย่อหยิ่งแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย นางไม่ได้สุภาพอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนตอนที่อยู่ในวัง ทำให้ผู้คนไม่เชื่อว่านางเป็นเพียงหมอธรรมดา ๆ
“เจ้าตามข้ามาทำไม?พวกเรารู้จักกันหรือ?”
ไป๋หลี่เฉิงกระวนกระวายใจ แต่ก็ระงับอารมณ์เอาไว้
หลานชายของเขาตายแล้ว และเขาแทบอยากจะแตกหักกับจักรพรรดินี
แต่เขาก็รู้ดีว่าหากแตกหักกัน ตระกูลไป๋หลี่ก็อาจจะถูกทำลายล้างเได้ทุกเมื่อ
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ นางถอดหน้ากากออก และเผยให้เห็นใบหน้างามล่มเมือง
“ผู้อาวุโสไป๋หลี่ช่างเป็นผู้สูงศักดิ์ที่ขี้ลืมเสียจริง ไม่นานก็ลืมข้าเสียแล้ว”
“เป็นเจ้า มู่หน่วน”
“ข้าเอง”
“ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกกลับไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีเล่า?มอบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีออกมา”
“ใครคือคนร้ายที่ฆ่าล้างตระกูลมู่?” กู้ชูหน่วนจ้องมองไปที่เขา และไม่ปล่อยให้เขาเคลื่อนไหวใด ๆ
นางเหยียดหลังตรง และเผชิญกับไป๋หลี่เฉิงที่เป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับสี่ โดยไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด แล้วยังอยากจะล้างแค้นแทนคนเหล่านั้นอีก?”
“ใครคือคนร้ายที่ฆ่าล้างตระกูลมู่?”
กู้ชูหน่วนถามอีกครั้งและก้าวไปข้างหน้า
นางเพิ่งเข้าสู่ระดับสาม แต่ไอสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนางนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าระดับห้าเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัยน์ตาคู่นั้นของนาง
แม้จะไม่มีความเกลียดชังและไม่มีเจตนาฆ่า แต่ก็เยือกเย็นจนน่าสะพรึงกลัว
ไป๋หลี่เฉิงขนลุกและโกรธมากยิ่งขึ้น
อยู่ในวังจักรพรรดินีจะชักสีหน้าใส่เขาก็ไม่เป็นไร แต่ไม่คิดเลยว่าอยู่ที่นี่ มู่หน่วนจะกล้าชักสีหน้าใส่เขาและยังกล้าที่จะข่มขู่เขาด้วย
“ตาเฒ่ามู่ดื้อดึงยิ่งนัก บอกให้เขาส่งตัวเจ้าออกมา เขาก็ไม่ยอมส่ง สมควรแล้วที่จะถูกฆ่า”
“ดังนั้น คนร้ายที่ฆ่าล้างตระกูลมู่ก็คือตระกูลไป๋หลี่ของพวกพวกท่าน?”
“ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร ลำพังแค่เจ้าจะทำอะไรตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราได้ ล้างแค้นแทนคนพวกนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของไป๋หลี่เฉิงเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
มุมปากของกู้ชูหน่วนยกขึ้นและยิ้มเยาะเย้ย
“ท่านพูดถูก แม้ว่าตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่านจะไม่ใช่คนร้ายตัวจริง แต่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หากไม่มีพวกท่าน ตระกูลมู่ของข้าคงจะไม่ตายอย่างอนาถ”
“พรึบ……” กู้ชูหน่วนโยนเสื้อคลุมบนร่างของตัวเองทิ้งไป นางใช้มือขวาชักดาบอ่อนออกมาจากรอบเอว
“อย่างไรก็ตาม วันนี้ข้าจะทำให้ท่านได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่ายอดฝีมือที่แท้จริง”
ไป๋หลี่เฉิงถือเคียวอยู่ในมือ กำลังภายในของเขาวางอยู่บนเคียว เคียวบินออกจากฝ่ามือของเขา และฟันไปที่กู้ชูหน่วนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ นางก้าวไปข้างหน้าแทนที่จะล่าถอย และใช้ดาบอ่อนนุ่มในมือขวาต่อสู้กับเคียว
ทั้งสองปะทะกัน มีประกายไฟและเสียงออกมาจากอาวุธ
“เคร้ง ๆ ๆ ……”
คนหนึ่งขว้างเคียวให้บินออกไป
อีกคนหนึ่งก็ทำลายทุกกระบวนท่า
ในชั่วพริบตาเดียว ทั้งสองก็ต่อสู้กันหลายสิบรอบ
ผู้ที่เพิ่งผ่านระดับสามต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับสี่ แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบ
“เจ้าไม่ได้ใช้กระบวนท่าในการต่อสู้ของตระกูลมู่ ข้าว่าแล้วทำไมเจ้าถึงบ้าคลั่งขนาดนี้ ที่แท้เจ้าก็ฝึกวรยุทธ์อื่น เหอะ หากเจ้าได้อยู่เงียบ ๆ อีกสักพัก ซ่อนความสามารถที่แท้จริงและได้เลื่อนขั้นวรยุทธ์ บางทีข้าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า เพียงแต่เจ้าใจร้อนเกินไป เพิ่งผ่านระดับสาม แต่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับข้า”
“แค่ระดับสามก็เพียงพอที่จะฆ่าท่านได้แล้ว”
กระบวนท่าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไป กำลังภายในของนางเพิ่มมากขึ้น ดาบอ่อนแยกออกเป็นแปดเล่ม และในเวลาเดียวกันดาบทั้งแปดเล่มก็แทงไปที่จุดสำคัญของไป๋หลี่เฉิงอย่างโหดเหี้ยม
ไป๋ลี่เฉิงหัวเราะเยาะ
แม้ว่ากระบวนท่าของนางจะซับซ้อน ลงมืออย่างรวดเร็วและแม่นยำ และไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย
ก็แค่ผู้ที่วรยุทธ์ระดับสาม และมีความมั่นใจในตัวเองมาก
เมื่อเห็นว่าดาบทั้งแปดของนางพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
ไป๋หลี่เฉิงก็ยิ่งดูถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ว่ากระบวนท่านี้จะรุนแรงมาก แต่นางก็ไม่ได้ใช้พลังชั่วร้าย นางคิดว่าจะใช้กระบวนท่านี้เอาชนะเขาได้ ฝันไปเถอะ
และพลังชั่วร้าย……
หากนางสามารถกระตุ้นได้ง่าย ๆ ในวันนั้นที่อยู่ที่การชุมนุมมอบรางวัล นางก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
เคียวของไป๋หลี่เฉิงถูกขว้างออกไป และกำลังภายในของเขาก็ถ่ายเทออกไปด้วย จึงทำให้ดาบอ่อนทั้งแปดเล่มกระเด็นออกไปในทันที
เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่ว่าดาบอ่อนทั้งแปดจะรุนแรงเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานเคียวได้
ดาบอ่อนทั้งแปดเล่มพ่ายแพ้และกระเด็นออกไป
มองเผิน ๆ ดูเหมือนว่ากู้ชูหน่วนตกเป็นเบี้ยล่าง
แต่ทว่ากลับเป็นไป๋หลี่เฉิงที่ตระหนกตกใจ