กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 899

นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาอย่างลนลาน และกระซิบข้างหูของขันที

ขันทีมองไปที่ไป๋หลี่เฉิงอย่างครุ่นคิด น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่ง

“ผู้อาวุโสไป๋หลี่ ฝ่าบาททรงมีคำเชิญ”

“ฝ่าบาททรงให้ข้าไปเข้าเฝ้า?” ไป๋หลี่เฉิงตกตะลึง และมองไปที่ซั่งกวนชิงและคนอื่น ๆ ด้วยความงุนงง

“ใช่ เชิญเถอะ”

“กงกง แล้วพวกเราเล่า ฝ่าบาททรงให้ไปเข้าเฝ้าด้วยหรือไม่?”

“ทุกท่านงต้องรอก่อน”

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองไปที่ฝูงชน และเดินจากไปพร้อมกับขันทีและไป๋หลี่เฉิง

เนื่องจากนางแปลงโฉมเป็นหมอจิน คนเหล่านั้นจึงจำนางไม่ได้

“ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี”

ในพระราชวัง

ไป๋หลี่เฉิงคุกเข่าลง

กู้ชูหน่วนเพียงแค่กำหมัดและคำนับ

สายตาของทุกคนต่างมองไปที่กู้ชูหน่วน และคิดว่านางไม่รู้จักมารยาท บรรดากงกงทั้งหลายใช้สายตาเพื่อบอกใบ้ แต่ดูเหมือนกู้ชูหน่วนจะไม่เห็น บรรดากงกงทั้งหลายจึงอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ

จักรพรรดินีกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวหลังผ้าม่านอย่างเหนื่อยหน่าย และเสื้อผ้าเปิดเผยครึ่งหนึ่ง

นางเลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ มือข้างหนึ่งถือจอกสีทอง

และมืออีกข้างหนึ่งก็โอบชายรูปงามที่อยู่ข้าง ๆ ดวงตาของนางหรี่ลง และมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความสนใจ

ที่เท้าของนาง ยังมีชายหนุ่มอีกหลายคนที่กำลังบีบนวดขาของนาง

กู้ชูหน่วนปล่อยให้นางมองอย่างไม่ถือสา

“เห็นฝ่าบาทแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก” กงกงปาดเหงื่อและเร่งรัดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

คนนอกวังก็คือคนนอกวัง ไม่รู้จักกฎระเบียบแม้แต่น้อย

อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทกล้าไร้มารยาทได้อย่างไร นี่เป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐปิง

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างชอบธรรม “เพียงแค่ในใจมีฝ่าบาท เคารพยำเกรงฝ่าบาท และรักฝ่าบาท การคุกเข่ากับการไม่คุกเข่าแตกต่างกันอย่างไร?บางคนแม้ว่าจะคุกเข่า แต่ก็รู้สึกไม่พอใจฝ่าบาท”

ที่นี่มีเพียงกู้ชูหน่วนและไป๋หลี่เฉิง

ไป๋หลี่เฉิงตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าหมอผู้นี้ตีวัวกระทบคราด และกำลังพูดถึงเขา?

หากเขาตอบโต้ก็ยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนผู้นั้น

หากเขาไม่ตอบโต้ เขาก็จะถูกใส่ความเปล่า ๆ

ไป๋หลี่เฉิงกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงอยู่เหนือหัว เป็นบุตรมังกรสวรรค์ ใต้หล้านี้ใครบ้างไม่ความเคารพยำเกรง?ใครบ้างที่ไม่รัก?”

“อ้อ……เช่นนั้นท่านเข้ามาในวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาททำไมกัน?ทูลขอให้ฝ่าบาททรงเมตตาศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่ หรือว่าทูลขอให้ฝ่าบาทปล่อยพวกเขาไป?”

“เจ้า……”

ไป๋หลี่เฉิงโกรธจัด

เขากับหมอผู้นี้ไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่มีความบาดหมางหรือความเกลียดชังใด ๆ แต่คำพูดของนางช่างเฉียบคม

ในพระราชวังอันกว้างใหญ่ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาในวังเพื่อขอความเมตตาให้หลานชายและลาวกในตระกูลของเขา แต่นางเลือกที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีเจตนาไม่ดีเช่นนี้ แล้วจะให้เขาพูดในภายหลังว่าอย่างไร?

แม้ว่าจะมีคำพูดมากมาย แต่ไป๋หลี่เฉิงก็ไม่รู้จะอธิบายให้จักรพรรดินีฟังอย่างไร

จึงทำได้เพียงโขกศีรษะและกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชา ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยและทุกคนในตระกูลไป๋หลี่ล้วนแต่จงรักภักดีต่อฝ่าบาท และไม่กล้าที่จะต่อต้านฝ่าบาท”

“ลุกขึ้นเถอะ”

จักรพรรดินีจิบสุราเบา ๆ และลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็กล่าวอย่างเฉื่อยช้า “เจ้ามาขอเข้าเฝ้าข้าด้วยเรื่องอันใด?”

“คือว่า……ข้าน้อยผู้ต่ำต้อย……ไป๋หลี่ชุนหลานชายของข้า และลูกหลานอีกแปดคนของตระกูลไป๋หลี่เข้ามาในวังเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาท ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาปรนนิบัติฝ่าบาทได้อย่างน่าพึงพอใจหรือไม่?”

หากหมอไม่ผู้นั้นไม่ได้พูดเช่นนั้น ไป๋หลี่เฉิงคงจะกล้าทูลขอให้ฝ่าบาทปล่อยเขา

แต่ในตอนนี้……

เขาทำได้เพียงหยั่งเชิงดูคร่าว ๆ ว่าหลานชายของเขายังอยู่ที่นี่หรือไม่

จักรพรรดินีกล่าวเบา ๆ “ก็พอใช้ได้”

แค่คำว่าพอใช้ได้ก็ทำให้สีหน้าของไป๋หลี่เฉิงเปลี่ยนและหายใจถี่ขึ้น”

“ฝ่าบาท ไป๋หลี่ชุนยังเด็กนัก แน่นอนว่าพระองค์ย่อมไม่พอใจการปรนนิบัติของเขา เช่นนั้นให้ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยนำกลับไปอบรม แล้วค่อยให้เขาเข้าวังมาปรนนิบัติฝ่าบาท”

“ไม่ต้องหรอก”

“ฝ่าบาท……” ไป๋หลี่เฉิงตื่นตระหนก

ภรรยาและลูก ๆ ของเขาล้วนแต่ตายไปหมดแล้ว เขาเหลือหลานชายเพียงแค่คนเดียว

เขานึกไม่ออกเลยว่าหากไม่มีหลานชายแล้ว เขาควรจะทำอย่างไร?

เขาขอร้องผู้นำตระกูล ให้ผู้นำตระกูลขอความเมตตาแทนไป๋หลี่ชุนและคนอื่น ๆ

แต่ผู้นำตระกูล……ปฏิเสธ……และสั่งไม่ให้เขาพูดถึงเรื่องนี้อีก อีกทั้งไม่อนุญาตให้เขามาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท

ชุนเอ๋อร์และศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่อีกแปดคน ล้วนเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลไป๋หลี่

เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมผู้นำตระกูลถึงคอยจ้องจะทำลายผู้ที่มีความสามารถยอดเยี่ยมในเผ่า

“ไป๋หลี่ป้าเล่า?ทำไมเขาถึงไม่มา?”

“ผู้นำตระกูล……ระยะนี้ผู้นำตระกูลไม่ค่อยสบายพ่ะย่ะค่ะ และยุ่งอยู่กับงานราชกิจ จึงไม่กล้ามารบกวนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“จะว่าไปไป๋หลี่ป้าก็ทำงานมากมายให้ข้า อีกทั้งบรรพบุรุษของตระกูลไป๋หลี่ยังเป็นผู้ก่อตั้งรัฐปิง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้าได้ฝึกฝนผู้ที่มีความสามารถมากมายให้กับรัฐปิง ช่างเถอะ……เจ้าต้องการจะพบพวกเขาใช่หรือไม่ ข้าจะสนับสนุนเจ้า และให้เจ้าพาพวกเขากลับไป”

ไป๋หลี่เฉิงรู้สึกดีใจมาก

เขาไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะราบรื่นขนาดนี้

เขากล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่นาน ขันทีก็นำไหเล็ก ๆ มาเก้าไห

ไป๋หลี่เฉิงมองดูไหด้วยความประหลาดใจ

จักรพรรดินีกวาดสายตามองไปที่ไห และกล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า “พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หรือ?”

“เปรี้ยง……”

ไป๋หลี่เฉิงเหมือนโดนฟ้าผ่า ร่างของเขาเกือบจะยืนไม่อยู่

“ฝ่าบาท……”

กงกงกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงพระเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดให้เขานำเถ้ากระดูกกลับไป เจ้ายังไม่รีบขอบพระทัยฝ่าบาทอีก”

ที่แท้ชุนเอ๋อร์ก็ถูกนาง……

ไป๋หลี่เฉิงโกรธทั้งโกรธ ทั้งกระวนกระวายใจ และไม่อยากจะเชื่อ

เมื่อไม่กี่วันก่อนยังมีชีวิตอยู่ดี ๆ แต่ในตอนนี้กลับเหลือแค่เถ้ากระดูก แล้วเขาจะยอมรับได้อย่างไร

“ฝ่าบาท ในนี้ไม่ใช่เถ้ากระดูกของไป๋หลี่ชุนและพวกเขา……ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ……”

“อะไรนะ?เจ้าไม่ต้องการ?ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นก็โยนลงไปในบ่อส่งคืนวิญญาณ”

“ฝ่าบาท……”

ไป๋หนิงที่ปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ จักรพรรดินีกล่าวอย่างเย็นชา “เขาได้ปรนนิบัติฝ่าบาท นั่นเป็นความโปรดปรานที่ฝ่าบาททรงให้เขา ผู้อาวุโสไป๋หลี่ หรือว่าท่านไม่พอใจฝ่าบาท?”

“ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยมิกล้า?”

ไป๋หลี่เฉิงโกรธจนตัวสั่นจักรพรรดินี

แต่เธอเป็นราชินี

เขาจึงทำได้เพียงอดทน

มิเช่นนั้นตระกูลไป๋หลี่ทั้งหมดอาจจะต้องตายอย่างน่าอนาถเพราะคำพูดของเขา

“ฝ่าบาททรงคืนเถ้ากระดูกให้ นั่นก็เป็นเพราะความจงรักภักดีของตระกูลไป๋หลี่จากรุ่นสู่รุ่น ท่านยังไม่ขอบพระทัยฝ่าบาทอีก”

“ข้าน้อยผู้ต่ำต้อย……ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

กู้ชูหน่วนไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย

คนพวกนี้ไม่ใช่คนดี รวมทั้งไป๋หลี่ชุนผู้นั้นที่อาศัยความเข้มแข็งข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า และก่อกรรมทำชั่วสารพัด

จักรพรรดินีกล่าวอย่างช้า ๆ “ได้ยินมาว่าตระกูลไป๋หลี่จับราชางูเหลือมหยกเก้าเศียรได้ รวมทั้งเสือดำโบราณด้วย?”

“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านี้เคยจับได้ ผู้นำตระกูลต้องการถวายให้กับฝ่าบาท แต่นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะหนีไปได้”

ไป๋หนิงกล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องไร้สาระ ฝ่าบาททรงถามถึงเมื่อหลายวันก่อน ไม่ใช่เมื่อครู่”

“ฝ่าบาท ตระกูลไป๋หลี่จับพวกมันได้สองครั้ง และพวกมันก็หลบหนีไปได้ทั้งสองครั้ง หากฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อ พระองค์สามารถส่งคนไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ”

หัวใจของกู้ชูหน่วนเต้นแรง

ในตอนที่นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยไม่ได้ปรากฏตัว เป็นเพราะพวกมันถูกคนในตระกูลไป๋หลี่จับไว้งั้นหรือ?

นางรู้ดีว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสองตัวนั้นอย่างแน่นอน พวกมันถึงไม่สามารถมาช่วยนางได้

แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหน?

“จริงหรือ?” จักรพรรดินีถาม

“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยมิกล้าหลอกลวงฝ่าบาท” ไป๋หลี่เฉิงระงับความโกรธและความโศกเศร้าของเขาเอาไว้ และกล่าวด้วยความเคารพและยำเกรง