ตอนที่ 378 เยี่ยมเยียน / ตอนที่ 379 อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 378 เยี่ยมเยียน

 

 

“ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ก็ต้องไปเยี่ยมคุณผู้หญิงแน่นอนสิครับ” จุดมุ่งหมายของลั่วเซ่าเซินในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาพบว่าที่แม่ยายในอนาคต ถ้าเฉินหลานอีอยู่ข้างเขา เชื่อได้เลยว่าโอกาสที่เขาจะได้รับชัยชนะก็จะต้องมีมากขึ้น

 

 

พอเข้าไปตัวปราสาท เฉินหลานอีก็นั่งรอที่โซฟาแล้ว พ่อบ้านพาทุกคนมาถึงห้องรับแขกแล้วจึงถอยไปยังอีกมุมหนึ่ง ก่อนจะกำชับให้คนรับใช้รีบยกน้ำชาเข้ามา

 

 

“ลั่วอิง รีบมาหายายสิจ๊ะ”

 

 

เฉินหลานอีพินิจพิจารณาลั่วเซ่าเซิน ก็ดูดีไม่หยอกนี่นา เพียงแต่จากคำบอกเล่าของโอวหยางหงที่พูดถึงเขาทำให้ทัศนคติของเฉินหลานอีที่มีต่อเขาไม่ดีนัก เวลานี้เขายืนอยู่ตรงนี้อย่างมีมารยาท เจิศจรัสอยู่ต่อหน้าเฉินหลานอี เขาไม่ได้แย่อย่างที่หงเอ๋อร์บอกเสียหน่อย

 

 

ลั่วอิงมองลั่วเซ่าเซินแวบหนึ่ง เห็นเขาพยักหน้าน้อยๆ ถึงได้เข้าสวมกอดเฉินหลานอี “คุณยาย นี่คุณพ่อของหนูค่ะ!”

 

 

ลั่วอิงไม่อาจทนให้ลั่วเซ่าเซินถูกหมางเมินได้ อย่างแรกก็ต้องแนะนำคุณพ่อก่อน เป็นดังคาด เมื่อลั่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างนี้ เฉินหลานอีก็ไม่ได้เย็นชากับเขาอีก “คุณลั่วใช่ไหม? รีบนั่งลงคุยกันดีกว่านะคะ”

 

 

“คุณเฉิน ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ผมเข้ามาเยี่ยมโดยไม่ได้บอกกล่าว คุณคงจะรู้อยู่แล้วว่าหู่พั่วคือถังโจวโจวภรรยาของผม ผมมาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อจะรับตัวเธอกลับไป” ลั่วเซ่าเซินอธิบายจุดประสงค์ในการมาของเขา

 

 

ในใจของเฉินหลานอีตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก พอได้ยินว่าหู่พั่วจะจากเธอไปก็ทำให้เธอไม่อาจสงบใจเอาไว้ได้ อย่างไรลูกสาวของเธอก็ต้องอยู่ข้างกายเธอ จะให้จากเธอไปได้อย่างไร

 

 

เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่แน่ใจว่าเป็นความคิดของลั่วเซ่าเซินคนเดียวหรือว่าผ่านการเห็นชอบของหู่พั่วแล้ว เธอหันไปหาหู่พั่ว ก็เห็นหู่พั่วรีบส่ายหน้า เธอพลันเข้าใจในทันที ทั้งหมดนี้เป็นลั่วเซ่าเซินที่ทึกทักไปเองเพียงฝ่ายเดียว

 

 

“คุณลั่ว ถึงแม้คุณจะเป็นสามีตามกฎหมายของหู่พั่ว แต่พวกเราทุกคนก็ต่างรู้ดี ขอเพียงหู่พั่วต้องการ การแต่งงานของคุณจะกลายเป็นแค่กระดาษเหลือใช้แผ่นเดียวเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อความรักครั้งต่อไปของคุณแต่อย่างใด”

 

 

เฉินหลานอีแสดงอำนาจ ส่วนลั่วเซ่าเซินก็ต้องยอมให้เธออยู่แล้ว จะมีเรื่องกับใครก็ได้ แต่จะมีเรื่องกับว่าที่แม่ยายไม่ได้ นอกเสียจากว่าเขาจะไม่อยากพานางในใจกลับไปด้วย

 

 

“คุณเฉินครับ ผมรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับโจวโจวทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง แต่ก็คุณก็น่าจะให้โอกาสให้ผมได้ชดใช้ให้เธอบ้าง อีกอย่างลั่วอิงก็อยากให้เธอกลับไปอยู่ด้วยมากๆ ผมจะเลี้ยงเสี่ยวอวี่ให้เหมือนกับลูกแท้ๆ ของผม ไม่เอาเปรียบเขาแน่นอน”

 

 

เฉินหลานอีอ้าปากกว้าง มองหู่พั่วด้วยความตกตะลึง ที่แท้เขายังก็ยังไม่รู้อีกหรือว่าเสี่ยวอวี่เป็นลูกของเขา เรื่องนี้ช่าง…

 

 

เฉินหลานอีไม่รู้ว่าในสมองของผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้มองข้ามเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้นะ เขาคิดว่าพู่พั่วมีลูกกับผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร?

 

 

ลั่วเซินไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน ดูจากท่าทางของโอวหยางหงแล้ว ต่อให้เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับถังโจวโจวก็ตามที แต่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าระหว่างสองปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้คบกันผู้ชายคนไหนเลย ลั่วเซ่าเซินไม่กล้าคิด กลัวว่ายิ่งคิดตัวเองก็จะยิ่งเจ็บปวด

 

 

หู่พั่วเบะปาก ก่อนหน้านี้ที่หงเอ๋อร์ปั่นหัวเขา เขาจะเข้าใจผิดก็แล้วกันไป เวลานี้ลั่วอิงก็น่าจะเล่าทุกอย่างให้เขาฟังได้แล้ว ปล่อยให้เขาคิดอย่างนี้อยู่อีก สมองของเขานี่ก็ช่าง…

 

 

ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าสายตาของทั้งสองเจือด้วยความเหยียดหยาม หรือว่าเมื่อสักครู่นี้เขาพูดอะไรผิดไป? เขาคิดอยู่สักครู่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำได้เพียงเลิกคิด

 

 

“โจวโจว คุณจะไม่ยอมกลับไปกับผมจริงๆ เหรอ? ผมไม่รู้ว่าคุณลืมผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าผมจะช่วยคุณตามหาความทรงจำที่หายไปเอง ขอแค่คุณเชื่อในตัวผม” ลั่วเซ่าเซินอ้อนวอนเธอด้วยความรู้สึกและความจริงใจที่เขามี

 

 

เขาไม่อยากให้ถังโจวโจวไปจากเขา ยากเย็นเท่าไรกว่าจะหาเธอได้พบ แล้วเขาจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร พวกเขาทั้งครอบครัวควรจะอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข

 

 

 “ฉันไม่มีความคิดจะใช้ชีวิตครอบครัวกับคุณอีก เราสองคนรีบหาเวลาไปทำเรื่องหย่าให้เร็วที่สุดเถอะนะ”

 

 

“หู่พั่ว อย่าเพิ่งวู่วามสิ”

 

 

ที่ผ่านมาเฉินหลานอีคิดว่าเธอแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ใครจะรู้ว่าหู่พั่วตั้งใจจะหย่ากับลั่วเซ่าเซินจริงๆ มองจากมุมของเสี่ยวอวี่แล้ว เธอก็ไม่ควรทำแบบนี้ นอกจากว่าลั่วเซ่าเซินจะไม่ใช่คนที่ควรค่าจะฝากชีวิตเอาไว้ ไม่อย่างนั้นการมีพ่อแท้ๆ อยู่ด้วยก็น่าจะอุ่นใจกว่า

 

 

ลั่วเซ่าเซินคิดไม่ถึงว่าถังโจวโจวจะพูดแบบนี้ “โจวโจว คุณหมายความว่ายังไง หย่างั้นเหรอ?” คงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเอาไว้ใช่ไหม

 

 

 

 

ตอนที่ 379 อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ

 

 

“ใช่แล้ว อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ ฉันบอกว่าฉันจะหย่ากับคุณ พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันมาสองปีแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้มีความคิดจะกลับไปกับคุณ ฉันพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้”

 

 

หู่พั่วคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว เธอคิดถึงปัญหานี้มาเป็นเวลานาน ตอนที่โอวหยางหงบอกเหตุผลที่เธอถูกรถชน เธอจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมา

 

 

“โจวโจว ระหว่างเรามีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า พวกเราจะเลิกกันได้ยังไง คุณไม่คิดถึงเพื่อนเก่าของคุณบ้างเหรอ? คุณจะใช้ชีวิตเป็นคนไร้ความทรงจำแบบนี้ตลอดไปเหรอ?”

 

 

ลั่วเซ่าเซินพูดจบถึงได้รู้ตัวว่าทำพลาดไป เขาพูดกับถังโจวโจวไปอย่างนี้ เธอจะเสียใจแค่ไหนกัน เขารู้สึกโมโหขึ้นมา แต่อย่างไรก็พูดออกไปแล้ว เหมือนกับน้ำที่ถูกสาด ไม่มีทางเก็บคืนมาได้

 

 

“ฉันจะมีความทรงจำหรือว่าไม่มี ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ทั้งหมดนี่คือตัวฉัน ไม่ว่าฉันจะเป็นแบบไหน ขอแค่ฉันพอใจ ฉันก็มีสิทธิ์จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ ไม่ต้องให้คุณมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทน!”

 

 

หู่พั่วโกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัว เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับลั่วเซ่าเซินอีกต่อไป อุ้มเสี่ยวอวี่หันหลังออกจากห้องรับแขกไปทันที เฉินหลานอีเห็นแล้วก็แสนจะจนใจ

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเซินเห็นเงาหลังของถังโจวโจวก็หวาดกลัวไปหมด “ถังโจวโจว เมื่อกี้ผมพูดผิดไป ผมขอโทษ คุณจะไปไม่ได้นะ คุณจะไปไม่ได้…”

 

 

เงาหลังของหู่พั่วห่างไกลออกไป ต่อให้เธอได้ยิน เธอก็ไม่มีทางหันหลังกลับมา ตอนนี้ลั่วเซ่าเซินก็เป็นแค่พ่อของลูกเธอเท่านั้น น่าเสียดายที่เขาไม่รับรู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นสำหรับเธอแล้ว เขาก็ไม่ได้มีความสำคัญตรงไหน

 

 

“เอาล่ะ คุณเลิกโวยวายได้แล้ว หู่พั่วเดินไปไกลแล้ว” เฉินหลานอีเห็นลั่วเซ่าเซินเป็นแบบนี้ ก็ราวกับว่าเห็นเธอกับโอวหยางเลี่ยในตอนนั้น

 

 

ต้องเป็นคนหนุ่มสาวเท่านั้นสินะ! มีแค่คนหนุ่มสาวที่กล้าเผชิญหน้ากล้าเดินต่อไป ด้วยอายุของเธอแล้ว ต้องกังวลนั่นกังวลนี่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีเรี่ยวแรงให้เดินต่อ

 

 

“คุณแม่ครับ ช่วยผมด้วย”

 

 

“นี่คุณ อย่าเรียกอะไรมั่วซั่วนะ ฉันยังไม่ได้ยอมรับในตัวคุณเสียหน่อย” คำพูดนี้ของลั่วเซ่าเซินน่ากลัวจับใจ อ้าปากได้ก็เรียกเธอว่าแม่ เขาไม่กลัวจะทำให้เธอตกใจจนเป็นโรคหัวใจบ้างหรือไง!

 

 

“ขอโทษครับ คุณเฉิน เมื่อกี้ผมหลุดปากไป แต่ว่าในใจของผม คุณเป็นแม่แท้ๆ ของโจวโจว ก็เท่ากับเป็นแม่ยายของผม คุณจะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้”

 

 

ลั่วเซ่าเซินไม่คิดว่าคำพูดเหล่านั้นของเขาจะทำให้เธอโกรธ ตอนนี้ภรรยาของเขาไม่อยู่แล้ว เขาก็ทำได้เพียงชนะใจเฉินหลานอี ขอเพียงเฉินหลานอียอมรับเขา เขาก็จะเข้าใกล้เธอได้มากขึ้นหนึ่งก้าว

 

 

ลั่วเซ่าเซินส่งสายตาให้ลั่วอิง ลั่วอิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเฉินหลานอีรีบร้อนช่วยเขาพูดอีกแรง “คุณยายคะ คุณพ่อชอบคุณแม่โจวโจวมากจริงๆ นะคะ หนูเองก็ด้วย มีคุณพ่อคอยดูแลคุณแม่โจวโจวก็ดีนะคะ!”

 

 

ลั่วเซ่าเซินแอบยกหัวแม่มือให้กับลั่วอิง มันต้องอย่างนี้สิ ขอแค่เธอช่วยเขาพูด ถังโจวโจวจะต้องกลับไปกับเขาอย่างแน่นอน

 

 

เฉินหลานอีรู้ได้ทันทีว่าจู่ๆ ที่ลั่วอิงพูดอย่างนี้คงเป็นเพราะละครที่ลั่วเซ่าเซินจัดฉากขึ้น แต่รู้แล้วจะได้อะไร เธอพูดอะไรไม่ได้ ลั่วเซ่าเซินเองก็รู้ดี ถึงได้อาจหาญทำแบบนี้

 

 

“เอาล่ะ ลั่วอิงเด็กดี ยายรู้แล้วจ้ะ แต่นี่เป็นความคิดของหู่พั่วเอง ยายบังคับเธอไม่ได้นะจ๊ะ ถ้าหู่พั่วตกลง ยายเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

 

 

เฉินหลานอีบอกเป็นนัยให้ลั่วเซ่าเซินรู้ว่าจะให้เธอช่วยพูดไปก็เปล่าประโยชน์ แค่หู่พั่วเอ่ยคำประกาศิตออกมา ต่อให้คนอื่นมีจะความเห็นอย่างไรก็พูดอะไรไม่ได้

 

 

ลั่วเซ่าเซินรู้ว่าวันนี้หมดโอกาสของเขาแล้ว “ลั่วอิง อยู่ที่นี่ก็เป็นเด็กดีนะลูก คุณเฉิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

 

 

เขาจะถอดใจไม่ได้ วันนี้แค่วันแรกเท่านั้น เขาเตรียมใจรับศึกอันยาวนานเอาไว้แล้ว จะแตกตื่นหนีไปเพราะความล้มเหลวเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างไร

 

 

หู่พั่วยืนอยู่ริมหน้าต่างชั้นสอง เห็นลั่วเซ่าเซินขับรถออกไป ไม่นานนักก็มีคนเคาะประตูห้องของเธอ “หู่พั่ว แม่เข้าไปได้หรือเปล่า?”

 

 

“เข้ามาสิคะ” หู่พั่วอุ้มเสี่ยวอวี่นั่งลงบนเก้าอี้ หยิบบิสกิตชิ้นเล็กให้เขากิน เพียงเท่านี้เขาก็จะไม่งอแง ทุกครั้งที่มีอาหารเข้าไปในปาก เสี่ยวอวี่ก็จะยอมเป็นเด็กดี

 

 

เฉินหลานเข้ามาในห้องก็เห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย “เมื่อกี้ลั่วเซ่าเซินกลับไปแล้วนะจ๊ะ”

 

 

“หนูรู้แล้วค่ะ” เธอเพิ่งเห็นเขาออกไปเมื่อสักครู่