ตอนที่ 419 ทำใจ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 419

ทำใจ

ฟุบ… ร่างของชิงชิวทะยานวูบลงมาที่เมืองหลวงเก่าของอาณาจักรไป๋อย่างรวดเร็ว หลังจากตนเองรอดมาได้ ชิงชิวก็กลับมาหาแม่และน้องชายที่อยู่ในอาณาจักรไป๋เป็นอย่างแรก เพียงแต่ความเร็วของชิงชิวนั้นมีไม่เท่าเหล่าอสูรของไป๋จูเหวิน กว่าชิงชิวจะกลับมาถึงอาณาจักรไป๋ พิธีศพของชินอี้ก็ถูกจัดจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ความจริงในใจชิงชิวยังกังวลอยู่ไม่น้อยว่าครอบครัวของมันจะเป็นอะไรหรือไม่ กังวลถึงขนาดว่าองค์จักรพรรดิอาจจะส่งทหารมาจับกุมแม่และน้องๆของมันไปแล้วก็เป็นได้ ยิงชิงจื่อที่อยู่ในวังหลวงปัจจุบันแล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ บางทีตอนนี้ชิงจื่ออาจจะโดนจับขังคุกแทนมันอยู่ก็เป็นได้

“……”ชิงชิวลอบเข้ามาในท้องพระโรงของวังหลวงเก่าพลางมองไปรอบๆ ยามนี้บนพื้นเต็มไปด้วยกระดาษตกแต่งงานศพและชิงชิวยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นไหม้ที่ยังคงตกค้างอยู่ตามพื้นที่รอบๆราวกับสถานที่นี้พึ่ใช้จัดพิธีศพไปหมาดๆ

“ชิงชิง…”ชิงชิวว่าพลางมองรูปที่วางเอาไว้มุมหนึ่งของห้อง งานศพที่จัดขึ้นที่เมืองหลวงเก่าแห่งนี้คืองานศพของชิงชิงน้องสาวของชิงชิวนั่นเอง แสดงว่าเรื่องชิงชิงรู้มาถึงหูแม่ของมันแล้ว แถมยังจัดพิธีเสียเสร็จแล้วด้วยอีกต่างหาก

“ท่านแม่….”ชิงชิวเดินเข้าไปในห้องของมารดาตนเองช้าๆ และก็พบเข้ากับร่างของมารดาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน พร้อมกับน้องชายทั้งสองคนของชิงชิวที่กำลังนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ

“พี่ชิว..”ชิงจื่อว่าพลางมองมาทางชิงชิว ชิงจื่อสมควรอยู่ที่เมืองหลวงปัจจุบันไม่ใช่หรือทำไมมาอยู่ที่นี่ได้

“ท่านปลอดภัยดีสินะ”ชิงจื่อว่าพลางเดินเข้ามาหาชิงชิวช้าๆ หลังจากเกิดเรื่องชิงจื่อโดนย้ายมาอยู่ที่วังหลวงเก่าโดยที่มันไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากสอบถามคนอื่นๆ ชิงจื่อก็ทราบว่าชิงชิวเป็นผู้สังหารชินอี้ ทำให้ตนเองยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ว่าทำไมตนเองยังรอดชีวิตอยู่ได้ทั้งๆที่พี่ชายของตนเป็นผู้สังหารองค์รัชทายาท

“อย่างงั้นหรือ องค์จักรพรรดิไม่ได้ลงโทษพวกเจ้าสินะ”ชิงชิวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทราบว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้ลงโทษอะไรครอบครัวของชิงชิว ตรงกันข้ามตัวองค์จักรพรรดิยังจัดขบวนและพาศพของชิงชิงมาที่วังหลวงเก่าด้วยตนเองอีกต่างหาก ส่วนแม่ของชิงชิวที่ล้มป่วยก็เป็นเพราะทราบข่าวการเสียชีวิตของชิงชิงและเรื่องของชิงชิวนั่นเอง

“แล้วท่านล่ะจะทำอย่างไรต่อ”ชิงจื่อถามพลางมองมาทางชิงชิว เพียงแค่ไม่เอาเรื่องครอบครัวของชิงชิวตัวไป๋จูเหวินก็ถือว่าทำให้มากเกินพอแล้ว ชิงชิวไม่คิดจะหวังให้ไป๋จูเหวินถึงขั้นยกความผิดของมันทิ้งไปด้วย ที่มันยังกล้าเข้ามาในอาณาจักรไป๋อีกเพราะเป็นห่วงครอบครัวเท่านั้น หากมีเรื่องขึ้นจริงอย่างมากมันก็พาครอบครัวหนีอาณาจักรอื่นเท่านั้น

“ข้าคงอยู่ที่นี่ไม่ได้”ชิงชิวตอบพลางยิ้มบางๆออกมา แม้จะไม่มีประกาศจับชิงชิวออกมา แต่ชิงชิวก็ไม่สามารถทนรับความรู้สึกผิดที่มีต่อไป๋จูเหวินได้ มันทำเช่นนั้นกับไป๋จูเหวินแล้วยังจะกล้าอยู่ในอาณาจักรของท่านอีกงั้นหรือ

“ข้าจะดูแลแม่เอง ท่านไปเถอะ”ชิงจื่อว่าพลางมองมาทางชิงชิว เพียงแค่ครอบครัวของมันยังไม่โดนสั่งประหารก็เป็นบุญมหาศาลแล้ว ชิงจื่อทำใจที่จะรับช่วงต่อครอบครัวของตนเอาไว้แล้ว แถมหน้าที่การงานของมันก็ยังไม่ได้หายไปไหน แม่ของมันก็ยังคงเป็นเจ้าเมือง ตัวมันเองก็เข้าร่วมงานกับหลิวเซียนอีกต่างหาก ที่มันจำเป็นต้องทำจริงๆก็คือทำให้มารดาทำใจเรื่องชิงชิงและชิงชิวได้เท่านั้น

“ข้าฝากเจ้าบอกลาท่านแม่ด้วย”ชิงชิวว่าพลางหายตัวไปอีกครั้ง แต่ก่อนจะหนีออกไป ตัวมันก็กลับมองไปทางใต้ครู่หนึ่ง ตัวมันไม่ได้เสียดายชื่อเสียงเงินทองหรือตำแหน่งราชบุตรเขยเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ชิงชิวเสียดายที่สุดก็คือมันไม่มีโอกาสได้อยู่กับองค์หญิงอีกต่อไปแล้ว

.

.

“องค์จักรพรรดิ ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะ”ขณะเดียวกันในท้องพระโรง ตัวไป๋จูเหวินกำลังนั่งประชุมร่วมกับเหล่าขุนนางเพื่อปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไรกับอาณาจักรที่ชินอี้ยึดมาเป็นของตนเองดี

“ไม่ต้องกังวล จัดการได้เลย”ไป๋จูเหวินตอบพลางพยักหน้าช้าๆ การฟื้นฟูอาณาจักรที่โดนอสูรของชินอี้เล่นงานจำเป็นต้องใช้เงินและทรัพยากรมหาศาล ทั้งวัตถุดิบและแรงงาน แม้จะเป็นไป๋จูเหวินที่มีเงินมหาศาลก็ยังเรียกได้ว่าสิ้นเปลืองมาก

“สิ่งสำคัญคือสภาพจิตใจของประชาชน อย่าได้ขี้เหนียวนักเลย”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มเศร้าๆออกมา หลังจากส่งคนไปสำรวจสภาพบ้านเมือง ไป๋จูเหวินถึงได้ทราบว่าชินอี้สังหารคนไปเท่าไหร่เพื่อยึดอาณาจักรเหล่านั้นมา และเพราะชินอี้ปล่อยให้เหล่าอสูรอาละวาดกันเต็มที่ ทำให้ประชาชนของอาณาจักรที่ชินอี้ยืดมาเหลือเพียง 4 ใน 10 ส่วนเท่านั้น ยิ่งทราบจำนวนตัวเลขความเสียหายไป๋จูเหวินก็ยิ่งปวดใจ

เพราะแบบนี้ การฟื้นฟูอาณาจักรที่ชินอี้ทำลายไปจึงไม่ใช่การช่วยเหลือเหมือนตอนที่ไป๋จูเหวินช่วยเหลืออาณาจักรโฮ แต่เป็นการชดใช้ความผิดต่างหาก ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ไป๋จูเหวินก็ต้องทำให้อาณาจักรทั้งหลายกลับมาเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิมให้ได้

“เป็นแผนงานที่ยาวมากเลยนะเจ้าคะ”หลิวเมิ่งว่าพลางกลืนน้ำลายลงคอ การฟื้นฟูอาณาจักรเหล่านี้เป็นงานใหญ่ แต่ที่ทำให้ลำบากที่สุดก็คืออาณาจักรเหล่านี้ต่างเสียหายเพราะอสูร ทำให้ไม่สามารถใช้อสูรเป็นแรงงานได้ สุดท้ายก็เลยต้องยกทัพของฝั่งมนุษย์เข้าไปช่วยเหลือและพาเหล่าอสูรที่อาละวาดอยู่ออกมาเท่านั้น

“ท่านพ่อ”หลังจากจัดการเรื่องงบที่จะนำไปฟื้นฟูอาณาจักรใหม่เสร็จแล้ว ตัวไป๋หลินก็เดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินเป็นคนแรก

“มีอะไรหรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางลุกขึ้นจากบัลลังก์ ก่อนจะเดินลงมาหาบุตรสาวด้วยท่าทีเหนื่อยเล็กน้อย

“ข้าอยากจะขอเดินทางไปอาณาจักรอู๋เจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดเรื่องของชินอี้ขึ้น ท่าทีซุกซนของไป๋หลินก็น้อยลง และท่าทีจริงจังเอาการเอางานก็มากขึ้นเช่นกัน

“เจ้าจะไปหาหยงเวยสินะ”ไป๋จูเหวินตอบพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองไปยังร่างของบุตรสาว ตั้งแต่นั้นมาไป๋หลินก็กดพลังมารเอาไว้ตลอด ทำให้แทบไม่มีพลังมารรั่วไหลออกมาเลย และหลังจากนี้ไป๋หลินก็คงไม่ใช้พลังของราคะอีกแล้วอย่างแน่นอน

“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบด้วยท่าทีจริงจัง ตอนนี้นางยังหาวิธีการกำจัดพลังมารออกไปไม่ได้ และผู้ที่นางพอจะปรึกษาได้ก็มีเพียงหยงเวยเท่านั้น

“ไปเถอะ ช่วงนี้พ่ออาจจะยุ่งสักหน่อยเหมือนกัน”ไป๋จูเหวินตอบพลางจับไปที่บ่าของไป๋หลิน

“เรื่องนี้ท่านพ่อไม่จำเป็นต้อง….”ไป๋หลินกำลังจะบอกให้พ่อไม่ต้องคิดมาก แต่พอมามองตัวเองแล้วตัวนางเองก็ยังทำไม่ได้ ถึงขั้นกำลังจะออกไปหาวิธีกำจัดพลังมารเลยไม่ใช่หรือ ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้สึกผิด และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ทุกคนต่างมีวิธีสำนึกผิดของตนเองแตกต่างกันไป พ่อของนางเลือกที่จะเก็บกวาดเรื่องที่ชินอี้ทำเอาไว้ แม่ของนางก็จะช่วยเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนไป๋หลินเองก็พยายามหาวิธีกำจัดพลังมารเช่นกัน

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”ไป๋หลินส่ายหน้าพลางขอตัวออกเดินทางไปอาณาจักรอู๋ แต่ก่อนจะไปหาไป๋ไป่เพื่อออกเดินทางอยู่ๆไป๋หลินก็มองขึ้นไปทางเหนือเสียก่อน ตัวนางไม่ทราบว่าชิงชิวยามนี้อยู่ที่ใด แต่นางก็อยากจะให้ชิงชิวยกโทษเรื่องที่ชินอี้ทำลงไปจริงๆ นางไม่โทษชินอี้ที่สติขาดลงมือสังหารชินอี้ เพราะนางเห็นภาพการตายของชิงชิงกับตาเช่นเดียวกับชิงชิว เพียงแต่ชิงชิวคงไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว

.

.

ปังๆๆๆ เสียงประทัดและพลุไฟดังขึ้นท่ามกลางงานฉลองที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงกลางเมืองหลวงของอาณาจักรไป๋

“ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปี”เหล่าขุนนางต่างก้มหัวลงกล่าวถวายพระพรอย่างนอบน้อม ยามนี้ท้องพระโรงของอาณาจักรไป๋ไม่สามารถรองรับขุนนางทั่วอาณาจักรได้จนหมดแล้ว งานฉลองจึงถูกย้ายออกมาที่ลานกว้างด้านนอกแทน

“องค์จักรพรรดิ ยินดีด้วยขอรับ ขอให้อาณาจักรไป๋เจริญยิ่งขึ้นๆ”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินด้วยรอยยิ้ม

“ขอบใจเทียนหมิง เจ้าทำงานได้ดีหรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางอู๋เทียนหมิงที่ยามนี้กลายเป็นจักรพรรดิอู๋ต่อจากอู๋หมิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ยังต้องให้ท่านพ่อช่วยอีกหลายอย่างขอรับ ความรับผิดชอบในฐานะจักรพรรดิมันหนักหนาจริงๆ”อู๋เทียนหมิงตอบพลางหัวเราะออกมา

“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้อยู่แล้ว”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มให้กับหลานชาย

“ยินดีด้วยกับการครองราชย์ครบ 50 ปี”อู๋หมิงว่าพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน ยามนี้อู๋หมิงยกบัลลังก์ให้กับเทียนหมิงแล้ว ส่วนตนเองเดินทางท่องเที่ยวชมอาณาจักรกับหยุนฟางดูมีความสุขดีไม่น้อยเลย

“ขอบใจ”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มรับ แม้เวลาจะผ่านมาอีกหลายสิบปีแล้ว แต่ไป๋จูเหวินกับอู๋หมิงก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะไม่แก่ลงแล้วพวกมันยังมีพลังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ยิ่งทำให้อายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายเท่า ต่อให้ผ่านไปอีกสักพันปีก็ไม่ทราบว่าเส้นผมของพวกมันจะหงอกสักเส้นหรือไม่ ช่างเป็นความน่าอิจฉาสำหรับผู้ฝึกฝนวิชาจนสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยจริงๆ

“พวกเจ้านี่ช่างน่าอิจฉาจริงๆนะ ได้ข่าวว่าออกเดินทางไปทั่วเลยนี่นา”เหม่ยหลินถามพลางมองไปทางหยุนฟางที่อยู่ข้างๆอู๋หมิง พวกนางเองก็ยังเหมือนสาวๆอยู่ไม่มีผิด โดยเฉพาะเหม่ยหลินที่มีพลังสูงกว่าหยุนฟางหลายเท่าตัว

“พวกเจ้าก็ทำบ้างสิ อาณาจักรไป๋ตอนนี้เจริญรุ่งเรื่องจนอาณาจักรรอบๆพากันอิจฉา แค่องค์จักรพรรดิหนีเที่ยวสักเดือนคงไม่เป็นไรหรอก”หยุนฟางว่าพลางหัวเราะออกมา

“หรือไม่ก็สร้างทายาทขึ้นมารับช่วงต่อเสียสิ”อู๋หมิงพูดพลางกอดคอเทียนหมิงที่ยามนี้เป็นหนุ่มเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว

“…..”ข้อเสนอของอู๋หมิงดูน่าสนใจดี แต่กลับสร้างบรรยากาศอึดอัดเสียอย่างนั้น

ปึก!! หยุนฟางศอกใส่เอวของอู๋หมิงเข้าอย่างจังข้อหาพูดอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ

“ขอโทษที ดูเหมือนสามีข้าจะเที่ยวมากเกินไปหน่อยเลยพูดจาไร้สาระเป็นนิสัย”หยุนฟางว่าพลางเปลี่ยนเรื่องคุย แม้จะผ่านมานานแล้ว แต่ไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินก็ยังไม่ยอมมีทายาทคนใหม่เสียที ตัวไป๋หลินเองก็ยังพยายามหาวิธีกำจัดพลังมารอยู่ เรียกได้ว่าเดินทางไปไหนต่อไหนบ่อยกว่าอู๋หมิงเสียอีก แถมนางยังเป็นผู้หญิงและไม่มีท่าทีจะยอมเปิดใจให้ชายคนไหนอีกต่างหาก การที่ไป๋จูเหวินจะยกบัลลังก์ให้ไป๋หลินนั้นคงเป็นเรื่องยากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นไป๋จูเหวินก็ยังไม่ยอมมีลูกเพิ่มเสียที อาจจะเพราะกลัวว่าจะเลี้ยงดูได้ไม่ดีจนกลายเป็นแบบชินอี้อีกก็เป็นได้

“ท่านพี่…”หลังจบงานฉลอง เหม่ยหลินก็พาไป๋จูเหวินขึ้นมาพักที่ห้องของพวกตน

“พวกเรายกบัลลังก์ให้ใครสักคนดีหรือไม่”เหม่ยหลินถามพลางเข้ามากอดแขนของไป๋จูเหวินเอาไว้ ยามนี้อาณาจักรไป๋รุ่งเรื่องจนอาณาจักรอื่นๆตามไม่ทัน ตำแหน่งองค์จักรพรรดิของอาณาจักรไป๋ยิ่งใหญ่จนไม่ว่าใครก็ต้องเกรงใจ แต่ไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินกลับเบื่อหน่ายเต็มทีกับภาระหน้าที่ของจักรพรรดิ แม้ไป๋จูเหวินจะไม่เคยพูดออกมา แต่เหม่ยหลินก็เข้าใจความคิดความอ่านของสามีดี

“ยกให้ใครสักคนงั้นหรือ ฟังดูน่าตลกดีนะ”ไป๋จูเหวินหัวเราะพลางมองอาณาจักรของตนเองผ่านหน้าต่างที่อยู่บนยอดตึกสูงที่ยามนี้กลายเป็นวังหลวงของอาณาจักรไป๋ไปเสียแล้ว เมื่อมองดูจากที่สูงเช่นนี้ก็ย่อมมองเห็นอาณาจักรไป๋ในตอนนี้ได้กว้างไกลขึ้น บ้านเมืองตอนนี้เจริญรุ่งเรื่องชนิดว่าแม้แต่ไป๋จูเหวินยังนึกภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อนไม่ออก ขุนนางตอนนี้ต่างก็มีความสามารถ กำลังทหารเองก็ยิ่งใหญ่จนไม่มีใครกล้ามีเรื่อง แม้แต่ฝั่งมนุษย์เองยังมีทหารระดับเจ้าสวรรค์เพิ่มขึ้นท่ถึง 7 คนเลยทีเดียว เรียกได้ว่าต่อให้ปล่อยตำแหน่งจักรพรรดิให้ว่างอาณาจักรไป๋ก็สามารถอยู่ต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

“หลิวเมิ่งก็ไม่เลวนะเจ้าคะ นางทำงานกับท่านพี่มาตลอด รู้ว่าต้องจัดการอย่างไรแน่ๆ”เหม่ยหลินเสนอ แม้ตอนแรกหลิวเมิ่งกับนางจะมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แต่ตอนนี้หลิวเมิ่งกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของไป๋จูเหวินที่ช่วยงานไป๋จูเหวินได้ไม่น้อยกว่าหงเยว่ที่ควบคุมดูแลเครือข่ายกลุ่มนักล่าอสูรอยู่เลย

“แล้วถ้ายกอาณาจักรไป๋ให้นางแล้ว เราจะไปทำอะไรต่อเล่า”ไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางภรรยาที่กำลังยืนอยู่ข้างตน

“ไปสักแห่งที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา ใช่ชีวิตธรรมดาๆ แล้วก็มีลูกอีกสักคน….”ไป๋หลินพูดพลางมองมาทางสามีของตน การมีทายาทเพิ่มอีกคนนั้นเป็นเรื่องที่ไป๋จูเหวินและตัวนางเอกทำใจกันยากมากจริงๆ แต่เวลามันก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว

“ฟังดูไม่เลวนะ”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มมาให้เหม่ยหลิน บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่มันจะทำใจได้เสียที

.

.

“ท่านหลิวเมิ่ง แย่แล้วขอรับ”ในเช้าหลังงานฉลองครบรอบการครองราชย์ของไป๋จูเหวิน อยู่ๆเหล่าทหารก็บุกกันเข้ามาในวังของหลิวเมิ่งเสียอย่างนั้น ยามนี้หลิวเมิ่งเองก็มีอายุมากขึ้นแล้ว แถมนางไม่ได้มีพลังวิญญาณมากมายอะไรเลยคงความสาวแบบเหม่ยหลินเอาไว้ไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็อยู่ท่ากลางสมุนไพรวิเศษมากมาย ทำให้นางยังดูเป็นหญิงสาวอยู่ไม่น้อยเลย

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลิวเมิ่งถามพลางเดินออกมาจากห้องในชุดพร้อมทำงาน

“องค์จักรพรรดิ….”เหล่าทหารทำหน้าเจื่อนๆพลางมองไปทางหลิวเมิ่งเหมือนไม่กล้าพูด

“ทำไม องค์จักรพรรดิหนีออกจากวังหลวงหรือยังไง”หลิวเมิ่งว่าพลางเท้าเอวด้วยท่าทีไม่พอใจที่เหล่าทหารทำท่าทีอ้ำๆอึ้งๆไม่เลิก

“เอ่อ….ขอรับ องค์จักรพรรดิหนีออกจากวังหลวงไปแล้วขอรับ ท่านทิ้งจดหมายเอาไว้ให้ท่านด้วยขอรับ”เหล่าทหารตอบพลางหันไปมองหน้ากัน

“อะไรนะ..”หลิวเมิ่งเบิกตากว้างพลางรับจดหมายมาอ่าน แต่เพียงอ่านเนื้อหาไปได้ไม่ถึงครึ่ง นางก็แทบจะเป็นลม