บทที่ 17 ออกจากกรง โดย Ink Stone_Fantasy
ขณะที่ลากอันทอนไปเกือบจะถึงตะแกรงเหล็ก โอเล็กกลับขบกรามอย่างแรง พร้อมคำรามเสียงดังลั่น แล้วยกตัวอันทอนขึ้นมา ก่อนโยนลงไปตรงกลางสังเวียนมวยอย่างสุดแรง
สังเวียนมวยซึ่งมีความยืดหยุ่น ทำให้ตัวอันทอนกระเด้งกระดอนอยู่ครู่หนึ่ง เขาถึงลุกขึ้นมาบนสังเวียนได้
ตอนนี้โอเล็กเดินไปตรงหน้าอันทอน ยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อเขา พูดเสียงเข้มว่า “คุณจะรนหาที่ตายจริงๆ ใช่ไหม?”
อันทอนก้มหน้าพูดว่า “ไม่ใช่ว่าคุณคิดจะฆ่าผมแล้วกลายเป็นผู้ชนะหรอกเหรอ? เมื่อกี้นี้ได้โอกาสแล้วแท้ๆ”
“คุณไม่คิดจะตอบโต้จริงๆ เหรอ?” โอเล็กเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวพลางถามย้ำ
“คุณโอเล็ก ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่โต้ตอบคุณ”
“คุณคิดว่าตัวเองทำแบบนี้แล้วดูยิ่งใหญ่มากสินะ?” โอเล็กสีหน้าเคร่งขรึม “คุณรู้หรือเปล่า ผมอาจจะไม่รู้สึกขอบคุณ และอาจจะไม่รู้สึกผิดด้วย! ผมอาจจะลืมเรื่องทั้งหมดนี่! เหมือนการสละชีพของคุณไม่เคยเกิดขึ้นเลย! คุณได้แต่ตายเปล่าอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครจำคุณได้! ถึงแม้ว่าจะลงเอยแบบนี้ คุณก็ยินดีงั้นเหรอ?”
อันทอนกลับนิ่งเงียบไม่พูดจา
โอเล็กดึงแขนอันทอนทันที พร้อมกระแทกเข่าใส่ท้องอันทอนอย่างสุดแรง จนอันทอนถ่มน้ำลายปนเลือดออกมาทันที!
โอเล็กเองก็เป็นคนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าอันทอนจะมีร่างกายแข็งแกร่งมาก แต่เจอการจู่โจมโดยไม่ทันป้องกันตัวแบบนี้ ก็ไม่ต่างกับถูกค้อนเหล็กทุบ ความเจ็บปวดที่โดนเข่ากระทุ้งใส่ ทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออกเลย
“ตอบโต้สิ!”
“ตอบโต้สิ!!”
“ตอบโต้สิ!!!”
หมัดแล้วหมัดเล่า โอเล็กก็ไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อย กลับระบายอารมณ์ของตนเองทั้งหมดลงไปบนตัวอันทอนอย่างบ้าคลั่ง
หมัดตรง หมัดเสย หยาดเหงื่อจากบนตัวอันทอนกระเซ็นออกมา เปลือกตาที่บวมแดงก็ทำให้การมองเห็นของเขาพร่ามัวในชั่วพริบตา
การจู่โจมอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ เกิดต่อเนื่องไปเกือบจะเป็นเวลาหนึ่งนาทีแล้ว ในที่สุดอันทอนก็ไร้เรี่ยวแรงล้มลงไปบนสังเวียนมวย เขากำลังหอบหายใจ สปอตไลต์ข้างสังเวียนส่องสว่าง
เขามองสปอตไลต์ที่แยงตา พบว่าสายตาของตนเองขาวโพลน และใบหน้าของโอเล็กก็โผล่มาใกล้ๆ
“คุณคิดจะไม่ตอบโต้จริงๆ ใช่ไหม?! คุณนึกว่าทำแบบนี้แล้วก็เป็นวีรบุรุษได้แล้วงั้นเหรอ? งี่เง่า!!”
“ผม…ผมไม่รู้…” อันทอนพยายามฝืนยิ้ม “ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมนึกว่าผมโตแล้ว โตแล้วจริงๆ แต่ว่า…แต่ว่าผมพบว่าโลกของผู้ใหญ่มันซับซ้อนมาก ผมไม่เข้าใจ…และยิ่งไม่อยากเข้าใจ ผมยอมให้ตัวเองเป็นเด็กตลอดไปยังดีกว่า…โลกของผู้ใหญ่มันซับซ้อนขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้า…มีโอกาสล่ะก็ ผมจะต้องขัดขืนจนถึงที่สุดแน่ๆ …ผมจะไม่พูดอะไร แต่จะใช้วิธีแบบนี้แหละ ถ้าฆ่าคุณเพื่อให้ออกไปจากที่นี่ได้ล่ะก็ ผมคงไม่สบายใจ…ผมยอมตายดีกว่า”
“อย่ามองชีวิตตัวเองไร้ค่าแบบนั้น!!” โอเล็กคว้าคอเสื้ออันทอนยกขึ้นอย่างดุดัน และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ผู้ใหญ่ก็ซับซ้อนแบบนี้แหละ! ไม่มีผิดไม่มีถูก คุณเพียงแต่มีชีวิตต่อไปด้วยเหตุผลของตัวเอง ไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้น! จำไว้ให้ดี!!”
“ผมไม่เข้าใจ แค่กๆ …” อันทอนปัดมือสองข้างของโอเล็กออก แล้วก็ลุกขี้นยืน “และก็ไม่อยากเข้าใจด้วย ผมรู้แค่ว่า ผมจะไม่ตอบโต้ และไม่มีทางฆ่าคุณ…”
อันทอนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง ตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง โอเล็กก็มองเห็นบางสิ่งในแววตาของเด็กหนุ่มคนนี้
อันทอนเดินเข้าไปหาตะแกรงเหล็กทีละก้าวทีละก้าว
“คุณ…” โอเล็กแทบไม่อยากเชื่อ เขาตกใจ รีบพูดแทบจะเสียสติว่า “คุณคิดจะทำอะไร!”
“คุณไม่ลงมือ งั้นผมทำเองแล้วกัน…”
“พวกเราไม่ได้สนิทกันแล้วก็ไม่ใช่ศัตรูกัน ทำไมคุณต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย?”
ไม่รู้ด้วยเหตุใดความหวาดกลัวบางอย่างทำให้โอเล็กปวดร้าวราวกับมีเข็มทิ่มแทงในทันที…เด็กหนุ่มคนนี้สูงเลยหัวเขาครึ่งหนึ่ง ร่างที่ใหญ่โตมหึมานี้…ใกล้จะก้าวเท้าไปสู่ความตายแล้ว
“เพราะผมคือ…” อันทอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เพราะผมคิดว่า ลูกของคุณโอเล็ก คงไม่อยากเห็นพ่อของตัวเองกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนเพื่อเอาชีวิตรอดแน่”
อันทอนเหยียดขาไปข้างหนึ่งในทันที แล้วกระโจนพุ่งตรงไปตรงตะแกรงเหล็ก เหมือนแมลงเม่าตัวโตบินเข้ากองไฟ ตาข่ายเหล็กซึ่งเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง วินาทีต่อมาก็จะทำร้ายร่างกายเขาไปเสียสิ้น
“อันทอน!!!!!!”
ดวงตาทั้งคู่ของโอเล็กแทบจะถลนออกมา เขาไม่รู้ว่าเพราะโกรธแค้นหรือเพราะเศร้าสลดกันแน่ บนสังเวียนแห่งนี้ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิดเดียว แต่วินาทีนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกซ้อมนานหลายชั่วโมงเสียอีก
อันทอนโถมตัวไปทางตะแกรงเหล็ก เขาหลับตาทั้งสองข้างลง สัมผัสความเจ็บปวดจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง
“อ๊า!!! ”
…
…
ความเจ็บปวดซึมลึกไปถึงกระดูก เพียงแค่ในชั่วพริบตาอันทอนก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับเข็มนับหมื่นทิ่มแทงไปทั่วทั้งตัว
เขาส่งเสียงร้องเจ็บปวดน่าเวทนา แต่ทว่าความเจ็บปวดอย่างสุดขีดนี้ กลับหายไปในชั่วพริบตา
แล้วอันทอนก็ร่วงลงบนสังเวียนทันที ตัวเขายังคงพิงตะแกรงเหล็กอยู่ แต่ดูเหมือนว่ากระแสไฟฟ้าได้หายไปแล้ว
ทันใดนั้นบริเวณรอบๆ สังเวียนมวยก็มีเสียงปรบมือดังกังวาน เป็นเสียงปรบมือดังผ่านลำโพง และเสียงปรบมือจากคนคนเดียว
แอนดริว!
หลังจากเสียงปรบมือดังขึ้นไม่หยุด แอนดริวถึงพูดใส่ไมโครโฟนว่า “เป็นการแสดงที่กินใจเหลือเกิน แต่น่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่การแสดงที่ฉันต้องการ…”
ทันใดนั้นเสียงของแอนดริวก็เปลี่ยนไปราวกับสัตว์ป่า “ฉันไม่สนว่าใครในพวกแกอยากตาย! แต่ก่อนไปตาย ช่วยออกแรงชกคู่ต่อสู้ตรงหน้าพวกแกให้เต็มที่หน่อยสิวะ! พวกแกสองคนอย่าใช้วิธีนี้มายั่วโทสะฉัน! เพราะว่าพวกแกไม่มีสิทธิ์! ถ้าพวกแกยังไม่ยอมจู่โจมอีกฝ่ายด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีล่ะก็ หลังจากสิบวินาที ฉันจะกดปุ่มในมือฉัน! แล้วพวกแกจะได้ฟังเสียงกรีดร้องน่าเวทนาก่อนตายของนิคิตะ โดยที่พวกแกไม่ทันได้โกรธแค้นซะอีก!”
ขณะที่กำลังพูด แอนดริวก็สังเกตสีหน้าคุณเคที่อยู่ข้างๆ คนนี้ตลอด
นับตั้งแต่อันทอนเลิกต่อต้าน เขาก็อ่านความคิดบนสีหน้าของคุณเคผู้นี้ไม่ได้เลย…ราวกับว่าหมดความสนใจต่อการต่อสู้บนสังเวียนมวยแห่งนี้ไปแล้ว
อย่าว่าแต่คุณเคคนนี้เลย สถานการณ์ที่ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าแบบนี้ แอนดริวเองก็ไม่ชอบเป็นที่สุดเหมือนกัน อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ถ้าเป็นเขาเอง เขาก็คงไม่อยากได้นักมวยที่ชนะด้วยวิธีแบบนี้เหมือนกัน
หลังจากคำพูดของแอนดริว ประตูด้านข้างสังเวียนการดวลต่อสู้ก็เปิดออกอีกครั้งหนึ่ง ชายร่างสูงใหญ่สองคนคุมตัวนิคิตะออกมา และเดินไปตรงหน้าสังเวียนมวย
ได้ยินแต่เสียงพูดเย็นชาของแอนดริว “ถ้าพวกแกยังไม่ยอมชกอีกฝ่ายให้ตายบนสังเวียน…พวกแกสามคนก็กลายเป็นหมูย่างพร้อมกันไปเลยแล้วกัน! ฉันให้เวลาพวกแกคิดทบทวนหนึ่งนาที! ปล่อยกระแสไฟอีกรอบ!”
โอเล็กมือไวรีบดึงอันทอนกลับมาได้ทัน เพราะอันทอนยังพิงอยู่บนตะแกรงเหล็ก
แอนดริวพูดจบก็ปิดไมโครโฟน แล้วมองคุณเคที่อยู่ข้างๆ พร้อมพูดว่า “ผมคิดว่าหลังจากหนึ่งนาที คุณเคน่าจะได้เห็นสิ่งที่อยากเห็นนะครับ”
“ไม่ครับ…คุณแอนดริว” ลั่วชิวหันหน้ามา ยิ้มน้อยๆ มองแอนดริว พลางพูดว่า “ผมคิดว่าผมเห็นมาพอแล้วครับ”
“เห็นอะไรครับ?” แอนดริวเผลอถามไป
แต่ในตอนนี้เอง บนสังเวียนมวยก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมา ในที่สุดนิคิตะก็ชนกระแทกชายร่างสูงใหญ่สองคนกระเด็นไปทันที หัวชนไปที่ตะแกรงเหล็ก
“เฮ้! พี่ชาย! ครั้งหน้าตอนที่แนะนำฉันกับคนอื่น จำไว้นะ อย่าบอกว่าฉันเป็นพวกมักง่ายโลภมากล่ะ!”
เขาเกร็งท้องของตนเอง แล้วพุ่งชนไปบนตะแกรงเหล็กอย่างแรง!
ปัง!
ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น ได้ยินแต่เสียงระเบิดดังสนั่น ยังมีเสียงร้องเจ็บปวดของนิคิตะ…รวมทั้งร่างของเขาที่ร่วงลงไปบนพื้น
“นิคิตะ!!”
…
…
ด้านบนและด้านล่างสังเวียนมวย บริเวณรอบๆ หลังจากสิ้นเสียงตะโกนร้องบ้าคลั่งด้วยความโกรธแค้นของโอเล็ก ก็กลายเป็นความเงียบ แอนดริวในห้องวีไอพีตบโต๊ะลุกขึ้นทันที คนที่เฝ้าอยู่ด้านล่างสังเวียนมวยก็อ้าปากตื่นตกใจ
โอเล็กกลับทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง แทบไม่มีเสียงพูด “นิคิตะ…นายมันงี่เง่า!!”
“แค่กๆ …”
“และ…และอย่าว่าฉัน…ฉันเป็นไอ้งี่เง่าด้วย…แค่กๆ!”
ตอนนั้นเอง นิคิตะที่ล้มลงอยู่บนพื้นก็หันตัวมา สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน ริมฝีปากก็ชักกระตุกเหมือนกัน แต่ยังไม่ตาย!
“นิคิตะ!” โอเล็กตะโกนร้องเสียงดังด้วยความดีใจ
นิคิตะหัวเราะฮาเสียงดังลั่นพลางพูดว่า “ดูท่าพุงที่ได้จากการดื่มเบียร์หลายปีมานี้ของฉันจะมี…แค่กๆ มีประโยชน์อยู่บ้างนะ!”
เข็มขัดที่รัดรอบเอวนิคิตะฉีกขาดแล้ว!
เมื่อกี้เจ้านี่ไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย แต่แค่คิดจะทำลายวงจรอะไหล่ในสายเข็มขัดนี้โดยใช้กระแสไฟฟ้าในตะแกรงเหล็กเท่านั้น!
“นาย ไอ้หมอนี่! บ้าชะมัดเลย!!” โอเล็กทั้งตกใจทั้งดีใจ
นิคิตะจะลุกก็ลุกไม่ไหว แต่ยังพูดแบบมองโลกในแง่ดีมากว่า “ดูท่าที่เคยเป็นคนงานไฟฟ้ามาเมื่อหลายปีก่อนนี่ไม่เสียแรงเปล่าเลยนะ…โอเล็ก ออกมาเถอะ! อย่าให้ตัวเองไปติดอยู่ในกรงขังอีกล่ะ! นายแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา นายไม่น่ามาติดกรงขังได้เลยนี่ หลายปีมานี้ฉันตามนายออกมาจากหมู่บ้าน ไม่ได้ตามมาเพื่อเห็นโอเล็กถูกถอดเขี้ยวเล็บ แต่ตามมาเพื่อเห็นโอเล็กลุกขึ้นยืนดั่งราชสีห์อีกครั้ง!”
โอเล็ก
เขากำหมัดแน่น
“ยังมัวนิ่งอึ้งทำอะไรกันอยู่! จับตัวไอ้บ้านี้มาให้ฉัน! ตายยากนักใช่ไหม ฉันจะให้แกได้ตายอีกรอบ!” แอนดริวถูกยั่วให้โมโหสุดขีดก็ส่งเสียงดังคำรามใส่
โอเล็กมองเห็นนิคิตะกำลังตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง เขาจึงฉีกเสื้อและขากางเกงบนตัวขาด แล้วพันมือทั้งสองข้างของตนเองอย่างรวดเร็ว ส่วนมืออีกข้างก็คว้าเสาบนตะแกรงเหล็กไว้แน่น
กล้ามเนื้อบนมือทั้งสองของเขานูนเกร็งอย่างน่ากลัว เส้นเลือดบนแขนของเขาโผล่ให้เห็นชัดเจนราวกับรากต้นไม้ อีกทั้งใบหน้าของเขายังแดงปรี๊ด
เขากำลังตะเบ็งเสียง ตะโกนเสียงดัง “อ๊ากกกก!!!!!!!”
แอนดริวอดหัวเราะเยาะไม่ได้ เขาตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงระหว่างคุณเคชั่วคราวก่อน!
เจ้าพวกนี้สั่งสอนไม่รู้จักจำเลยจริงๆ! เขารีบร้อนเตรียมพร้อมมากเกินไป ขณะที่แอนดริวกำลังคิดอยู่ว่าควรจะรับมือกับคุณเคคนนี้อย่างไร เขาก็กำลังรอคอยวินาทีที่โอเล็กหมดเรี่ยวแรงไป
“งี่เง่า! คนจะไปหักแท่งเหล็กหนาขนาดนี้ได้ยังไงกัน!”
“คนเดียวอาจจะไม่ได้ สองคนก็ไม่แน่หรอกครับ” ลั่วชิวลุกขึ้นยืน แววตาของเขาดูสนใจมากเป็นพิเศษ เขาเขยิบเข้าไปใกล้ริมหน้าต่างห้องวีไอพี สองมือวางลงบนกระจกหน้าต่าง ราวกับอยากจะมองดูทุกอย่างด้านล่างนั่นให้ใกล้ที่สุด
อันทอนลุกขึ้นมาอย่างห้าวหาญ ฉีกเสื้อและขากางเกงบนตัวออกเลียนแบบโอเล็ก พันไปบนมือตนเอง คำรามเสียงดัง “มา ผมช่วย!!”
โอเล็กไม่ได้พูดอะไรสักคำ แค่พยักหน้าให้เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้เล็กน้อย
แขนสองคู่ มือสี่ข้าง วินาทีที่เสียงคำรามดังลั่นราวกับคลื่นโหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง สองคนนี้ก็เหมือนเหมือนราชาแห่งสรรพสัตว์
ใกล้จะออกจากกรงขังได้แล้ว
“อ๊า!!!!!!!!!!”
ในชั่วพริบตานั้นเสือสองตัวก็…ออกจากกรงขัง!!
…
“แอนดริว!!”
วินาทีที่กระโดดลงมาจากบนสังเวียนมวย ดวงตาของโอเล็กดูคมกริบมาก เขาเงยหน้ามองตรงไปที่ห้องวีไอพีด้านบน! ภายใต้แสงสปอตไลต์เจิดจ้า เขาเห็นเพียงเงาสองคนรางๆ เท่านั้น
อีกคนหนึ่งเป็นใครกันแน่นั้น โอเล็กก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่เขามั่นใจว่า อีกคนก็คือแอนดริว!
“ฉันไม่สนว่าพวกแกจะใช้วิธีอะไร! จับตัวสองคนนี้ไว้! ฉันต้องการตัวเป็นๆ!” แอนดริวพูดเสียงเข้ม มาถึงตอนนี้ เขายังเสียดายหากต้องทำลายอันทอนและโอเล็กไป
เจ้าสองคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ! เป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดโดยแท้เลย!
“คุณเค ต้องขอโทษนะครับ ทำให้คุณหมดสนุกเลย” แอนดริวพูดอย่างสุขุมว่า “แต่คุณวางใจได้ ผมจะจัดการปัญหาพวกนี้ให้เรียบร้อยในเวลาไม่นาน กรุณารอตรงนี้สักครู่นะครับ!”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ แอนดริวก็ผลักประตูบานใหญ่ของห้องรับวีไอพีออกอย่างรีบร้อน
…
“อันทอน! ถึงคุณมีพละกำลังมหาศาล แต่คุณไม่รู้เทคนิคการใช้แรง! ดูผมเอาไว้ ซัดคน มันต้องซัดแบบนี้!”
เสียงคำรามดังของโอเล็กดังอยู่ข้างหูของอันทอน
เด็กหนุ่มซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ไม่รู้ว่าการเติบโตคืออะไรกันแน่ แต่ถึงบัดนี้จะยังไม่เข้าใจอยู่ก็ตาม ทว่ากลับเผยรอยยิ้มเบิกบานใจหลังจากอึ้งชะงักไป
เขาไม่มีเวลาสนใจว่าที่นี่มันที่ไหนกันแน่ เขาแค่รู้ว่าต้องฟังคำแนะนำของโอเล็กอยู่ที่นี่ ใช้หมัดซัดไปบนตัวศัตรูอย่างดุเดือด รู้สึกสดชื่นจนยากจะบรรยายออกมาได้!
…
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงคำรามดังลั่นและเสียงต่อสู้ที่ดังมาจากด้านล่างได้ก็ส่งมาถึงห้องวีไอพีอย่างชัดเจน…การต่อสู้ตะลุมบอนระหว่างสัตว์ดุร้ายกับสิงโต
แต่เวลานี้เจ้าของสมาคมที่ไม่ได้สังเกตดูกลับนั่งลงไปอีกครั้งหนึ่ง
ลั่วชิวแบมือออก แล้วสร้อยคอสีเงินเส้นหนึ่งก็ร่วงลงไปจากมือของเขา
ส่วนปลายสุดของสร้อยสีเงินที่ตกลงไป ดูเหมือนจี้รูปไม้กางเขนอันหนึ่ง
เปล่งแสงสะท้อนสีชมพูใสบริสุทธิ์ออกมาจางๆ ระยิบระยับราวกับอยากระบายความในใจบางอย่างออกมา
ลั่วชิวพูดเสียงแผ่วเบาว่า “คุณคามาลา คุณโอเล็กที่อยู่ด้านล่างคือคนที่คุณรู้จักใช่ไหมครับ?”
จี้ไม้กางเขนเปล่งประกายระยิบระยับหยุดกะพริบในชั่วพริบตา แล้วกลุ่มแสงเล็กๆ ก็เริ่มออกมาจากจี้ หลังจากนั้นก็ปรากฏเงาร่างคนหนึ่งตรงหน้าลั่วชิว