ตอนที่ 689 บาดเจ็บอย่างคาดมิถึง
‘กำจัดอันหลิงเกอ ! เพื่อจะได้เป็นพระชายาเอก ! ’
หลิงเอ๋อเห็นข้อความนี้ก็ชะงักงัน ส่วนของที่ตกอยู่บนพื้นพร้อมจดหมายก็คือปิ่นปักผมชิ้นหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีกระดาษเขียนไว้อีกว่า ‘เจ้าคงรู้ว่าควรทำเช่นไร’
ปิ่นปักผมเงินเปล่งประกายสีดำออกมา มองปราดเดียวก็รู้ว่าถูกป้ายยาพิษเอาไว้ นางรู้ว่าที่ปรึกษาพวกนั้นหวังให้นางกำจัดอันหลิงเกอ แต่หลิงเอ๋อจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ทว่าทันใดนั้นภายในใจของนางก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
เมื่อรากของความชั่วฝังลึกในใจมนุษย์แล้วก็ยากที่จะขจัดออก
ในสายตาและจิตใจของหลิงเอ๋อเห็นเด็กน้อยคนนั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานเมินเฉยต่อนาง เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็กำปิ่นปักผมในมือแน่นพร้อมความแค้นที่ปะทุขึ้นในใจ
ตอนนี้หากเหล่าที่ปรึกษารู้ว่าหลิงเอ๋อจะลงมือกับเด็กน้อย มิว่าอย่างไรก็ต้องขัดขวางนางอย่างแน่นอน เพราะเด็กน้อยคนนั้นเป็นผู้สืบทอดจวนอ๋องมู่จึงมีฐานะสูงส่ง
แต่ในสายตาของหลิงเอ๋อมิได้สนใจฐานะหรือตำแหน่งพวกนี้อยู่แล้ว นางคิดเพียงว่าหากฆ่าเด็กน้อยแล้ว อันหลิงเกอและมู่จวินฮานก็จะมิคิดไปจากที่นี่ พวกเขาจะกลับมาให้ความสนใจนางเช่นเคย
เพราะภายในใจของหลิงเอ๋อรู้สึกผูกพันกับทั้งสองอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจักละทิ้งที่นี่ไปจึงมิอาจยอมรับได้…
วันนี้อันหลิงเกอมิได้อยู่ดูแลบุตรอย่างใกล้ชิดเนื่องจากยุ่งมาทั้งวัน และตอนนี้ก็กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง หลิงเอ๋อที่เดินผ่านประตูเมื่อเห็นอันหลิงเกอกำลังพักผ่อนอยู่ แววตาของนางก็มีความสงสารพาดผ่าน
นางลูบปิ่นปักผมที่อยู่ในอกเสื้อแล้วหันไปมองอันหลิงเกออีกรอบ ก่อนจะตัดใจเดินมาที่ห้องของเด็กน้อย
นางคิดว่าตอนนี้มู่จวินฮานกำลังประชุมอยู่ เวลาเช่นนี้จึงเป็นโอกาสเหมาะที่นางจะลงมือ
หลิงเอ๋อมาที่ห้องของเด็กน้อย ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและงานปักที่อันหลิงเกอทำด้วยตนเอง เมื่อมองข้าวของเหล่านี้แล้ว หลิงเอ๋อก็มิอาจทนได้ เพราะอันหลิงเกอรักบุตรมากเพียงนี้ แล้วนางจักทำให้อันหลิงเกอเสียใจได้เยี่ยงไร
แต่แล้วหลิงเอ๋อก็นึกถึงเนื้อความในจดหมายของเหล่าที่ปรึกษาขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงได้ขบกรามแน่น
จักปล่อยให้พวกเขาออกไปแล้วทิ้งจวนแห่งนี้มิได้ !
หากทำเช่นนี้ก็จะทำให้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานมิจากไปไหน หลิงเอ๋อยอมแบกรับความผิดไว้ นอกจากนี้ไม่ว่าผู้ใดก็จะไม่มีทางรู้ว่านางเป็นคนกระทำ นางรู้ว่าอันหลิงเกอย่อมมิสงสัยอยู่แล้ว
ดังนั้นหลิงเอ๋อจึงยกปิ่นปักผมขึ้น แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเด็กน้อยที่อยู่ในห่อผ้า นางจึงวางมันลงอีกครั้ง นางทนมิได้ ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ เด็กคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ และนางก็มิอาจลงมือได้
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่พวกเขากำลังจะไปจากจวนแห่งนี้ขึ้นมา นางจึงตัดสินใจแน่วแน่พร้อมยกปิ่นปักผมขึ้นอีกครา นางหลับตาแน่นแล้วแทงลงไปอย่างแรง
ทันใดนั้นมู่จวินฮานก็เข้ามาเห็นหลิงเอ๋อกำลังจะแทงปิ่นลงไปที่มู่เยว่จึงเข้าไปคว้าปิ่นอาบยาพิษไว้โดยไม่ลังเล
ทำให้ปลายแหลมคมของปิ่นปักผมเฉือนไปที่ฝ่ามือของมู่จวินฮาน เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาก่อนที่แผลจะค่อย ๆ ขยายออก แต่ตอนนี้เขามิได้สนใจและรีบเข้าไปดูอาการของมู่เยว่ด้วยความกังวล
ทางด้านหลิงเอ๋อเห็นมู่จวินฮานเข้ามาขวางไว้ สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น นางมิอยากคิดเลยว่าหากทั้งสองรู้สิ่งที่นางทำแล้วจะคิดเช่นไร นางจึงหันกลับไปและหวังที่จะวิ่งหนี แต่ชนเข้ากับแจกันดอกไม้ข้างกำแพงจนล้มลงกับพื้น
อันหลิงเกอหลับไม่สนิทอยู่แล้ว ทั้งห้องของบุตรก็อยู่ด้านข้างจึงได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน อันหลิงเกอรีบสวมเสื้อนอกแล้ววิ่งไปดูทันที เมื่อเห็นหลิงเอ๋อล้มอยู่กับพื้นจึงรีบประคองนางขึ้นมา
แต่อันหลิงเกอเห็นปิ่นปักผมที่เปื้อนเลือดบนพื้นและฝ่ามือที่มีเลือดไหลของมู่จวินฮาน
“นี่มัน…”
นางจึงหันไปมองหลิงเอ๋ออีกครั้ง ตอนนี้อันหลิงเกอยังมิเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น หลิงเอ๋อก็รีบเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมาก่อนจะแทงไปที่ท้องของตนอย่างแรง
มู่จวินฮานกำลังอุ้มลูกอยู่ อันหลิงเกอก็มิทันตั้งตัว กว่าจะได้สติและรู้ตัวอีกครั้งหลิงเอ๋อก็กุมท้องและล้มลงกับพื้นเสียแล้ว อันหลิงเกอมิรู้ว่าเหตุใดนางถึงทำเช่นนี้จึงรีบเข้าไปประคองกอดนางเอาไว้
“พี่สาว ข้าทำผิดต่อท่าน” หลิงเอ๋อยังมีสติอยู่ นางจับมือของอันหลิงเกอเอาไว้ เลือดของนางจึงเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างของอันหลิงเกอ แต่ราวกับอันหลิงเกอมิได้ใส่ใจสิ่งเหล่านี้และพยายามช่วยห้ามเลือดให้
“เมื่อครู่…ข้าจักสังหารบุตรของพวกท่าน” หลิงเอ๋อพูดถึงตรงนี้ก็อดร้องไห้ออกมามิได้แต่ก็ยังฝืนพูดต่อจนจบ
“ข้ารู้ว่าพวกท่านจะไป…ข้ารู้ว่าพวกท่านจะไปจากที่นี่ ข้าทนมิได้…ข้าคิดว่า คิดว่าหากไม่มีเด็กคนนี้ พวกท่านก็จะอยู่ต่อ…ข้า…ข้าผิดเอง”
จากนั้นเรี่ยวแรงของหลิงเอ๋ออ่อนลง มิว่าอันหลิงเกอห้ามเลือดเช่นไรก็ไร้ผล บาดแผลบนร่างกายของหลิงเอ๋อดูเหมือนค่อย ๆ ขยายออก ยาพิษกัดกินท้องของนางจนสิ้น
ตอนนั้นเองมู่จวินฮานจึงก้มมองฝ่ามือของตนที่ตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดจนมองเห็นบาดแผลมิชัด เขาขมวดคิ้วก่อนจะรีบฉีกแขนเสื้อมาพันบาดแผลและสกัดจุดให้ตนเพื่อควบคุมพิษ
“หลิงเอ๋อ…รู้หรือไม่ว่าพวกเราจะพาเจ้าไปจากที่นี่ด้วยกัน ? ”
ใบหน้าของอันหลิงเกอมีน้ำตาอาบและบอกหลิงเอ๋อออกไป เหตุใดจึงโง่เขลาเช่นนี้ ต่อให้จะทำผิดก็มิควรทำเช่นนี้เลย
“พี่สาว…ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว…” อันหลิงเกอก็มิแน่ใจว่าหลิงเอ๋อได้ยินคำพูดเมื่อครู่หรือไม่ ขณะที่เสียงของหลิงเอ๋อเบาลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดมือก็ตกลงไป
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่ไร้วิญญาณของหลิงเอ๋อ อันหลิงเกอจึงรู้ว่าคำพูดเมื่อครู่นางต้องได้ยินแน่นอน อันหลิงเกอจึงถอนหายใจออกมาก่อนจะยกมือขึ้นช่วยปิดเปลือกตาให้หลิงเอ๋อ
จากนั้นอันหลิงเกอก็ลุกไปดูอาการของมู่จวินฮานและบุตร แต่มู่จวินฮานมิได้บอกอันหลิงเกอเรื่องที่เขาถูกพิษ
เขาพยายามหลบเลี่ยงที่จะสบตากับนาง อันหลิงเกอก็มิทันสังเกตเห็น ตอนนี้นางได้อุ้มบุตรเอาไว้ แม้น้ำตายังซับมิแห้ง แต่มู่จวินฮานก็มิกล้ายื่นมือออกไปช่วยซับน้ำตาให้นางเช่นกัน
อันหลิงเกอกอดมู่เยว่ไว้แน่น หอมเบา ๆ บนหน้าผากและแก้มของเขา เรื่องวันนี้เกิดขึ้นกะทันหันยิ่งนัก นางมิรู้ว่าหากต้องสูญเสียบุตรคนนี้ไปอีกจะเป็นเช่นไร
แต่เมื่อมองร่างของหลิงเอ๋อ ภายในใจของอันหลิงเกอก็เจ็บปวดยิ่งนัก เด็กดีเช่นนี้ยังต้องมาตายที่นี่ เดิมทีอันหลิงเกอคิดพานางไปด้วยเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่คาดมิถึงว่าเพราะความเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อยจะทำให้นางจากไปตลอดกาล
นี่เป็นโศกนาฏกรรมที่อันหลิงเกอมิอยากเห็น คาดมิถึงว่าเด็กคนหนึ่งจะทำให้หลิงเอ๋อคิดมากเพียงนี้
ด้วยความที่อยู่กับหลิงเอ๋อมานานจึงทำให้อันหลิงเกอเสียใจอย่างหนัก
หลิงเอ๋อเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาและน่ารักขนาดนี้จึงมิควรต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้เลย
มู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอเสียใจก็รู้สึกมิสบายใจตามไปด้วย แม้อันหลิงเกอมิได้กล่าวออกมา แต่ลึก ๆ แล้วนางเป็นคนอ่อนโยนและห่วงหลิงเอ๋ออย่างแท้จริง