ตอนที่ 690 ไม่ให้นางรู้

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 690 ไม่ให้นางรู้

มู่จวินฮานกอดอันหลิงเกอด้วยแขนซ้ายเพียงข้างเดียว เพราะตอนนี้ความเจ็บปวดที่มือขวาได้ลามไปที่ไหล่ แต่เขายังลังเลมิรู้ว่าควรบอกอันหลิงเกอเช่นไร

“เกอเอ๋อ พวกเราไปจากจวนตอนนี้เลยเถิด ไปตอนนี้เลย” แววตาของมู่จวินฮานดูร้อนรน เขารู้ว่าในมิช้าตนคงไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อีกเพราะพิษนี้จักคร่าชีวิตภายในหนึ่งชั่วยาม

หลังจากเขาตายก็กลัวว่าอันหลิงเกอจะโดนข่มขู่ เขาจึงหวังอาศัยโอกาสนี้ส่งนางออกไปที่ใดก็ได้ ยิ่งห่างไกลจากที่นี่ได้เท่าไรยิ่งดี

มู่จวินฮานเพิ่งเข้าใจว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ตนต้องการปกป้องมิใช่ราษฎร ทว่าคือการปกป้องนางเท่านั้น

“ไปตอนนี้เลยหรือ ? ” น้ำตาของอันหลิงเกอยังมิทันเหือดแห้ง แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน นางมองไปที่มู่จวินฮานจากนั้นก็มองไปที่ลูกน้อยอีกครั้ง ในที่สุดก็พยักหน้าให้เขา

เพราะนางก็มิอยากอยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน มิอยากอยู่ในที่ซึ่งเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันและเจ็บปวดอีกแล้ว หากเป็นไปได้นางอยากไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ นางหันไปมองร่างของหลิงเอ๋อที่อยู่บนพื้น แววตาจึงฉายแววเจ็บปวดอย่างมิปิดบัง

เดิมทีพวกเขาจะพานางไปด้วย แต่เวลาเช่นนี้หลิงเอ๋อก็จากไปเสียแล้ว อันหลิงเกอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็คงแล้วแต่โชคชะตาเป็นผู้กำหนดเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามิเคยได้ทำตามที่ใจต้องการเลย

แม้ตอนนี้สีหน้าของมู่จวินฮานขาวซีดเรื่อย ๆ แต่อันหลิงเกอหาได้สังเกตเห็นไม่

เพราะนางกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนและตกอยู่ในห้วงแห่งความโศกเศร้า เนื่องจากเรื่องในวันนี้เกิดขึ้นกะทันหันจนตั้งรับมิทัน

มู่จวินฮานเห็นว่าอันหลิงเกอนิ่งอยู่อย่างนั้นมิขยับไปไหนและรู้ว่าตอนนี้เวลาของตนเหลืออีกมิมากแล้ว เขาต้องรีบพานางออกไปโดยเร็วที่สุด มู่จวินฮานจึงเร่งนางอีกครั้ง แต่อันหลิงเกอก็ยังมิรู้สึกถึงความผิดปกติขณะที่รีบเดินตามเขาออกไป

ระหว่างทางที่ออกไปจากจวนได้มีที่ปรึกษาคนหนึ่งเห็นทั้งสองคนอุ้มบุตรไว้ก่อนจะรีบเดินไปยังประตูทางออกของจวน ทำให้ที่ปรึกษาคนนั้นรู้ว่าหลิงเอ๋อแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียแล้วจึงเข้ามาขวางเอาไว้

“คารวะท่านอ๋อง มิทราบว่าท่านอ๋องจักไปที่ใดขอรับ ? ” ที่ปรึกษาผู้นั้นยังแสดงสีหน้าเคารพนอบน้อมอยู่ เพราะเกรงกลัวอันหลิงเกอจึงมิกล้าเข้าใกล้มากนักและมิกล้าขวางทางอย่างจริงจัง

“ข้าจักพาพระชายาออกไปนอกจวน เจ้ามีปัญหาหรืออย่างไร ? ” มู่จวินฮานร้อนใจยิ่งนัก น้ำเสียงของเขาจึงเด็ดขาดและไร้ความปรานี

เขาเห็นที่ปรึกษามาขวางทางไว้เช่นนี้ก็ยิ่งตระหนักได้ว่าหากอันหลิงเกอยังอยู่ที่นี่จะมีอันตรายมากเพียงใด

ที่ปรึกษามิเคยเห็นท่าทีเด็ดขาดของมู่จวินฮานเช่นนี้มาก่อนจึงเกิดความกลัวแล้วยอมหลีกทางให้ แต่ในใจก็ยังกังวลอยู่จึงรีบอาศัยจังหวะนี้ไปดูที่เรือนของอันหลิงเกอ

เมื่อครู่ก่อนที่อันหลิงเกอจะไปก็ได้จัดการฝังหลิงเอ๋อไว้ที่สวนสมุนไพร ดินที่ฝังกลบยังใหม่อยู่ เหล่าที่ปรึกษาได้รู้เรื่องแล้วจึงเข้าใจอย่างชัดแจ้ง อีกทั้งรอยเลือดภายในห้องก็ยังคงอยู่จึงทำให้เกิดความกังวลขึ้นมาทันที

ดูท่าแล้วท่านอ๋องกับอันหลิงเกอคงเห็นการกระทำของหลิงเอ๋อเข้าพอดี แต่คิดว่ามู่จวินฮานคงรู้เพียงว่าพวกตนต้องการที่จะสังหารอันหลิงเกอเท่านั้น เหล่าที่ปรึกษาจึงเกิดความลังเลและมิกล้าไล่ตามไปโดยพลการ

เวลานี้มู่จวินฮานพาอันหลิงเกอออกไปจากจวนแล้ว อันหลิงเกอยังมิรู้ว่าตอนนี้เขาจะพานางไปที่ใด เพียงเห็นว่ามู่จวินฮานมีท่าทีร้อนใจจึงได้แต่เดินตามไปเรื่อย ๆ

อีกอย่างเด็กสาวที่บริสุทธิ์เช่นหลิงเอ๋อ หากไม่มีผู้บงการก็คงมิกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นการอยู่ในจวนต่อไป นอกจากทั้งสองไม่ปลอดภัยแล้ว ความปลอดภัยของบุตรก็จะยิ่งน่ากังวลไปด้วย

“เกอเอ๋อ คำที่ข้าจะกล่าวต่อไปนี่…เจ้าฟังให้ดี” มู่จวินฮานมองอันหลิงเกอด้วยท่าทีจริงจัง มือของเขากุมไหล่อันหลิงเกอเอาไว้เพื่อบังคับให้นางมองสบตา อันหลิงเกอมิเคยเห็นมู่จวินฮานมีท่าทีจริงจังเช่นนี้มาก่อน ภายในใจจึงเกิดความกังวลขึ้น

“จวินฮาน” อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรเอ่ยเช่นไรดีจึงทำได้เพียงเรียกชื่อของเขาออกมาแล้วรอจนมู่จวินฮานเอ่ยอีกครั้ง

“เกอเอ๋อ…เจ้าจงออกไปนอกเมืองและอย่าได้กลับมาอีก พาลูกของเรา พาลูกทั้งสามคนของเราไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเถิด” น้ำเสียงของมู่จวินฮานดูอาลัยอาวรณ์ แต่สุดท้ายเขาก็เบือนหน้าหนีเพื่อมิให้นางเห็นสีหน้าในตอนนี้

“จวินฮาน เหตุใดท่านจะมิไปกับข้าหรือเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอรู้สึกงงงวยอย่างมาก ท่าทีของมู่จวินฮานตลอดหลายวันมานี้รวมถึงเมื่อครู่ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการไปกับนางด้วย เหตุใดถึงได้กล่าวเช่นนี้เสียเล่า ?

“เกอเอ๋อ นี่เป็นความรับผิดชอบของข้า” มู่จวินฮานมิได้เอ่ยความจริงออกมา เขาไม่ต้องการให้อันหลิงเกอรู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้มินานแล้ว หากทำให้นางต้องเสียใจมิสู้เจ็บปวดครั้งเดียวเพื่อให้นางคิดว่าเขาทรยศยังดีกว่านางต้องมาเจ็บปวดเพราะการตายของเขาไปชั่วชีวิต

“จวินฮาน พวกเราคุยกันแล้วว่าจะไปด้วยกัน” อันหลิงเกอรู้สึกตื่นตระหนก นางผูกผ้าอ้อมของบุตรเอาไว้กับตัวแล้วเข้าไปกอดมู่จวินฮาน เขาจะอยู่ที่นี่ตามลำพังได้เยี่ยงไร จักให้นางจากไปแล้วทิ้งเขาไว้หรือ ?

“เกอเอ๋อ…” มู่จวินฮานหลบเลี่ยงสายตา เขาทนมองใบหน้าของนางมิได้อีก นางกำลังเสียใจหนักอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด เช่นนั้นเขาจึงมิสามารถที่จะใจอ่อนได้เพราะคงทำให้อันหลิงเกอยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น

อันหลิงเกอเห็นท่าทางของเขาแล้วจึงมิเชื่อว่าเขาตั้งใจเช่นนั้นจริง

ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็เหลือบเห็นมือของเขาที่บาดเจ็บอยู่ บาดแผลมีความแปลกไปนางจึงดึงข้อมือของเขาขึ้นมาดูทันทีและพบว่าบริเวณบาดแผลมีเมือกอยู่ เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นอันหลิงเกอก็ดูอย่างละเอียดทำให้เห็นว่าตอนนี้บนฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเลือด นางจึงดึงแขนเสื้อของมู่จวินฮานขึ้น แต่เขาพยายามหลบเลี่ยง

อันหลิงเกอมองที่ฝ่ามือของมู่จวินฮานก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาถูกพิษและพิษจากบาดแผลได้กระจายไปถึงข้อศอกแล้ว มิว่าอันหลิงเกอกดจุดอย่างไรก็ไม่สามารถห้ามพิษนั้นได้

ทำให้ตอนนี้บนบาดแผลของมู่จวินฮานเต็มไปด้วยเลือดและเมือกที่ดูน่ากลัวยิ่งนัก แต่อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรจะกล่าวเช่นไรกับเขาดี

สีหน้าของนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก มู่จวินฮานที่เห็นว่าอันหลิงเกอรู้เรื่องแล้วก็มิสามารถทำอันใดได้อีก เขาไม่สามารถปิดบังนางได้แล้ว ทว่า…

“จวินฮาน…” อันหลิงเกอเงยหน้ามองมู่จวินฮานที่ตอนแรกกำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่จู่ ๆ เขาก็มีอาการเจ็บแปลบที่หัวใจจนทรุดลงคุกเข่าที่พื้น

อันหลิงเกอเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองเขาไว้ก่อนจะพบว่าเส้นเลือดสีดำที่เต็มไปด้วยพิษได้ลามจากแขนไปถึงหน้าอกแล้วคงกำลังเข้าสู่หัวใจเป็นแน่ มันยังลามขึ้นไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย มู่จวินฮานจึงรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง

เขามิได้ถูกโจมตีส่วนสำคัญโดยตรงเยี่ยงหลิงเอ๋อแต่พิษก็แผ่กระจายออกไป ยามนี้ร่างกายของมู่จวินฮานไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวด้วยซ้ำ พิษนี้ได้กัดกินร่างของเขาไปหมดแล้ว

มู่จวินฮานหมดแรงก่อนจะล้มลงในอ้อมแขนของอันหลิงเกอและมู่เยว่ก็กำลังส่งเสียงร้องขึ้นมา เขายังเด็กมากนักและยังมิรู้เรื่องอันใด ทว่าเวลานี้ก็รับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าของบิดามารดาจึงร้องไห้ออกมา

มู่จวินฮานมองลูกน้อยแล้วก็มิรู้สึกเสียใจต่อการกระทำในครั้งนี้เลย แม้ย้อนเวลากลับไปแล้วรู้ว่าปิ่นนั้นมีพิษ เขาก็ยังยินดีที่จะจับมันไว้ เพราะขอเพียงลูกน้อยปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว