ตอนที่ 691 เจ็บปวด

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 691 เจ็บปวด

เมื่อเห็นน้ำตาของบุตรชายแล้วมู่จวินฮานก็เจ็บปวดใจมากขึ้นอีก มู่เยว่น่ารักถึงเพียงนี้แต่กำลังจะสูญเสียบิดาไป เขาและบุตรไร้วาสนาต่อกันจริงหรือ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอันหลิงเกอ

“เกอเอ๋อ เจ้าพาลูกไปเถิด” น้ำเสียงของมู่จวินฮานแม้อ่อนล้าเต็มทีแต่ก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นหวัง เขาหลับตาลงเพื่อเป็นการบอกให้นางจากไปได้แล้ว

อันหลิงเกอจะมิรู้ความคิดของเขาได้เยี่ยงไร เขามิอยากให้นางเห็นสภาพที่น่าเวทนาของตน แต่หากนางทิ้งเขาไปเช่นนี้ก็คงไม่มีวันได้พบเขาอีกแน่

มู่จวินฮานรู้ว่าตนเหลือเวลาอีกมิมากแล้ว เขาไม่อยากให้อันหลิงเกอต้องมาเห็นสภาพในตอนนี้เพราะอยากให้นางมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่กับลูกต่อไป

“จวินฮาน มีวิธีอื่นหรือไม่ วิธีอันใดก็ได้…” อันหลิงเกอเอ่ยถาม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของนางก็ยอม

“เกอเอ๋อ เจ้าทิ้งข้าแล้วไปเสียเถิด” มู่จวินฮานส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เขารู้อยู่แล้วว่าอันหลิงเกอต้องเป็นเช่นนี้ รู้ว่านางต้องเจ็บปวดเสียใจจึงมิอยากนางให้รับรู้

อันหลิงเกอส่ายหน้าพลางกอดบุตรชายและมู่จวินฮานไว้อย่างนั้นมิยอมจากไปไหน นางรู้ว่าหากทิ้งเขาไปตอนนี้ก็จะต้องสูญเสียเขาไปตลอดกาล

เวลานี้คงทำได้เพียงกอดเขาไว้ ขอเพียงได้มองเขาอยู่แบบนี้ก็ดีเกินพอ น้ำตาของอันหลิงเกอไหลรินมิขาดสายราวกับจะขาดใจ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าตกลงใบหน้าของมู่จวินฮานและลูกน้อย

แต่ทั้งสามยังมิได้ไปไกลมากนักจึงทำให้ตอนนี้เหล่าที่ปรึกษาตามมาทัน เมื่อเห็นภาพของทั้งสามคนแล้วเหล่าที่ปรึกษาก็ตกตะลึงอย่างมาก

ทันทีที่พวกเขามาถึงก็พบว่าอันหลิงเกอมิได้ถูกลอบสังหารแต่อย่างใด ทว่าคนที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นกลับเป็นท่านอ๋องของพวกเขาแทน

ทำให้เหล่าที่ปรึกษาตกใจไปตามตามกัน เมื่อครู่ตอนที่พบมู่จวินฮานก็ยังดีอยู่เลย เหตุใดตอนนี้กลับถูกพิษได้ อีกทั้งยังเป็นพิษที่พวกเขามอบให้หลิงเอ๋อด้วย !

พิษชนิดนี้มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่มีและได้มอบมันให้หลิงเอ๋อคนเดียวเท่านั้น หรือว่า…

ยามนี้พวกเขายังอยู่ห่างจากมู่จวินฮานและอันหลิงเกอ ทำให้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานยังมองมิเห็นคนกลุ่มนี้

ต่อให้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานจะจากไป ทว่าเด็กคนนี้ต้องอยู่ที่นี่ !

แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าการจะนำตัวบุตรของอันหลิงเกอมาได้มิใช่เรื่องง่าย เพราะในยามนี้นางกำลังโกรธแค้นและเจ็บปวดราวกับคนเสียสติ หากบุ่มบ่ามเข้าไปต้องมิเป็นผลดีแน่นอน

ส่วนมู่จวินฮานยังพอมีสติอยู่บ้าง เขามิได้กล่าวอันใดกับอันหลิงเกออีก ทั้งคู่เพียงสบตาที่แฝงความหมายของกันและกันอยู่เช่นนั้น

เหล่าที่ปรึกษามาถึงตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ อันหลิงเกอเห็นแล้วก็หาได้สนใจไม่และคิดที่จะไว้ชีวิตอีกฝ่ายสักครั้งเพราะเห็นแก่หน้าของมู่จวินฮาน

ส่วนมู่จวินฮานกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาทำร้ายอันหลิงเกอเพราะสภาพของตนมิสามารถที่จะปกป้องนางได้

มู่จวินฮานพยายามขยับตัวอยู่หลายครั้งเพื่อลุกขึ้นแต่สุดท้ายก็ทำมิสำเร็จ

อันหลิงเกอเห็นการกระทำของเขาจึงกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม มู่จวินฮานทำให้นางปวดใจยิ่งนัก แม้เจ็บหนักถึงเพียงนี้ใจเขาก็ยังต้องการที่จะปกป้องนางอยู่ดี

“พระชายา ท่านและท่านอ๋องคงมิได้จะไปจากจวนใช่หรือไม่ขอรับ ? ” เหล่าที่ปรึกษาเดินเข้ามาและแสร้งมองมิเห็นสภาพของมู่จวินฮาน จากนั้นก็แกล้งถามอันหลิงเกอแทน

“ตอนนี้เขามิใช่ท่านอ๋องของพวกเจ้าอีกแล้ว” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความเย็นชาผสมกับความเด็ดเดี่ยว สายตาที่มองเหล่าที่ปรึกษาไร้แววแห่งการให้อภัยจนทำให้เหล่าที่ปรึกษาอดขนลุกขึ้นมามิได้

ใช่แล้ว มู่จวินฮานเจ็บหนักเพียงนี้ พวกเขาจะยังต้องการให้มู่จวินฮานกลับไปอีกทำไม

แววตาของอันหลิงเกอเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยามที่มองมู่จวินฮานยังคงอบอุ่นเช่นเคย

“เอ่อ…พระชายา พวกเรามิอาจอยู่โดยไร้ผู้นำได้ พวกเราล้วนนับถือท่านอ๋องขอรับ” แม้เหล่าที่ปรึกษาเอ่ยออกมาเช่นนี้ ทว่าน้ำเสียงก็ยังไร้ความจริงใจ

“เจ้าหมายความว่าเช่นไร ? ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเริ่มมีโทสะ แต่เหล่าที่ปรึกษามิได้รู้สึกรู้สาอันใด มิหนำซ้ำยังเอ่ยต่อไปอีก

“หากพระชายาและท่านอ๋องต้องการไปก็ไปเถิดขอรับ ทว่าทิ้งคุณชายน้อยไว้ให้พวกเรา รับรองว่าพวกเราจะดูแลแทนเองขอรับ”

“ใช่แล้ว พวกเราจักดูแลคุณชายน้อยอย่างดีขอรับ”

“ใช่แล้วขอรับ”

“ใช่ ขอพระชายาได้โปรดอนุญาตด้วยขอรับ”

“หืม ? ดูแลเขาอย่างดีหรือ ? ” อันหลิงเกอลุกขึ้นยืน นางประคองมู่จวินฮานให้นั่งพิงกับต้นไม้แล้วปลดผ้าที่ผูกลูกเอาไว้ออกไป จากนั้นก็วางลูกไว้แนบอกของมู่จวินฮาน

ตอนนี้มู่จวินฮานยังพอมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่บ้างจึงอุ้มบุตรเอาไว้

เขารู้ว่าคนพวกนั้นต้องการตัวมู่เยว่ซึ่งเขาและอันหลิงเกอไม่มีทางยอมเด็ดขาด

บุตรอีกสองคนก็ถูกแย่งไปแล้ว พวกเขาจะมิปล่อยให้บุตรคนนี้ต้องซ้ำรอยเดิมเป็นอันขาด !

มู่จวินฮานคาดมิถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้ากำจัดคนที่หมดประโยชน์โดยง่ายเช่นนี้และยังพุ่งเป้าหมายใหม่ไปที่บุตรของเขาแทน มู่จวินฮานขมวดคิ้วโดยมิได้มองว่าอันหลิงเกอคิดทำสิ่งใด เพียงกล่อมลูกรออยู่ตรงนี้

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ทายาทของท่านอ๋องก็ถือเป็นนายน้อยของเรา พวกเราจักละเลยได้เยี่ยงไรขอรับ”

“ใช่ใช่ใช่ ขอพระชายาได้โปรดวางใจเถิดขอรับ”

เมื่อเห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามาใกล้ พวกเขาต่างก็รีบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ไม่มีผู้ใดกล้าแข็งข้อใส่นางแม้แต่คนเดียว

“เช่นนั้น…หากพวกเจ้ามิเคยละเลย แล้วเหตุใดท่านอ๋องของข้าถึงเป็นเช่นนี้ ! ” ทันใดนั้นน้ำเสียงของอันหลิงเกอก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม ดวงตาจับจ้องอีกฝ่ายอย่างมิวางตา

เวลานี้เหล่าที่ปรึกษาต่างก็คิดถอยหนี แต่อันหลิงเกอมิปล่อยให้พวกเขาได้มีโอกาส นางก้าวตามไปทันทีจนพวกเขามิอาจถอยหนีได้

“พระชายาเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามิรู้อันใดเลยขอรับ” เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเป็นเช่นนี้ที่ปรึกษาทั้งหลายก็คุกเข่าลงและก็มีที่ปรึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน

“ใช่แล้วขอรับพระชายา ทั้งหมดนี้เป็นแผนของมู่เหล่าหวางเฟย และพวกเรามิรู้เรื่องเลย” ที่ปรึกษาคนอื่นก็รีบพยักหน้าเพราะต่างก็เกรงกลัวอันหลิงเกอจนมิกล้าสู้หน้า

“ใช่ใช่ใช่ ที่จริงแล้วมู่เหล่าหวางเฟยต้องการลอบสังหารพระชายาเพราะกลัวว่าท่านอ๋องจะหลงใหลท่านมากเกินไป กลัวว่าท่านอ๋องจะพาท่านไปจากที่นี่ แต่หลิงเอ๋อผู้นั้นมิได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้จึง…จึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นขอรับ”

ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็เล่าถึงแผนการของมู่เหล่าหวางเฟยออกมา

“เป็นเช่นนี้เองหรือ ? ” อันหลิงเกอกล่าวออกมาพร้อมเลิกคิ้วขึ้น แต่มิได้คิดที่จะปล่อยพวกเขาไป

เหล่าที่ปรึกษาเห็นอันหลิงเกอมองมาด้วยสายตาเช่นนั้นก็รู้ดีว่าคงมิอาจหนีรอดได้อีก

อันหลิงเกอมิได้รีบร้อนลงมือแต่กวาดสายตาไล่มองพวกเขาทีละคน

เมื่อครู่มู่จวินฮานก็ได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างชัดเจน ที่แท้เป้าหมายของหมู่เฟยก็เป็นอันหลิงเกอมาโดยตลอด

ตอนนี้มู่จวินฮานจึงตระหนักได้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ในจวนแห่งนี้ตนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของหมู่เฟยเท่านั้น

ช่างน่าขันยิ่งนัก