“ข้าไม่อยากตาย… ข้าไม่อยากตาย…” หวังเฟิงพึมพำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สำหรับคนที่เพลิดเพลินกับความสุขสบายในโลกมาโดยตลอดนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากสำหรับเขา นอกจากนี้ เขายังไม่ได้เตรียมใจมาก่อนด้วย
เฉินเฉินมองเขาและคิดว่ามันน่าจะได้เวลาแล้ว ดังนั้น เขาจึงกลับไปนั่งที่อีกครั้งแล้วพูดอย่างอ่อนโยน
“ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตให้นานกว่านี้ เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับวันฝนตก ในตอนที่เจ้าทำเรื่องอันตราย เจ้าก็ควรจะเตรียมตัวให้มากขึ้น เจ้ายังเด็กเกินไปจนพลาดไม่รู้ตัวว่าเจ้าเป็นแค่หมากที่ถูกเขี่ยทิ้งได้ทุกเมื่อ”
“ถ้างั้นข้าควรจะทำยังไงดี?” หวังเฟิงถูกครอบงำด้วยความตื่นตระหนกและทำอะไรไม่ถูกอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาสามารถบอกได้จากข่าวที่สำนักอู๋ซินให้เขามาว่าสำนักอู๋ซินกำลังจะขยายใหญ่ขึ้นในเร็วๆนี้…
หรือว่าเขาจะไม่ได้มีชีวิตยืนยาวถึงตอนนั้น?
“หมากตัวนึงมักจะมีคุณค่าบางอย่างในการมีชีวิตอยู่เสมอ เมื่อรอบของหมากรุกจบลง เบี้ยก็จะหมดประโยชน์ไปตามธรรมชาติ เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”
เฉินเฉินพูดไปเรื่อย ๆและในระหว่างนั้นใบหน้าของหูเซียงเอ๋อก็กระตุกเล็กน้อย เธอนั้นคอยระวังเจ้านายของเธอมาโดยตลอด
‘ในอนาคตข้าไม่สามารถฟังความไร้สาระของเจ้านายได้แล้ว! ข้าต้องใช้เหตุการณ์ตรงหน้านี้เป็นคำเตือน! ข้าไม่สามารถฟังเขาล่อลวงคนอื่นได้’ หูเซียงเอ๋อเตือนตัวเองต่อไปในหัวของเธอ
ในอีกด้านนึง ดูเหมือนว่าหวังเฟิงจะจับประเด็นได้แล้ว และค่อยๆจมดิ่งเข้าไปในความคิดของตัวเอง
…
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
หวังเฟิงออกมาจากสวนของยอดเขาหลักอย่างมีความสุข
“ท่านผู้สืบทอด ท่านไม่ต้องมาส่งข้าก็ได้ครับ เหมือนที่เขาว่ากันว่า การได้ฟังคำสอนจากอาจารย์ครั้งนึงนั้นดีกว่าการอ่านหนังสือเป็นสิบปี วันนี้ท่านได้เปิดโลกให้กับข้าและทำให้ข้าได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ข้าจะขอจดจำความใจดีนี้เอาไว้ครับ!”
ก่อนที่เขาจะออกไป หวังเฟิงได้โค้งคำนับเฉินเฉินจนสุดตัว มีความจริงจังและความเคร่งครัดแสดงอยู่บนใบหน้าที่บวมปูดเหมือนหัวหมู
ในอีกด้านนึง เฉินเฉินยิ้มให้อย่างอบอุ่นแล้วพูด “เจ้าไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก เจ้ากับข้าก็แค่พยายามเอาตัวรอดเท่านั้น”
“ท่านผู้สืบทอดพูดถูกแล้ว ในโลกที่วุ่นวายนี้ไม่มีใครสบายหรอก ในโลกนี้จะมีศัตรูที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติได้ยังไง? พวกเราคงไม่ได้รู้จักกันถ้าไร้ซึ่งความขัดแย้ง โอเคครับ ตอนนี้ข้าขอตัวก่อน เมื่อไหร่ที่ข้ากลับมา ข้าจะทำตามแผนที่พวกเราวางเอาไว้อย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบ หวังเฟิงก็เดินลงจากยอดเขาหลักอย่างเริงร่าในขณะที่เฉินเฉินมองเขาเดินจากไปอย่างเห็นอกเห็นใจ
หูเซียงเอ๋อมองจากด้านข้างแล้วแอบตกตะลึงในใจ
‘เจ้าจะไม่ได้รู้จักกันถ้าไร้ซึ่งความขัดแย้งหรอ… แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่โดนซ้อมจนเละไม่ใช่รึไง?’
‘บ้าบอที่สุด เจ้าถูกซ้อมจนเยินแล้วยังมาขอบคุณเขาอีก นี่มันสมเหตุสมผลตรงไหนกัน?’
หลังจากที่หวังเฟิงหายไปจากสายตา หูเซียงเอ๋อก็อดกลั้นความรู้สึกของเธอเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เธอถามเฉินเฉินโดยตรง “เจ้านาย ท่านจะปกป้องเขาไม่ว่าสองสำนักจะทำสงครามกันในอนาคตหรือควบรวมกันอย่างนั้นหรอคะ?”
เมื่อเฉินเฉินได้ฟังคำถามนี้เขาก็มองหูเซียงเอ๋ออย่างมีเลศนัยก่อนที่จะพูดออกมา “แน่นอนสิ! ข้าเป็นคนรักษาคำพูดอยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องฟังข้าและทำตัวให้ดีด้วย”
หลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น เฉินเฉินก็กลับไปที่สวนพร้อมกับถอนหายใจ
หูเซียงเอ๋อมองแผ่นหลังของเฉินเฉินและอดตัวสั่นไม่ได้ ด้วยเหตุผลบางประการ เธอมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแอบแฝงอยู่ในคำพูดของเขาเสมอ….
…
เมื่อกลับมาที่ห้องฝึกตน เฉินเฉินก็นั่งขัดสมาธิบนหมอนนั่งแล้วหลับตา
เขาได้รับข้อมูลมามากมายจากหวังเฟิง
สำนักอู๋ซินจะทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในเร็วๆนี้ ถ้าเขาทำได้แน่นอนว่าเขาก็อยากจะช่วยปกป้องสำนักเทียนหยุน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความผูกพันที่ลึกซึ้งกับสำนักเทียนหยุน แต่เซี่ยวอู่โยวก็ได้ดูแลเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นเฉินเฉินยังคงเป็นห่วงเขาอยู่
“ระบบ ข้าจะใช้โอกาสตรวจจับทั้งภูเขาเทียนหยุน เพื่อที่จะมองหาโอกาสในภูเขาเทียนหยุน”
หลังจากที่เงียบไปซักพัก เขาก็ตัดสินใจใช้โอกาสตรวจจับ ในกรณีที่มันเป็นประเภทที่สามารถเติมโอกาสใหม่ได้ การใช้มันก็คงจะไม่เสียหายอะไร
“เริ่มระบบตรวจจับ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของระบบ เฉินเฉินก็เริ่มมองไปข้างหน้า
การใช้ระบบแบบวงกว้างนั้นยังคงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการค้นหาโอกาสเพราะโอกาสเป็นแนวคิดแบบพลวัต ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วัตถุมีค่าหรือสมบัติ
นอกจากนี้ คำว่าโอกาสยังหมายถึงสิ่งที่เราสามารถรับได้ มันจะไม่ตรวจจับทรัพย์สินของคนอื่นและสร้างความเข้าใจผิด
ครู่ต่อมา ระบบก็แสดงผลลัพธ์
“ในอีก 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไปที่ตำหนักหลักที่เจ้าสำนักอยู่ เซี่ยวอู่วโยวจะมอบหินวิญญาณให้กับท่านเจ้าของ
“ในอีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ จะมีนกวิญญาณบินผ่านยอดเขาหลัก หลังจากที่ยิงมันร่วงลงมาแล้วนำไปประกอบอาหาร ระดับการฝึกตนของท่านเจ้าของจะพัฒนาขึ้น
“สับภูเขาแห้งแล้งที่อยู่ทางเหนือของยอดเขาหลัก 13 กิโลเมตรเพื่อรับหินวิญญาณแรด
“ในเวลาหนึ่งชั่วโมง คลี่คลายปัญหาของศิษย์สำนักภายนอกหลี่เจียงแล้วท่านจะได้รับของขวัญจากหลี่เจียง ซึ่งถือเป็นของพิเศษ”
…
ครู่ต่อมา ระบบได้แสดงโอกาสไปแล้วกว่าร้อยโอกาสซึ่งถือว่าเป็นโอกาสทั่วๆไป แต่หลังจากนั้น บรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
“ในอีก 8 ชั่วโมง มุ่งหน้าไปยังยอดเขาสวรรค์เงียบ ท่านจะได้เจอศิษย์หญิงจากสำนักภายนอกกำลังอาบน้ำอยู่
“ในอีก 8 ชั่วโมง 15 นาที ท่านเจ้าของจะได้พบกับศิษย์หญิงที่ผิดหวังในความรัก หลังจากที่ปลอบเธอ ท่านอาจจะได้พัฒนาความสนิทสนมกับเธอ
“ในอีก 12 ชั่วโมง จ้าวเสี่ยงหยาที่อยู่ยอดเขาดาบสวรรค์จะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หลังจากที่ท่านช่วยเหลือเธอและรักษาเธอ ท่านจะได้รับค่าความชื่นชอบ +50”
…
เฉินเฉินรู้สึกอึ้งเล็กน้อยในตอนที่เขาเห็นโอกาสพวกนี้ เขาคิดไม่ถึงว่าระบบจะนับการแอบดูผู้หญิงและสถานการณ์โรแมนติคว่าเป็นโอกาสด้วย
นอกจากนี้ โอกาสส่วนใหญ่ยังเกิดขึ้นตอนกลางคืนอีก!
โชคดีที่มันเป็นโลกแห่งเซียน ซึ่งมีความอนุรักษนิยมกว่า ถ้ามันเกิดขึ้นในเมืองที่วุ่นวายของโลกสมัยใหม่ 99 ใน 100 โอกาสน่าจะเป็นวันไนท์สแตนด์ (ความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน)
ระบบตรวจจับเองก็คงจะถูกเรียกว่าระบบวันไนท์สแตนด์…
เมื่อเห็นว่าระบบพยายามค้นหาอย่างเมามัน เฉินเฉินก็ไม่มีทางเลือกนอกจากอ่านต่อไป
“ในอีก 17 ชั่วโมง มุ่งหน้าไปยังยอดเขาน้ำอมฤตสวรรค์แล้วโยนสมุนไพรโชวูระดับสูงลงไปในหม้อปรุงยาของนักแปรธาตุอาวุโส ท่านจะได้รับของขวัญจากผู้อาวุโสใหญ่ของนักแปรธาตุ ซึ่งได้แก่สำเนาแก่นแท้ศาสตร์การแปรธาตุและน้ำอมฤตขั้นสร้างรากฐานสองขวด”
…
“ในอีก 18 ชั่วโมง จะมีสมบัติสวรรค์ที่เรียกว่าดอกบัวหัวใจสวรรค์เพลิงโลกาโผล่ขึ้นมาที่ยอดเขาหลักลึกลงไป 600 เมตรใต้เท้าของท่าน”
…
“ในอีก 23 ชั่วโมง จะมีน้ำระฆังสวรรค์หยดลงมาจากยอดเขานภาที่ขอบหน้าผาของภูเขาเทียนหยุน”
…
หลังจากที่อ่านแจ้งเตือนประมาณหนึ่งพันรายการ เฉินเฉินก็จัดอันดับความสำคัญของโอกาสในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว
ผนวกกับประสบการณ์ในการค้นหาโอกาสเป็นครั้งที่สอง เขาสันนิษฐานได้ว่ากรอบเวลาของระบบในการค้นหานั้นอยู่ที่ประมาณหนึ่งวัน
แล้วนั่นก็หมายความว่าเฉินเฉินได้รับเวลาทั้งหมดหนึ่งวัน
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆที่จะรับโอกาสเป็นพันโอกาสในวันเดียว ไม่ว่าเขาจะรวดเร็วแค่ไหนมันก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดชั่วโมงในการขุดดอกบัวหัวใจสวรรค์เพลิงโลกาที่อยู่ใต้ดินลึกลงไป 600 เมตรขึ้นมา
‘ฉันต้องไปหาคนมาช่วยแล้วหล่ะ’ เฉินเฉินคิดในใจก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องฝึกตน
นอกจากพวกปีศาจไม่กี่ตัวที่อยู่ในสวน ก็คงจะมีแค่จางจีที่เขาสามารถไว้ใจได้ในสำนักแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถจัดการบางโอกาสได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยกผลประโยชน์ให้กับสหายของเขา อย่างเช่นโอกาสในการโยนสมุนไพรโชวูลงในหม้อปรุงยา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉินเฉินก็เร่งความเร็วขึ้น ถึงยังไง เวลาก็ไม่เคยรอใครอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่เขาออกจากห้องฝึกตน เขาก็เห็นว่าดินในสวนสมุนไพรกำลังขยับไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณดินเหลืองหนึ่งหมื่นปีกำลังโผล่ขึ้นมาบนดินอีกครั้ง
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของเฉินเฉินก็เป็นประกายขึ้นมา แล้วเขาก็ตรงไปที่สวนสมุนไพรเพื่อดึงจิตวิญญาณดินเหลืองออกมา
ณ ตอนนี้ จิตวิญญาณดินเหลือยังไม่ได้ตอบสนอง เพราะมันยังขยับไปมาในมือของเฉินเฉินด้วยความคิดที่ว่ามันยังอยู่ในสวนสมุนไพร
ดูเหมือนว่า ‘แขนขา’ ของมันจะมีคุณสมบัติพิเศษ มันกำลังเปล่งแสงออกมาอ่อนๆ
“เจ้าหนู คงต้องให้มาขุดดินกับข้าแล้วหล่ะ! เซียงเอ๋อ เจ้าเองก็มาด้วย!”
ด้วยรอยยิ้ม เฉินเฉินก็เอาจิตวิญญาณดินเหลืองไปวางไว้บนไหล่แล้วเรียกหูเซียงเอ๋อก่อนที่จะวิ่งลงภูเขาไป