กวาดล้าง

ที่ราบเหลยหั่ว

ที่นี่คือจุดเชื่อมต่อระหว่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์และแดนร้อยสงครามทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเกิดการเปิดศึกระหว่างกองทัพทั้งสอง ที่ราบกว้างใหญ่แห่งนี้ก็ปกคลุมไปด้วยเพลิงสงครามเช่นเดียวกัน

ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันอย่างไม่รู้จบรู้สิ้น การลอบโจมตี การรวมกำลังพล สงครามดุเดือดนี้ส่งผลให้สวรรค์และโลกตกอยู่ภายใต้ความผันผวนของคลื่นหลิงรุนแรงเลยทีเดียว

ทั่วหล้าราวกับสั่นสะเทือนอยู่ทุกเมื่อ

คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทัพทั้งสองต่างหลบฉากไปจากบริเวณการต่อสู้ เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ ในสงครามบดเลือดบดเนื้อกันแบบนี้ การเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะนำไปสู่การทำลายล้างแน่นอน

ในที่ราบเหลยหั่วมีเมืองวินาศสันตะโรเมืองหนึ่งตั้งอยู่ ตอนนี้คลื่นหลิงรุนแรงกวาดล้างในเมืองอย่างต่อเนื่อง ทุกคนบอกได้ว่ามีคนสองกลุ่มกำลังแย่งชิงเมืองกันอยู่

ฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่ามาจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมาจากขั้วอำนาจในแดนร้อยสงคราม สงครามเช่นนี้เป็นเรื่องพบได้ทั่วไปในที่ราบเหลยหั่ว

แต่ตอนนี้การแก่งแย่งในเมืองนี้ดำเนินถึงจุดสูงสุดแล้ว เมืองแห่งนี้มีชื่อว่าเมืองตี้หั่วเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของแดนร้อยสงคราม ดังนั้นการป้องกันจึงแน่นหนามาก ก่อนหน้านี้มีกลุ่มใต้บังคับบัญชาของอาณาเขตกงเวทสวรรค์มาบุกโจมตีแล้วหลายกลุ่ม แต่สุดท้ายกลับต้องถอยกลับอย่างน่าอนาถ

แต่ครั้งนี้กลุ่มที่หมายตาเมืองตี้หั่วนี้คือภูเขาซือหู่จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกันก็ตึงมืออย่างยิ่ง

ขณะนี้เหนือเมืองมีร่างคนนับร้อยยืนอยู่ พวกเขามองตรงไปทางทิศที่คลื่นหลิงผันผวนออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าหนักใจ

ด้านหน้าสุดเป็นชายวัยกลางคนร่างกำยำ เขากำลังขมวดคิ้วขณะมองเข้าไปในเมือง การป้องกันของที่นี่ช่างอยู่เหนือความคาดหมายของเขา

ฟิ้ว!

ขณะที่เขามองเมืองนี้อยู่ เงาร่างแสงสิบกว่าร่างก็ทะยานเข้ามาหยุดลงตรงหน้าพวกเขา แถวหน้าสุดก็คือชายหนุ่มร่างกำยำ เขาไม่ใช่ใครอื่น นี่ก็คือฟังเหลยที่มู่เฉินเคยเจอกันในศึกบ่อทองข่ายฟ้านั่นเอง

“ท่านลุงหลิว มีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามสองคนซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้ขอรับ” ฟังเหลยมองชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงขรึม

“ถึงว่าทำไมเคี้ยวยากนัก!” ชายวัยกลางคนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาคือผู้นำแห่งภูเขาซือหู่ พลังยุทธ์ของเขาอยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม หากอีกฝ่ายมีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามคนเดียว พวกเขาก็จะได้เปรียบในเรื่องจำนวน แต่ถ้ามีสองคนละก็ งานนี้พวกเขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

“ท่านลุงหลิว ทำอย่างไรดี?” ฟังเหลยถาม เขาก็ตระหนักดีว่ากำลังของศัตรูแข็งแกร่งกว่าพวกเขา หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้าอีกฝ่ายถูกกลุ่มอื่นตัดกำลังไปบางส่วนละก็ อีกฝ่ายคงออกมาปะทะซึ่งๆ หน้ากับพวกเขานานแล้ว

ชายวัยกลางคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป ครู่หนึ่งก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด “ถอย! มองหาเป้าหมายอื่นแทน!”

ฟังเหลยกับจอมยุทธ์คนอื่นผงะ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าถ้าฝืนยึดเมือง พวกเขาจะต้องจ่ายด้วยราคาแพงลิ่วแน่นอน

“ไป!”

ชายวัยกลางคนโบกมือถอยออกทันที เมื่อจอมยุทธ์ภูเขาซือหู่คนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็รีบตามไป

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ทว่าขณะที่พวกเขากำลังจะถอยทัพ ทันใดนั้นลำแสงจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากเมือง ลำแสงสองสายตรงด้านหน้าปลดปล่อยคลื่นหลิงทรงพลังออกมา

“ฮ่าๆ ในเมื่อมาแล้วก็อย่ากลับไปเลย!”

ร่างแสงทั้งสองหัวเราะดังลั่น คลื่นหลิงรุนแรงสองสายแผ่ออกมา กวาดไปยังกองทัพภูเขาซือหู่ที่กำลังถอย

เมื่อผู้นำภูเขาซือหู่เห็นสถานการณ์นี้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสี รีบออกกระบวนท่าปะทะกับคลื่นหลิงสองสายทันที

ปัง!

คลื่นหลิงระเบิดออกขณะที่ร่างผู้นำภูเขาซือหู่ส่งเสียงครางในลำคอ ร่างถูกซัดกลับไปเป็นร้อยเมตร เขามีขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม ดังนั้นจึงไม่สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเดียวกันถึงสองคนได้

“เร็ว หนีไป!”

ขณะที่ถลาออกไป ผู้นำภูเขาซือหู่ก็ไม่กล้าอ้อยอิ่งรีบตะโกนออกมา ที่แท้ก่อนหน้าอีกฝ่ายแกล้งทำเป็นอ่อนแอ ความจริงคือพวกเขาฟื้นตัวนานแล้ว

“สายไปแล้วที่จะหนีตอนนี้!”

แต่เผชิญกับจอมยุทธ์ภูเขาซือหู่ที่ถอยทัพอย่างรวดเร็ว จอมยุทธ์ของเมืองตี้หั่วที่นำทัพด้วยจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามสองคนก็ไล่ตามมาไม่ลดละ

“บ้าเอ้ย!” เมื่อฟังเหลยเห็นอีกฝ่ายทะยานเข้ามาประชิด เขาก็สบถออกมา

“ข้าจะดูสิว่าพวกแกจะหนีไปไหน!”

ลำแสงสายหนึ่งพุ่งตรงมา หนึ่งในจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามปรากฏตัวตรงหน้ากลุ่มฟังเหลยพลางซัดฝ่ามือออกไป ฝ่ามือยักษ์ปกคลุมพวกเขาพร้อมเงามืด

กลุ่มฟังเหลยถูกฝ่ามือยักษ์ปกคลุมจนหนีไปไม่ได้ สีหน้าแต่ละคนซีดขาวไปในทันที

“ตู้ม!”

ทว่าขณะที่ฝ่ามือยักษ์กำลังจะปกคลุมลงบนร่างพวกเขา ลำแสงรัศมีจั้นยี่สีดำก็พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วจากขอบฟ้า ปะทะกับฝ่ามือนั่นอย่างหนักหน่วง

ตึง!

ฝ่ามือถูกทำลายทันที นอกจากนี้พลังของรัศมีจั้นยี่ยังไม่ลดน้อยลง มันพุ่งปะทะกับร่างจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามอย่างหนักหน่วง

อ็อก

จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามดูราวกับว่าถูกฟ้าผ่า ร่างกระเด็นออกไป กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ใบหน้าของเขาฉายแววหวาดกลัวเมื่อมองไปที่ขอบฟ้าที่มีกลุ่มเมฆดำมืดกวาดตัวตรงมาหยุดที่กลางอากาศ

“นั่นหน่วยรบวิหคโลกันตร์!”

เมื่อจอมยุทธ์ภูเขาซือหู่เห็นภาพนี้ พวกเขาก็ระเบิดเสียงตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

“ฮ่าๆ พี่ฟัง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าหน่วยรบวิหคโลกันตร์มองฟังเหลยและหัวเราะออกมา

“จะ…เจ้าคือมู่เฉิน?!” ฟังเหลยเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนคุ้นหน้า

มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า ตลอดทางเขานำหน่วยรบวิหคโลกันตร์กวาดล้างกลุ่มคนจากแดนร้อยสงครามมาไม่น้อย ก่อนหน้าก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงหนาแน่นในบริเวณนี้ เขาเลยรุดหน้ามาที่นี่

“แม่ทัพมู่เฉินนี่เอง ข้าคือหัวหน้าภูเขาซือหู่—หลิวซือ” เมื่อหลิวซือเห็นสถานการณ์ตอนนี้ เขาก็รีบยกมือคำนับ สายตาของเขาที่มองมู่เฉินดูแปลกไปไม่น้อย คิดว่าในช่วงนี้เขาก็คงได้ยินชื่อเสียงของแม่ทัพหน่วยรบวิหคโลกันตร์คนใหม่มาแล้ว

“ท่านหลิวนี่เอง” มู่เฉินยิ้มยกมือคำนับตอบ แต่เขาไม่ได้พูดทักทายอะไรมาก “ข้าจะจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามคนหนึ่งให้ ส่วนพวกเจ้าจัดการที่เหลือนะ”

“ขอบคุณแม่ทัพมู่เฉินมาก” เมื่อหลิวซือได้ยินคำพูดของมู่เฉิน เขาก็ลิงโลด เนื่องจากเขาบอกได้ว่ามู่เฉินไม่มีเจตนาจะยึดครองที่นี่ เมื่อเป็นเช่นนี้เมืองนี้ก็จะเป็นของภูเขาซือหู่

มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นสายตาก็เย็นเยือกลงพร้อมกับสะบัดมือ รัศมีจั้นยี่เชี่ยวกรากกวาดออกมาพุ่งตรงไปที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามที่เขาซัดไปเมื่อครู่

แต่ชัดว่าเขาประเมินพลังของศัตรูมากเกินไป กระบวนทัพของหน่วยรบวิหคโลกันตร์น่าสะพรึงมาก เมื่อรัศมีจั้นยี่ปลดปล่อยออกมา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามยังหวาดกลัว

ในเมื่อหน่วยรบวิหคโลกันตร์อยู่ที่นี่ นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้บัญชาการจิ่วโยวก็อยู่ใกล้ๆ งั้นหรือ?

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ใบหน้าของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามก็ผันแปรพร้อมกับที่หันหลังกลับเหาะหนีไปทันที เมื่อเห็นเขาหนี จอมยุทธ์เมืองตี้หั่วก็สูญเสียกำลังใจที่จะต่อสู้ ทัพแตกฉานซ่านเซ็นไปหมด

กำลังใจของภูเขาซือหู่ฮึกเหิมขึ้น พวกเขารีบไล่ตาม ความหดหู่เมื่อครู่หายไปสิ้นเชิง

ครั้นเห็นดังนี้ มู่เฉินก็ยิ้มบางขณะเบนสายตามองหลิวซือกับฟังเหลย “ทั้งสองเป้าหมายของหอวิหคโลกันตร์คือสำนักสายฟ้าปีศาจ ถ้าภูเขาซือหู่ยึดเมืองสำเร็จแล้ว พวกเจ้าสามารถมุ่งหน้าไปที่สำนักสายฟ้าปีศาจได้นะ”

“สงครามไม่คอยท่า ข้าคงไม่อยู่ที่นี่ต่อแล้ว ขอเคลื่อนพลไปก่อน!”

มู่เฉินยกมือคำนับ จากนั้นก็ไม่ได้ชักช้าอีกต่อไป หน่วยรบวิหคโลกันตร์ทะยานเป็นกลุ่มเมฆพายุจากไปเพียงแค่เขาโบกมือ ทิ้งสายตาตกตะลึงไว้เบื้องหลัง

“ช่างน่าสะพรึงอะไรเช่นนี้ เขาเพิ่งเข้ามาอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่นานนัก แต่สามารถควบคุมหน่วยรบวิหคโลกันตร์ได้ถึงขนาดนี้” หลิวซือมองกลุ่มเมฆที่จากไป อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อสัมผัสถึงรัศมีจั้นยี่อันเชี่ยวกราก

“เขาน่าสะพรึงจริงๆ เขาทรงพลังยิ่งกว่าตอนที่เจอกันล่าสุดซะอีก” ฟังเหลยถอนหายใจ ตอนที่เขาพบกับมู่เฉินในศึกครั้งก่อน เขายังมีความมั่นใจอยู่ว่าจะสามารถสู้กับมู่เฉินได้ แต่ตอนนี้ที่มาพบกันใหม่อีกครั้ง เขาก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉินอีกต่อไป พัฒนาการของมู่เฉินทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ

“จากความเร็วนี้ คงไม่นานที่จะมีผู้บัญชาการคนใหม่ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์แล้ว…”

หลิวซือส่ายหน้าด้วยความอิจฉาพลางโบกมือ “ลุยต่อ เราจะยึดเมืองตี้หั่วให้เรียบร้อยจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสำนักสายฟ้าปีศาจ ฮ่าๆ ฉากตระการตาเช่นนี้ เราพลาดไม่ได้เลยนะ!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ทะยานออกไปโดยมีจอมยุทธ์ภูเขาซือหู่ตามติดอยู่ข้างหลัง

 

เป้าหมายของจิ่วโยวคือสำนักสายฟ้าปีศาจตั้งแต่แรก

แต่นางก็ฉลาดที่จะไม่บุ่มบ่ามบุกเข้าไป นางชะลอตัวลงในที่ราบเหลยหั่ว ขณะเดียวกันก็ส่งมู่เฉินออกไปพร้อมกับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ ด้วยพลังของมู่เฉินและการช่วยเหลือของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ พวกเขากวาดล้างศัตรูได้โดยง่ายเลยทีเดียว

ดังนั้นตลอดเส้นทางการเคลื่อนทัพของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ กลุ่มต่างๆ ของแดนร้อยสงครามต่างได้รับความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง นอกจากนี้มู่เฉินยังไม่ได้ยึดครองเมืองต่างๆ ที่เขาเคลื่อนผ่าน แต่ยกให้กับกองทัพที่เข้าห้ำหั่นอย่างขมขื่นแต่แรก

แม้การกระทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาสูญเสียไปบางส่วน แต่ก็สร้างชื่อเสียงด้านบวกให้หอวิหคโลกันตร์มากในวันเดียว ดังนั้นเมื่อหอวิหคโลกันตร์เอ่ยปากบอกเรื่องการร่วมมือต่อสู้กับสำนักสายฟ้าปีศาจ ก็ไม่มีใครปฏิเสธแม้แต่คนเดียว

ดังนั้นเมื่อหน่วยรบวิหคโลกันตร์เริ่มเคลื่อนทัพสู่สำนักสายฟ้าปีศาจในวันที่สอง ก็มีกองทัพนับสิบปิดล้อมสำนักสายฟ้าปีศาจในทิศทางอื่นด้วยแล้ว

ฉากสงครามนี้ยิ่งใหญ่ตระการตานัก ทั้งในชั้นฟ้าและชั้นดินล้วนมีผู้คนจำนวนมากเคลื่อนผ่าน ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนไปทั่ว กระทั่งขอบฟ้ายังเหมือนจะมืดครึ้มลงเลยทีเดียว

ภายใต้การปิดล้อมอันน่ากลัว ในที่สุดมู่เฉินก็นำหน่วยรบวิหคโลกันตร์ยาตราเข้าสู่เขตแดนของสำนักสายฟ้าปีศาจแล้ว