บทที่ 499 สิ่งที่ต้องการอยู่ข้างหน้า

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 499 สิ่งที่ต้องการอยู่ข้างหน้า
เมื่อทั้งสองเข้าใกล้หุบเขามรณะ ทั้งลูเซียนและนาตาชาก็ไม่อยากจะเชื่อสายตา หุบเขาที่ตั้งอยู่ในความมืดไม่เหลือความสิ้นหวังและความน่าสะพรึงกลัวซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงในนิทาน หุบเขาตั้งอยู่ท่ามกลางหมอกและไร้เสียงภูตผีร้องทำลายขวัญ ความเงียบสงัดเกินพรรณนาแผ่ออกไปทั่ว จนทำให้ผู้บุกรุกต่างลังเลที่จะรบกวนห้วงนิทราอันดำดิ่ง นอกจากนี้ เมื่อทั้งคู่มองไปยังขอบฟ้าก็เห็นความสุกสว่างอันอ่อนโยนและศักดิ์สิทธิ์จากหุบเขา

“นี่หรือหุบเขามรณะ?” นาตาชามองกลับไปที่ป่าเย็นยะเยือกที่น่าขนลุกให้มั่นใจว่าทั้งสองไม่ได้มาผิดทาง

เสียงคำรามเขย่าขวัญยังคงดังก้องสะท้อนอยู่ในป่าเป็นครั้งคราว บ่งชี้ว่าทาสความตายของเทพอสูรจอมเวท-ลิชยังคงตามล่าลูเซียนและนาตาชา

ลูเซียนส่ายศีรษะ “ที่นี่หุบเขามรณะไม่ผิดหรอก ดูเหมือนแอลจะมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ ข้าจะลอบเข้าไปสอดแนมด้วย ‘เวทเนตรสอดแนม’ เราไม่อาจบุ่มบ่ามบุกเข้าไป”

แล้วลูเซียนก็หยิบ ‘แหวนคอนกัส’ ออกมาแล้วก็ร่ายเวทป้องกันและเตือนภัยใส่นาตาชาและตัวเอง หลังจากนั้น เขาก็หยิบลูกแก้วคริสตัลและเริ่มถูลูกแก้ว แล้วลูกแก้วก็คายก้อนเนื้อสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือ ซึ่งมีร่องรอยยับย่นไปทั่วพื้นผิว

ก้อนเนื้อแผ่ออกในทันที เผยให้เห็นดวงตาสีขาวซีดที่เต็มไปด้วยเส้นสีดำๆ แล้วก็แตกออกมาดวงเนตรเก้าดวง และหายเข้าไปในความมืด ขณะลอยตรงไปยังหุบเขามรณะ

ในทางกลับกัน ลูเซียนก็ตามดวงเนตรไปพร้อมกับนาตาชาและซ่อนตัวอยู่ในโพรงบนหน้าผา ไม่ไกลจากหุบเขามรณะ พลังวิญญาณถูกกดไว้อย่างหนักหน่วงในโลกนี้ แม้แต่เวทสอดแนมอย่าง ‘เนตรสอดแนม’ ก็ยังพลังตกลงมาก

ความมืดที่ผิดปกติภายในลูกแก้วคริสตัลสลายไปและกลายเป็นภาพจากดวงเนตรสอดแนมแทน พวกดวงเนตรลอบเข้าไปในหุบเขามรณะจากมุมต่างๆ กัน

“นั่นคือ…” นาตาชาชี้ไปยังภายในลูกแก้วซึ่งมีสิ่งมีชีวิตลักษณะเหมือนผีกินศพที่สูงมากกว่าสองเมตรกำลังเดินเข้าไปยังหุบเขามรณะอย่างระแวดระวังโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีดวงเนตรสอดแนมตามหลังมันไป นางก็ถามขึ้น “…ทาสผีของคอนกัสหรือเปล่า?”

“น่าจะ ดูจากเวลาที่ใช้ไป พวกมันคงค้นหาทั่วป่าแล้ว คอนกัสยังอยู่ในโลกหลักและควบคุมพวกมันจากระยะไกลไม่ได้ อืม มันคือผู้จับวิญญาณ” ลูเซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

นาตาชาไม่รู้จักปีศาจดีเหมือนลูเซียน แล้วนางก็ถามด้วยความสงสัย “ผู้จับวิญญาณ? ฟังดูน่ากลัวจัง”

“ใช่ มันเป็นปีศาจที่ประหลาดและแข็งแกร่ง อย่าไปหลงกลรูปร่างเหมือนผีกินศพของมัน ดูตรงใต้ท้องเน่าๆ ของมันสิ” ลูเซียนอธิบายด้วยความยินดี และเตือนนาตาชาว่านางไม่ควรประเมินพวกมันต่ำเกินไปในอนาคต

เพื่อให้เห็นชัดขึ้น นาตาชาเอนตัวพิงลูเซียนโดยไม่ขัดขืน กลิ่นหอมของนางโชยกลิ่นมาชัดเจน ซึ่งทำให้เขาหน้าแดงด้วยความขวยเขินเล็กน้อย

“มีหน้าเล็กๆ แต่มีชีวิตสามหน้าบนซี่โครงของมัน พวกมันกำลังเจ็บปวด” แล้วดวงเนตรสอดแนมก็เปลี่ยนทิศทาง แล้วนาตาชาก็ได้เห็นด้านหน้าของผู้จับวิญญาณ

ลูเซียนชี้ไปที่ท้องของผู้จับวิญญาณ “พวกมันคือวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่มันฆ่ามา ตอนนี้มันมีนักโทษสามตน หมายความว่ามันเป็นผู้จับวิญญาณที่พัฒนาขึ้นเทียบเท่ากับนักเวทอาวุโส วิญญาณพวกนั้นทำให้มันมีพลังงานพอที่จะใช้ความสามารถคล้ายๆ กับเวทมนตร์ ถือเป็นผู้ใช้เวทระดับอาวุโสที่เชี่ยวชาญศาสตร์มืดและภาพมายา ถ้ามันถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์ ผลและความเสียหายจากเวทมนตร์บางบทจะถูกส่งไปยังวิญญาณสามตนนั้นแทน จนกว่าวิญญาณทั้งสามจะถูกทำลาย ผู้จับวิญญาณจะไม่บาดเจ็บอะไรเลย และเวทมนตร์ของศัตรูก็จะถูกใช้ไปเปล่าประโยชน์”

“แน่นอน เวทมนตร์ประเภทโจมตีทางกายภาพน่าจะใช้ได้ผลดีกว่า สำหรับอัศวิน สิ่งสำคัญที่สุดก็คืออย่าเข้าใจผิดว่ามันเป็นผีกินศพหรือ ไม่อย่างนั้นคงได้รับบาดเจ็บจากความสามารถเหมือนเวทมนตร์ของมัน”

ลักยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้านาตาชา “ประหลาดมากจริงๆ ให้ดวงเนตรสอดแนมตามมันไปและดูว่ามันจะทำอะไรกับหุบเขามรณะ”

ลูเซียนก็คงทำแบบเดียวกันแม้ว่านางจะไม่ได้บอกออกมา เขาสั่งให้ดวงเนตรสอดแนมดวงหนึ่งลอบตามผู้จับวิญาณไปเงียบๆ แล้ว

ภายในหุบเขามรณะ เถาวัลย์ที่ขึ้นเต็มปิดกั้นแสงดาวจากท้องฟ้า ทำให้สถานที่ยิ่งมืดมิดและเงียบงันไปใหญ่

ยิ่งผู้จับวิญญาณและดวงเนตรสอดแนมเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในหุบเขา ความมืดมิดก็ยิ่งดำมืดมากขึ้นๆ และก็เห็นอะไรจากลูกแก้วคริสตัลน้อยลงๆ จนในที่สุด ภาพทั้งเก้าภาพจากดวงเนตรเก้าดวงก็มืดสนิท ราวกับพวกมันติดอยู่ในความไร้ตัวตนที่แปลกประหลาดที่พลังวิเศษบางอย่างสร้างขึ้น

ลูเซียนพยายามเพิ่มพลังให้กับดวงเนตรสอดแนม แต่คำสั่งของเขาไม่ได้รับการตอบสนองจากอะไรเลย ดวงเนตรเก้าดวงดูเหมือนจะละลายหายไปกับความมืดโดยสมบูรณ์

ทันใดนั้น ก็มีแสงอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนลูกแก้วคริสตัล ส่องแสงให้เห็นผู้จับวิญญาณ มันกำลังสู้กับทูตสวรรค์ที่มีปีกสีดำ ด้านหน้าของทั้งสองเป็นอาณาจักรแห่งแสงที่ดูเหมือนกับรุ่งอรุณ

แล้วตอนนั้นเอง ลูเซียนก็เลยรู้ตัวว่าดวงเนตรหกในเก้าดวงหายตัวไป นอกจากดวงหนึ่งที่ติดตามผู้จับวิญญาณไป ก็มีเพียงสองดวงที่ผ่านความมืดข้างหน้าไปได้

“ทูตสวรรค์? ที่นี่เป็นอะไรกันแน่?” นาตาชาอุทานผ่านทางกระแสจิต

ลูเซียนเริ่มควบคุมดวงเนตรอีกสองดวงให้เปลี่ยนเส้นทาง หลีกเลี่ยงการปะทะ และเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในหุบเขา

ผู้จับวิญญาณค่อนข้างแข็งแกร่ง และใช้เวลาไม่นานก่อนจะสังหาร ‘ทูตสวรรค์’ ลงได้ มันพยายามมุ่งหน้าไปต่อจนถูกทูตสวรรค์อีกหลายตนรุมกินโต๊ะ และมีแม้กระทั่งทูตสวรรค์ธรรมเทพและเครูบที่มีสี่ปีก อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของทูตสวรรค์ก็ยิ่งทำให้ดวงเนตรสอดแนมลูเซียนลอบเข้าไปได้ง่ายขึ้น

ภาพจากดวงเนตรเริ่มชัดขึ้น ริมฝีปากสีแดงสดของนาตาชาเผยอออกและสั่นเกินกว่าที่นางจะควบคุมได้

ที่นั่นเป็นชายหาดที่มีคลื่นซัดเบาๆ บนชายหาด วิญญาณบริสุทธิ์กำลังเล่นพิณและเครื่องดนตรีอื่นๆ บรรเลงเพลงสรรเสริญที่ฟังดูห่างไกลแต่ยังไพเราะ ขณะที่พวกวิญญาณกำลังสวดมนต์อย่างมีศรัทธาและอลังการ

“ขอสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเป็นยิ่งใหญ่ ขอสรรเสริญพระผู้ช่วยให้รอดผู้หยั่งรู้และทรงพลานุภาพ”

ชายหาดทั้งหาดเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ราวกับอยู่ท่ามกลางมวลแสง ห่างออกไปจากชายหาด ก็มีเมืองที่มีประตูรอบเมืองสิบสองบาน ซึ่งมีความยาว ความกว้าง และความสูงเท่ากันหมด ซึ่งประดับด้วยหินโบราณ หยก และอัญมณีอื่นๆ และเหนือขึ้นไปบนตัวเมือง ดูเหมือนมีอาณาเขตเทพคล้ายๆ กันหกเขต และภาพความหฤหรรษ์ไม่ต่างกันก็พบได้ในอาณาเขตเทพสี่เขต

สองชั้นบนสูงสุดอยู่ไกลเกินกว่าสายตาของดวงเนตรสอดแนม อย่างไรก็ตาม ทั้งลูเซียนและนาตาชาก็เดาได้ว่ามีอะไรอยู่ภายใน

“ดูหมิ่นศาสนา! นี่เป็นการดูหมิ่นศาสนาขั้นร้ายแรง! ใครกล้าเลียนแบบหุบเขาวิมาน?” นาตาชาไม่เคยยึดติดกับเนื้อหาและความรู้เทววิทยาเรื่องแบบแผนของคริสตจักร เพราะฉะนั้น นางจึงยอมเชื่อลูเซียนและอยู่กับเขาได้อย่างสงบสุข อย่างไรก็ตาม การล้อเลียนอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้กระตุ้นศรัทธาของนางและทำให้นางรู้สึกว่าผู้สร้างสถานที่นี้เต็มไปด้วยจุดประสงค์ร้าย

“เจ้าเป็นหนึ่ง และเป็นทุกคน เจ้าคือตอนนี้ และตลอดกาล…”

เพลงสรรเสริญและบทสวดดังออกมาจากลูกแก้วคริสตัล ลูเซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้แต่บทสวดและพิธีกรรมในพระคัมภีร์ของพระเจ้าแห่งสัจธรรมก็ถูกคัดหลอกมาด้วยหรือนี่? ฟรานซิสต้องการอะไร? หรือเขาอยากให้แอลเป็นพระเจ้าแห่งสัจธรรมอีกคนจริงๆ?”

ค่อนข้างสร้างสรรค์ดีทีเดียว… ลูเซียนแอบชมอยู่ในใจ แต่เมื่อเขาหันไป เขาก็เห็นนาตาชากำลังโกรธจัดจนมือนางสั่นไปหมด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลูเซียนยังอยู่ในอันตราย และศัตรูที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเทพอสูรจอมเวท-ลิช นางจึงไม่ยอมตกเป็นทาสอารมณ์และระงับความโกรธเอาไว้

ลูเซียนขยับตัวเล็กน้อย เขาขยับมือซ้ายไปคว้ามือซ้ายของนาตาชาที่ไม่ได้จับดาบและกำมือของนางเบาๆ เพื่อให้ความอบอุ่นและปลอบใจนาง

นาตาชาขยับมือหนีตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานนางก็เข้าใจความตั้งใจของลูเซียน ดวงตาของนางอ่อนโยนและนางก็พยักหน้าเบาๆ บอกให้รู้ว่านางไม่เป็นอะไร เมื่อมือของนางหยุดสั่น นางก็ใช้กำลังดึงมือซ้ายของนางกลับมา

นอกเหนือระหว่างการเต้นรำและการหลบหนี นี่เป็นครั้งแรกที่นาตาชาและลูเซียนจับมือกัน ทั้งสองต่างตกอยู่ในความเงียบสักพัก คิดถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง

ตอนนั้นเอง ชายในชุดเสื้อคลุมสีขาวที่มีปีกมายาหกคู่บนหลัง ก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านบนกลุ่มทูตสวรรค์ เขาฟันดาบลงมาและกลายเป็นไฮดราสีดำกำราบผู้จับวิญญาณ ดูเหมือนปีศาจระดับอาวุโสตนนี้จะถูกสังหารภายในเวลาอันรวดเร็ว

“ฟรานซิสลงมือ?” นาตาชารู้ว่าครั้งหนึ่งฟรานซิสเคยเป็นผู้ศรัทธาของแอล แต่นางไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นทูตสวรรค์เสราฟิมตัวปลอมแบบนี้

ลูเซียนรีบอธิบายความบริสุทธิ์ใจของเขา “เพื่อให้ได้ข้อมูลมา ครั้งหนึ่งข้าปลอมตัวแฝงเข้าไปในคริสตจักรของแอล ข้าได้เจอกับฟรานซิสที่นั่น เขาเชี่ยวชาญเทววิทยาและกำลังหลอกล่อให้แอลขึ้นเป็นพระเจ้าแห่งสัจธรรม หุบเขาวิมานคงถูกสร้างเลียนแบบตามคำแนะนำของเขา”

นาตาชาต้องไม่รู้ว่าเขาเข้าไปมีส่วนร่วมในแผนหลอกลวง เพราะเขาหวังจะเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของพระเจ้าแห่งสัจธรรมจากวงใน

“นั่นเขา! เขาเป็นผู้พิทักษ์ราตรีไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงกล้าทำเรื่องหยามศาสนาขนาดนี้?” นาตาชาพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้

ลูเซียนเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน “เขาเป็นผู้พิทักษ์ราตรีหรือนี่?”

ก่อนหน้านี้ ลูเซียนกังวลใจอย่างหนักจนเขาไม่กล้าถามนาตาชาถึงสาเหตุที่นางร่วมมือกับฟรานซิส ชายคนนี้เป็นผู้พิทักษ์ราตรีของศาสนจักรฝ่ายใต้? เขาดูหมิ่นศาสนายิ่งกว่าลูเซียนเสียอีก ‘เทวดาตกสวรรค์’ ลำดับที่สิบเก้าในบัญชีกวาดล้าง!

นาตาชาพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนแรก ข้าไม่รู้หรอกว่าเขาคือผู้พิทักษ์ราตรี ทั้งแดเนียล ‘เพลิงล้างบาป’ และพระคาร์ดินัลมาซาด้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าตอนที่ฟรานซิสคุยกับพวกเขา เขาดูเหมือนจะเสนอของบางอย่างที่ทำให้ชนะใจพวกเขา สองคนนั้นบอกข้าว่าฟรานซิสเป็น ‘นักคิด’ ซึ่งอยู่ในลำดับสิบสองของผู้พิทักษ์ราตรี เขาเป็นผู้พิทักษ์ราตรีปริศนาที่มีเพียงนามแฝง”

“ว่ากันว่าเขาถูกส่งไปยังศาสนจักรฝ่ายเหนือในฐานะนักสืบ ชื่อเขาจึงปรากฏบนบัญชีกวาดล้าง เขาเป็นบุรุษปริศนาอีกคนที่ข้อมูลถูกเก็บเป็นความลับ”

“หรือเขาแปรพักตร์เข้าร่วมกับศาสนจักรฝ่ายเหนือ? ไม่ ศาสนจักรฝ่ายเหนือก็คงไม่ทนต่อการดูหมิ่นศาสนาเหมือนกัน หรือเขาจะมีตัวตนอื่นอีก?” ลูเซียนรู้สึกได้ถึงการแสดงเป็นสายลับสองหน้า

นาตาชาส่ายศีรษะ “ไม่ว่าแบบไหน ไม่ว่าจุดประสงค์เขาคืออะไร การดูหมิ่นศาสนาต้องถูกลงโทษ หลังจากเราหลุดจากอันตรายไปได้ หรือถ้าเจ้าตัดสินใจโจมตีแอล ข้าจะประหารเขาด้วยตัวเอง”

อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้สึกขนลุก… ลูเซียนแอบปาดเม็ดเหงื่อเย็นๆ เลยเห็นว่านาตาชากำลังมองเขาพร้อมกับแกล้งยิ้ม “เจ้าเคยเข้าร่วมคริสตจักรของแอล เจ้าก็ต้องมีส่วนในการดูหมิ่นศาสนาใช่ไหม?”

ลูเซียนกำลังจะปฏิเสธ จังหวะที่นาตาชาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง “อย่าโกหกข้า”

หลังจากคิดอยู่สักพัก ลูเซียนก็สารภาพเรื่องบทที่เขาเล่น ‘ความพยายาม’ และเป้าหมายของเขาในการศึกษาปริศนาของพระเจ้า “…ข้าไม่ได้คิดร้าย ทั้งหมดก็เพื่อกศึกษาความจริงของโลก”

“ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามชักจูงข้า” จู่ๆ นาตาชาก็ถอนหายใจ “อาจเป็นเพราะทัศนคติของข้าต่อพระผู้เป็นเจ้าได้รับอิทธิพลจากท่านแม่และท่านยายแฮททาเวย์ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับพระคัมภีร์และหลักคำสอนขนาดนั้น พระผู้เป็นเจ้าเป็นเสมือนเสาหลักแห่งความเป็นอัศวิน ข้าจึงยอมรับการศึกษาอาร์คานา พระผู้เป็นเจ้าอาจกลายเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณสำหรับข้าในผลวิจัยของเจ้า เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ข้ามีขอบเขตของข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเคารพข้า เจ้าจะทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการลับหลังข้า แต่อย่าให้ข้าเห็น”

ลูเซียนสัญญาอย่างตั้งใจ “ตกลง”

หลังจากสื่อกสารกันแล้ว ทั้งสองก็ดูเหมือจะทลายกำแพงลงได้ พวกเขาก็เฝ้าสังเกต ‘หุบเขาวิมาน’ ในหุบเขามรณะต่อไป

ทันใดนั้น มวลพลังสีดำ ขาว และเทาบนมือซ้ายของลูเซียนก็แผ่กระจายตัวออกมาและรวมตัวกับเขาอีกครั้ง

ภายใต้อิทธิพลของอัลเทอร์นาภายนอก ความถี่ของมวลพลังที่อยู่นอกเหนือการควบคุมก็ดูเหมือนจะขยายตัวขึ้น

นาตาชาลงดาบยุติธรรมจืดจางบนตัวลูเซียนอย่างขึงขัง หลังจากฟันถึงสามครั้ง มวลพลังสีขาวดำก็แตกสลายและจางหายไป ขณะเดียวกัน ดวงเนตรสอดแนมก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกินเมื่อหลุดจากการควบคุมของลูเซียน

“อพยพด่วน” ลูเซียนเสนอออกมา “เรายังไม่ได้สืบเรื่องแอล และอาณาเขตเทพแห่งนี้ก็เป็นเขตของพวกเขา เราบุ่มบ่ามไม่ได้ อย่างน้อย เราต้องล่อเขาออกมา”

เพราะเวทมนตร์บนแหวนคอนกัสใช้ได้ผลดีกับโลกภายนอก ลูเซียนกลัวว่าแหวนจะสูญเสียการคุ้มกันจากอัลเทอร์นา จันทราสีเงิน ซึ่งทำให้เทพอสูรจอมเวท-ลิชระวังตัวมากขึ้นและรู้ว่าลูเซียนสามารถใช้แหวนของเขาได้ ดังนั้น ลูเซียนตั้งใจจะจับตัวแอลด้วยเวทมนตร์อื่น

เขายังไม่ทันได้สรุปประโยคในจังหวะที่มีบางคนบินออกมาจากหุบเขามรณะ เขาคือแอลไม่ผิดแน่ เป้าหมายของเขาก็คือลูเซียนและนาตาชา!