บทที่236

ผู้แปล : N.

ช่วงต้นเดือนนี้ลูชินถือโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของเขาอีก บ้านของเขานั้นได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ขนาดใหญ่ ด้านนอกยังมีสระว่ายน้ำ สวน ที่จอดรถ แม้แต่ศูนย์ออกกำลังกายก็มี นอกจากนี้รัวรอบบ้านของเขายังได้ติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยไว้รอบๆอีกด้วย

การตกแต่งภายในเองก็รับการออกแบบตามแบบบ้านสมาร์ตทั้งหมด และระบบทั้งหมดในตัวบ้านจะใช้โฮมสมาร์ตที่ทันสมัย

ตอนที่เขาเข้ามายังตัวบ้าน เขาไม่เห็นพ่อแม่ของเขาเลย ดูเหมือนว่าท่านทั้งสองคงกำลังไปนอนอาบแดดที่ชายหาดเพื่อพักผ่อน

แต่เขากลับเห็นพี่สาวซูแทน ตอนนี้เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าโครงการบ้านจัดสรรที่เขาอยู่นี้ ดังนั้นเธอจึงอยู่ที่นี่เกือบตลอดทั้งปี

“ มันผ่านมาครึ่งปีแล้วสินะที่เราเจอกันครั้งล่าสุด” ในร้านกาแฟริมถนนพี่สาวซูพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้งสองได้พบกัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นวันเกิดของเธอและตั้งแต่นั้นมาลูชินก็แทบจะไม่ได้อยู่ในเมืองเจียงเฉิงเลย เขาเดินทางไปทั่วประเทศและบางที่ก็ต่างประเทศจึงไม่ค่อยมีเวลาติดต่อกันมากนัก

เขาต้องยอมรับว่าถึงเขาจะไม่เห็นพี่สาวซูมานาน แต่เธอก็ยังคงสดใสอยู่เสมอ รสนิยมการแต่งหน้าของพี่สาวซูเองก็มีระดับ ในส่วนของการแต่งตัวของเธอเองก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเมื่อนำมารวมกับการแต่งหน้าของเธอแล้วมันยิ่งทำให้เธอดูดีและสวยอย่างมาก

เขาคิดว่าการที่เธอดูดีแบบนี้ได้ส่วนหนึ่งเธอก็คงเลือกกินและการออกกำลัง ไม่อย่างนั้นเธอจะมีหุ่นที่สวยงามแบบนี้ได้เหรอ?

“ใช้! มันเร็วมาก” ลูชินรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก ถ้าไม่มีงานแต่งงานของเพื่อนรักของเขา เขาก็คงยังไม่ได้กลับมาบ้านง่ายๆ

พ่อกับแม่เองก็ดูเหมือนจะมีความสุขเช่นกันที่ได้ย้ายมาอยู่บ้านแบบนี้ พวกท่านได้ออกไปท่องเที่ยวทุกที่ที่พวกท่านอยากไป และยังได้ส่งรูปที่พวกท่านไปเที่ยวมาให้เขาดูทุกวัน!

“แต่ฉันกับรู้สึกว่าเวลามันช้ามาก” ซูเฉิงได้ถือกาแฟรสขมขึ้นมาจิบเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า: “มันนานเหมือนสามปีเลยที่เดียว”

“ฮาฮาฮา นี้พี่จะคิดถึงผมมากเกินไปไหม?” ลูชินได้พูดโพล่งออกมาแบบล้อเล่น

ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มให้เขาและพูดว่า: “นายรู้ตัวไหมว่าเริ่มเป็นคนหลงตัวเอง!”

“ถ้าผมไม่หลงตัวเอง พี่จะให้ผมเกลียดตัวเองเหรอไง ฮาฮาฮา?” ลูชินพูดด้วยรอยยิ้ม

“เฮ้อ! ฉันไม่รู้จะเถียงนายกลับยังไงเลย ฉันอยากรู้จริงๆว่านอกจากสมองที่นายเอาไว้ใช้หาเงินแล้ว นายได้นำมันไปทำอย่างอื่นอีกไหม? ” ซูเฉิงพูดวิจารณ์ต่อว่า “ข่าวทุกวันนี้นำเสนอแต่เรื่องธุรกิจของบริษัทเธอทั้งนั้น ฉันจะรู้สึกเบื่อขึ้นมาละ”

“ในด้านการทำงานนั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ที่สำคัญจริงๆคือการที่ผมสามารถทำให้ประเทศของเราพัฒนาเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วได้นั้นละคือประเด็นหลัก “ลูชินพูดต่อว่า”และผมจะบอกข่าวลับสุดยอดให้พี่รู้คนแรกนะ อีกไม่นานผมจะไปเจาะตลาดที่อเมริกาเหนือ! “

” เป็นเรื่องจริง! “ซูเฉิงได้พูดแบบตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าการเป็นหัวเรือใหญ่จะคิดการไกลแบบนี้ ถ้าเป็นพนักงานธรรมดาพวกเขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องของวันนี้เท่านั้นไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น

แต่ในฐานะหัวเรือใหญ่ คนนั้นต้องคิดพิจารณาทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบริษัท ชื่อเสียง ภาษีรายได้ต้นทุน และอื่น ๆ โดยเฉพาะการที่บริษัทลู่เทคโนโลยีมีพนักงานมากกว่าหมื่นคน นี้คิดเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

“ฉันรู้สึกว่ายิ่งนานวันไป นายก็ยิ่งดูลึกลับขึ้น” ซูเฉิงได้พูดด้วยน้ำเสียงที่น่าชื่นชมต่อว่า: “ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่สามารถสร้างธุรกิจของตัวเองให้กลายเป็นยักใหญ่ในระดับประเทศได้ตั้งแต่อายุแค่นี้ ถ้าฉันไม่รู้จักนายฉันก็คงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องล้อเล่น! ”

ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกพอใจเล็กน้อย เขาจึงพูดว่า:” ผมแค่โชคดีนิดหน่อยครับ และส่วนที่สำคัญที่สุดเลยผมได้รู้จักกับเพื่อนที่ดีและเก่ง ”

“ไอ้เรื่องโชคดีนี้ฉันคิดว่ามันก็มีส่วน แต่มันก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะลักษณะนิสัยส่วนตัวและพฤติกรรมของนายเองมากกว่าที่พานายมาถึงจุดนี้ได้ ” ซูเฉิงพูดขึ้นมา

“เฮ้อ! ผมว่าเราหยุดคุยกันเรื่องของผมเถอะ” ลูชิยลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมรู้สึกว่ามันจะทำให้บรรยากาศดีๆนี้เสียหมด”

“แล้วนี้พี่สาวซูมาทำอะไรที่นี้เหรอ? “

ซูเฉิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับว่า “ฮิฮิ ฉันจะมาร่วมงานแต่งของรุ่นน้องของฉันนะ บางที่ฉันอาจจะได้รับช่อดอกไม้แล้วจะมีผู้ชายมาขอแต่งงานบ้างก็ได้”

“แล้วนายละมีความฝันไหม?” ซูเฉิงถามด้วยความอยากรู้อยาก

“เงิน…” น้ำเสียงของลูชินนิ่งงันอย่างมากที่ตอบคำถามนี้ คิ้วของซูเฉิงได้ขมวดขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่เขาด้วยตาที่ไม่พอใจก่อนที่จะพูดว่า: “ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่ความฝัน”

“ใช้สิครับ! เพราะตอนนี้เรายังเด็กเรายังคงมีพลัง … ”

“ฉันคิดว่าแค่ตอนนี้นายก็มีเงินมากกว่าคนทั้งประเทศเสียอีก นายใช้เวลาแค่สองปีกับสองเดือนหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัย นายควรหยุดคิดเรื่องเงินไปซักพัก!” ซูเฉิงพูดขึ้นมาแบบติดตลกเล็กน้อย

ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มๆออกมา และถามว่าเธอจะกลับไปยังสำนักงานใหญ่วันไหน, แต่เหมือนว่าเขาจะคิดผิด พี่สาวซูได้พูดว่า: “ฉันยังไม่กลับเร็วๆนี้หรอก ฉันจะต้องไปร่วมงานแต่งก่อน! นายลืมไปแล้วเหรอไง?”

“โอ้! ผมเกือบลืมไปเลย แล้วพี่จะไปงานแต่งใครละครับ?”

“ฉันจะไปงานแต่งงานของไดเจียงนะ “ซูเสียวได้ตอบกลับมา

“อ่า! พี่ได้รับเชิญจากเขาด้วยเหรอ?” ลูชินถามด้วยความประหลาดใจ

“ฮิฮิ ไม่ใช่เขาหรอกที่เชิญฉัน” ซูเฉิงพูดต่อว่า “ฉันไม่รู้จักเขาหรอก แต่เป็นคนที่เขาจะแต่งงานด้วยนะ พอดีเธอเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าของฉัน”

อันที่จริงเธอเองก็ไม่สนิทกับรุ่นน้องคนนี้มากนัก แต่เดิมเธอคิดว่าจะไม่ไปด้วยซ้ำแต่เมื่อเธอได้ยินว่าคนที่รุ่นน้องคนนี้จะแต่งงานด้วยเป็นเพื่อนของลูชิน ดังนั้นเธอคิดว่าลูชินต้องมางานนี้อย่างแน่นอนเธอจึงได้ยินดีมาร่วมงานแต่งนี้

“โอ้! งั้นพี่จะไปพร้อมผมไหม?” ลูชินได้ถามออกไป

ซูเฉิงที่ได้ยิ้มแบบนั้นก็พูดว่า: “ฉันก็คิดว่านายจะไปเชิญฉันซะแล้ว”

วันรุ่งขึ้นลูชินและซูเฉิงได้เดินทางไปตลาดขายเรือนไม้ ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในมณฑลเจียงเป่ยเลยก็ว่าได้ เขาคิดว่าจะมอบงานไม้ให้เป็นของขวัญแต่งงานของเพื่อนรักของเขา

ในเวลานี้ในโรงแรมห้าดาว ไดเจียงได้สวมสูทอย่างเป็นทางการกำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนเก่าเมื่อได้รับโทรศัพท์จากลูชินว่า ต้องการคนมานำทางพวกเขาพอดีพวกเขาไม่คุ้นกับสถานที

“ใครพอจะไปรับลูชินได้ไหม? พอดีเขาไม่รู้ทาง! ฉันเลยอยากถามว่าใครพอจะไปรับเขาได้บ้าง?” ไดเจียงได้ถามกับกลุ่มเพื่อนร่วมที่อยู่บริเวณนั้น

“ลูชิน ลูชินไหน?” ผู้ชายที่มีใบหน้าใหญ่และอ้วนพูดขึ้นมา เขามีชื่อว่าเฉินจิง ในอดีตตอนที่เรียนเขาถือว่าเป็นคนเงียบๆไม่มีเพื่อน แต่ตอนนี้เขากับกลายเป็นขวัญใจของกลุ่มเพื่อนร่วมห้องไปแล้ว ถึงขึ้นที่เพื่อนๆเรียกเขาว่า คุณชายเฉิง

“เขาเป็นเพื่อนของฉัน” ไดเจียงพูดต่อว่า “ ฉันไม่สะดวกออกไปรับ เพราะต้องอยู่ตอนรับแขกที่นี้ เฉินจิง! นายสะดวกออกไปรับไหม?”

“ลูชิน?” เฉินจิงได้คิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะคิดและพูดว่า “โอ้! มันเป็นคนที่เคยมีเรื่องกับฉันที่มหาลัยตอนนั้น แล้วตอนนี้มันทำงานอะไรอยู่”

ลูชินเคยมีเรื่องทะเลาะกับเขามาก่อน ในตอนแรกเขาลืมไปแล้วแต่ตอนนี้เขาคิดวิธีทำให้อีกฝ่ายต้องอับอายได้แล้ว

“ดูเหมือนว่าเขาจะทำงานอยู่ในบริษัทเกมอะไรซักอย่าง ฉันเองก็ไม่แน่ใจ” ไดเจียงตอบกลับมา

เฉินจิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็แสดงสีหน้าดูถูกออกมา: “ในงานเลี้ยงรุ่นครั้งที่แล้วเขาก็ไม่ไป ใครมันจะไปคิดว่าเขาจะทำงานเป็นแค่พนักงานเล็กๆแบบนี้”

“ดี! ฉันจะเอารถพอร์ชไปรับเขาเอง แต่มันติดอยู่อย่างเดียว! รถของฉันมีน้ำมันไม่พอนะสิ”

“ นายหมายความว่ายังไง” ไดเจียงขมวดคิ้วขณะที่พูดขึ้นมา

“ฉันคิดว่าเขาคงจะหาทางมาเองได้อยู่แล้ว นายไม่ต้องกังวลเกินไป” เฉินจิงได้พูดออกมาสบายๆ

ไดเจียงที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้แล้วว่าเฉิงจิงนั้นต้องการสร้างปัญหาขึ้นมา เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปขอให้ลุงของเขาไปรับเพื่อนของเขาแทน

คนอื่นๆก็กำลังคุยกันต่อไป ได้มีผู้หญิงแถวนั้นได้ถามขึ้นมาอยากรู้อยากเห็น: “เฉินจิง นายซื้อรถพอร์ชมาเท่าไหร่”

“ไม่แพงเลย รถคันนี้ประมาณ 1.6 ล้านหยวนเท่านั้น” เฉินจิงได้พูดออกมาแบบสบายๆ

“ พระเจ้า! รถคันนี้มีราคา 1.6 ล้านหยวน มันแพงมาก เงินเดือนของฉันแค่ 10,000 ต่อเดือนเท่านั้น ฉันจะมีปัญหาซื้อรถแบบนี้ได้ตอนไหน!” เพื่อนร่วมชั้นหญิงต่างพากันพูดอย่างอิจฉา

เพื่อนคนอื่นต่างก็แสดงอารมณ์ของตนเองและพูดว่า: “เฉินจิง ฉันไม่คิดเลยว่านายจะทำเงินได้มากขนาดนี้?”

เฉินจิงพูดค่อนข้างสบาย: “โครงการอสังหาริมทรัพย์ของฉันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น? แต่ก็ถือว่าดีกว่าโครงการเจ้าอื่นอยู่ๆ ฉันก็เลยสามารถทำกำไรจากมันได้นิดหน่อย ””