ตอนที่ 520 บังเอิญพบหงหง / ตอนที่ 521 ความสงสัยในใจ

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 520 บังเอิญพบหงหง

 

 

ในตำหนักเจิ้งหยาง ของใช้ทั้งหมดที่มี นางกำนัลคนรับใช้ที่สามารถเข้าใกล้ตัวได้ต่างถูกสอบถาม ส่วนของใช้ก็ถูกตรวจสอบทุกชิ้น แต่ก็ไม่พบอะไร ซึ่งทำให้ซู่เวิ่นเริ่มเกิดความสงสัยว่าของสิ่งนี้ต้องมาจากภายนอก

 

 

“เซียงฉือ เจ้าคิดดูให้ดีๆ ซิ ระยะนี้มีกินอะไรที่ผู้อื่นนำมาให้หรือไม่ หรือใช้อะไรอยู่บ่อยๆ โดยที่ไม่ได้นำกลับเข้ามาในตำหนักเจิ้งหยาง”

 

 

ซู่เวิ่นถามเซียงฉือ เซียงฉือเอียงศีรษะมีท่าทีตอบไม่ถูก นางรับรู้ว่าตนเองถูกวางยาพิษแต่ก็ไม่ได้ตระหนกอะไร คนในวังที่เกลียดนางมีอยู่ไม่น้อยจริงๆ แต่คนที่เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นคนวางยาพิษนั้น เซียงฉือพอจะรู้บ้างแล้ว

 

 

จินกุ้ยเฟย

 

 

เซียงฉือออกจากตำหนักอวี้หยวน และเพราะสองชีวิตของท่านปู่กับท่านอาทำให้นางกับตำหนักอวี้หยวนเป็นดั่งน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้ นางรู้ว่าจินกุ้ยเฟยเกลียดนางเข้ากระดูก

 

 

แต่นางคอยหลบจินกุ้ยเฟยมาตลอด นอกจากเวลาที่ฮ่องเต้อยู่ด้วยมิเช่นนั้นจะไม่พบหน้ากุ้ยเฟยเป็นอันขาด จึงไม่รู้ว่ากุ้ยเฟยลงมือกับนางได้อย่างไร เซียงฉือคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ภาพเหตุการณ์หนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

 

 

ในวันที่สนมใหม่เข้าวังไปแสดงความเคารพนั้น เซียงฉือกับสวี่อี้หลบอยู่นอกตำหนักจู้เซียงเพื่อคอยฟังความเคลื่อนไหวภายในอย่างเงียบๆ แต่ขณะจะออกไปนางก็ถูกหงหงเรียกไว้

 

 

หงหงกับหลิ่วจุ้ยเป็นหญิงสาวสองคนที่เซียงฉือรักที่สุดในตำหนักอวี้หยวน ทั้งสองเคยช่วยนางไว้ไม่น้อย ถึงนางจะเป็นศัตรูกับคนทั้งหลายในตำหนักอวี้หยวน แต่ก็ยังคงมีความห่วงใย ดังนั้นเมื่อหงหงเรียก นางจึงเดินเข้าไปหา

 

 

ในมือหงหงหิ้วถุงผ้าใบใหญ่ เมื่อนางเห็นเซียงฉือเดินเข้ามาจึงโยนถุงนั้นเข้าไปในมือนางแล้วพูดว่า

 

 

“เอ้า ถุงนี้ให้เจ้า พี่หลิ่วจุ้ยบอกว่าหนิงอวี้เก๋อหนาวเย็นเกินไป นางบอกว่าเจ้าร่างกายอ่อนแอคงจะทนความลำบากแบบนั้นไม่ไหว จึงได้ใช้เวลาติดต่อกันหลายวันเพื่อเย็บผ้าห่มผืนหนึ่งกับหมอนใบหนึ่งให้เจ้า เอาไปใช้ดีๆ ล่ะ”

 

 

หงหงหมุนกายเตรียมจะเดินไป เซียงฉือจับนางว่าถามขึ้นว่า

 

 

“ตอนนี้เจ้ากับพี่หลิ่วจุ้ยสบายดีหรือไม่ กุ้ยเฟยร้ายกับพวกเจ้าบ้างไหม”

 

 

เซียงฉือหวั่นเกรงอย่างยิ่งว่าเป็นเพราะนางจะทำให้กุ้ยเฟยดุตีหลิ่วจุ้ย นางกังวลมาตั้งนานแต่ตลอดมาก็ไม่กล้าไปหาหลิ่วจุ้ย เกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่นาง เพราะในตำหนักหูตาคนมีมากทั้งกุ้ยเฟยเองก็มีหูตามากมายเช่นกันหากถูกนางพบเห็นเข้าก็จะสงสัยหลิ่วจุ้ย ซึ่งจะยิ่งไม่เป็นผลดีต่อนาง

 

 

เซียงฉือเป็นห่วงเรื่องนี้แต่ก็กังวลไปเอง หลิ่วจุ้ยติดตามกุ้ยเฟยมานาน นางเป็นคนเฉลียวฉลาดคล่องแคล่วลื่นไหล เข้ากันได้กลมกลืนกับสายสัมพันธ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในวัง กุ้ยเฟยไม่เคยสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างหลิ่วจุ้ยกับเซียงฉือมาก่อน

 

 

กุ้ยเฟยไม่รู้ว่าหลิ่วจุ้ยเห็นเซียงฉือเป็นเหมือนดั่งน้องสาวของนางจึงดูแลมากกว่าปกติ ทำให้เกิดความห่วงใยขึ้นมาในใจ

 

 

หงหงมองเซียงฉือแล้วพูดว่า

 

 

“ยังคิดว่าเป็นผู้สูงศักดิ์แล้วจะลืมง่าย ลืมนางกำนัลต่ำต้อยอย่างพวกเราไปสิ้นเสียนานแล้วเสียอีก พี่หลิ่วจุ้ยเป็นห่วงเจ้าทุกวัน บอกว่าเจ้าติดตามฝ่าบาทมักป่วยไข้อยู่เสมอ จะต้องเป็นเพราะได้รับความหวาดกลัวเป็นแน่ กลางคืนก็นอนหลับไม่สนิท”

 

 

“นางกังวลใจอยู่ในตำหนักตั้งนาน คิดอยู่นานจึงได้ทำผ้าห่มนี้มาให้ เก็บไว้ให้ดีเถิด ทุกฝีเข็มทุกเส้นด้ายบนนั้นคือน้ำใจของพี่หลิ่วจุ้ย อย่าคิดรังเกียจก็แล้วกัน”

 

 

เซียงฉือมองดูฝีเข็มที่ละเอียดบนนั้นก็รู้ถึงความตั้งใจจริงจังของหลิ่วจุ้ย ทำให้นางยิ่งบังเกิดความอบอุ่นขึ้นในใจ

 

 

นางปลดไข่มุกที่ห้อยอยู่บนคอแล้ววางลงในมือหงหง

 

 

“นุ่นกับผ้าบนผ้าห่มนี้เป็นของหายากในวัง นุ่นจะแจกจ่ายให้ตามสัดส่วน ดูจากปริมาณแล้วคงต้องใช้นุ่นทั้งหมดสำหรับหน้าหนาวในปีนี้ของเจ้ากับพี่หลิ่วจุ้ยเป็นแน่”

 

 

 

 

ตอนที่ 521 ความสงสัยในใจ

 

 

เซียงฉือวางสร้อยไข่มุกในมือตนใส่มือมือหงหง พูดว่า

 

 

“เจ้าเอานี่ไป หากต้องการเสื้อผ้าใหม่ในหน้าหนาวจะได้มีเงินไหว้วานกงกงพวกนั้นให้ช่วยจัดการให้ ตอนนี้ข้าไม่สะดวกพบกับพี่หลิ่วจุ้ย จะได้ไม่สร้างความทุกข์ใจเพิ่มให้นางอีก”

 

 

หงหงมองดูสร้อยไข่มุกในมือแล้วตกตะลึง ของดีเช่นนี้ต้องเป็นของที่ฝ่าบาทประทานให้เซียงฉือเป็นแน่ แต่ในขณะนั้นเซียงฉือไม่มีของอะไรที่จะให้เป็นการตอบแทนได้ ทั้งใจก็คิดถึงหลิ่วจุ้ยอยู่เสมอ

 

 

วันนั้นที่นางสามารถพบกับเหอจิ่นเซ่อ หลิ่วจุ้ยได้นำของที่ดีหน่อยของตนออกมาหมดสิ้นเพื่อมอบผู้คนเป็นการติดสินบนเพื่อนาง ในตอนนั้นหากไม่มีนาง เซียงฉือก็คงไม่มีวันนี้  ดังนั้นจึงมีความรักต่อนางฉันพี่น้องตามด้วยความซาบซึ้งใจ

 

 

ตอนนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก จึงต้องรีบส่งออกไป การอยู่ในวังนี้เงินเป็นสิ่งที่ใช้ได้ดีที่สุด

 

 

หงหงเห็นของดีเช่นนี้ก็ดีใจ จึงยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่พบหน้ากัน

 

 

“นับว่าท่านพี่รักเจ้าไม่เสียเปล่า ระยะนี้หลิ่วเหยียนอวดตนเต็มที่ต่อเบื้องหน้ากุ้ยเฟย ทำให้พี่หลิ่วจุ้ยของพวกเราต้องรองรับอารมณ์นางทุกวัน ใกล้สิ้นปีแล้ว ของอะไรที่ดีๆ จะถูกหลิ่วเหยียนแบ่งเอาไปหมด ส่วนพี่หลิ่วจุ้ยจะถูกดุว่าทุกวัน”

 

 

เซียงฉือได้ฟังแล้วรู้สึกปวดใจ ได้ยินหงหงพูดต่อว่า

 

 

“ท่านพี่บอกว่าข้างในนี้มีสมุนไพรใช้ขับไล่แมลง เห็นบอกว่าสถานที่เปียกชื้นมีแมลงขึ้นง่าย ถ้าเจ้าได้กลิ่นอะไรก็ไม่ต้องแปลกใจหรอกนะ”

 

 

“วิธีการนี้ไปขอเรียนมาจากหวังโมโมจึงได้รู้ อีกทั้งตัวยานี้ยังไปขอมาได้จากใต้เท้าสวีฝูที่กองโอสถ พี่หลิ่วจุ้ยต้องสิ้นเปลืองกำลังไปมากกว่าจะทำเช่นนี้ได้ พี่หลิ่วจุ้ยของพวกเรารักเจ้าที่สุด”

 

 

คำพูดในวันนั้นยังปรากฏชัดเจนอยู่เบื้องหน้า ผ้าห่มที่เซียงฉือห่มอยู่ตอนนี้ก็คือของที่หลิ่วจุ้ยเย็บทีละเข็มๆ ออกมา

 

 

เซียงฉือไม่กล้าคิดว่าเรื่องนี้หลิ่วจุ้ยจะเป็นคนทำ หลิ่วจุ้ยจะไม่ทำร้ายนางเช่นนี้

 

 

เซียงฉือไม่กล้าพูด เพราะหากพูดออกมาแล้วเกรงว่าสวี่อี้จะไปจับคนมาทันที เพราะนิสัยนางเป็นเช่นนั้น

 

 

คิดเช่นนี้แล้วหางตาเซียงฉือก็ชื้นขึ้น นางพูดกับสวี่อี้และซู่เวิ่น

 

 

“ตลอดมาฝ่าบาทไม่ทรงโปรดให้ข้าติดต่อกับเจ้านายฝ่ายในทั้งหลาย ดังนั้นข้าจึงไม่เคยรับของกินอะไรจากใครมาก่อน ส่วนสิ่งของต่างๆ ก็ล้วนอยู่ในห้องนี้แล้ว หากว่าไม่พบ ข้าก็จำไม่ได้เสียแล้ว”

 

 

ซู่เวิ่นมองเซียงฉืออยู่ตลอด เห็นนางใจลอย เห็นนางเก็บซ่อนคำพูดที่คิดจะพูดเข้าไป ก็รู้ว่านางมีเรื่องปิดบัง แต่สวี่อี้ตั้งแต่ได้ยินว่าตรวจสอบอะไรจากในห้องนี้ไม่ได้เลยก็รวบรวมคนทันที เตรียมจะนำนางกำนัลที่รับใช้เซียงฉือในตำหนักเจิ้งหยางทั้งหมดกลับไปสอบสวนเรียงตัวด้วยตนเองในกองในคืนนี้

 

 

ซู่เวิ่นเห็นอารมณ์ของสวี่อี้แล้วก็เข้าใจความกังวลของเซียงฉือ จึงพูดว่า

 

 

“ใต้เท้าสวี่ เรื่องนี้ยังไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องรบกวนใต้เท้าให้ช่วยเป็นธุระให้สักครา ไม่ทราบใต้เท้าสวี่จะยินดีช่วยข้าหรือไม่”

 

 

ซู่เวิ่นพูดขึ้นมา สวี่อี้รู้สึกงงวงย ซู่เวิ่นบอกว่าต้องการให้สวี่อี้ช่วยเหลือ เรื่องแบบนี้ เหมือนกับพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งตะวันตกจริงๆ แต่สวี่อี้ไม่ได้คิดอะไรมากนัก จึงตอบว่า

 

 

“ซู่เวิ่นมีเรื่องอะไรก็บอกมา ถ้าข้าช่วยได้ย่อมต้องช่วยแน่นอน”

 

 

เมื่อสวี่อี้พูดเช่นนี้ซู่เวิ่นก็ยืนขึ้นมา กระซิบความที่ข้างหูสวี่อี้ นางพยักหน้าแล้วหมุนกายจากไป

 

 

ซู่เวิ่นจึงนั่งลงที่เดิม มองเซียงฉือแล้วพูดว่า

 

 

“เจ้าสงสัยเรื่องอะไรก็บอกมา สวี่อี้จะยังไม่กลับมาในชั่วประเดี๋ยวประด๋าวนี้ เจ้าคงไม่รู้สินะว่าตัวเองหน้าซีดขนาดไหนและเมื่อครู่ที่ข้าตรวจชีพจรให้ หัวใจเจ้าเต้นเร็วปานใด”

 

 

เซียงฉือก้มหน้าน้อยๆ ไม่สามารถพูดปดกับหมอได้เลยจริงๆ