ตอนที่ 522 ตรวจพบสาเหตุ / ตอนที่ 523 หิมะฝนพานพบอีกครั้ง

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 522 ตรวจพบสาเหตุ

 

 

นิ้วมือเซียงฉือจับผ้าห่มนุ่นไว้มุมหนึ่ง นางจับไว้แน่นแล้วพูดยิ้มๆ ว่า

 

 

“จะลองดูผ้าห่มนุ่นผืนนี้หน่อยไหม ข้าจำได้ว่าเจ้ายังไม่ได้ตรวจเลย”

 

 

เมื่อเซียงฉือพูดเช่นนี้ซู่เวิ่นจึงจับมุมหนึ่งของผ้าห่มนั้นขึ้นมา เซียงฉือยังนำหมอนใบหนึ่งที่ข้างใต้ศีรษะส่งให้ พูดว่า

 

 

“ยังมีนี่อีก หากต้องการตรวจสอบก็ตรวจสอบพร้อมกันเสียเลยทีเดียว”

 

 

ซู่เวิ่นยื่นเข้าไปดมเบาๆ บนนั้นยังมีกลิ่นธูปหอมของในห้องติดอยู่ แต่เจือด้วยกลิ่นขมฝาดเล็กน้อย ซู่เวิ่นเตรียมจะฉีกผ้าห่ม แต่เซียงฉือพูดว่า

 

 

“ของนี้ฉีกไม่ได้ ให้ใครยกน้ำมาอ่างหนึ่งก็ใช้ได้แล้ว”

 

 

ซู่เวิ่นกวักมือก็มีนางกำนัลคนหนึ่งยกน้ำอ่างหนึ่งเข้ามา เซียงฉือลุกขึ้นนำผ้าห่มแช่ลงไป บนผ้าห่มสีชมพูนั้น หลิ่วจุ้ยยังได้ปักเมฆก้อนหนึ่ง ข้าราชสำนักสตรีในวังถึงจะมีฐานะสูงกว่านางกำนัลมาก แต่สภาพยามอยู่กับเจ้านายก็เป็นเพียงคนรับใช้ที่มีสถานะดีหน่อยเท่านั้นเอง

 

 

ดังนั้นส่วนแบ่งที่ได้รับจึงไม่มาก นุ่นเพียงเล็กน้อยยังต้องเป็นคนที่ได้รับการใส่ใจจากเจ้านายในวังจึงจะได้รับการแบ่งให้ มิเช่นนั้นก็อย่าหมายว่าจะได้ของสิ่งนี้มาทำเสื้อผ้าอะไรใหม่

 

 

เซียงฉือมองดูน้ำที่แช่ ไม่มีสีสัน ซู่เวิ่นจึงใช้เข็มเงินทดสอบ

 

 

บนเข็มเงินมีสีดำปรากฏขึ้นทันที มีพิษจริงๆ

 

 

เซียงฉือเห็นผลที่ออกมา นางหลับตาลง ซู่เวิ่นเห็นท่าทางเซียงฉือก็รู้ว่าผ้าห่มนุ่นผืนนี้จะต้องเป็นคนที่เซียงฉือใส่ใจเป็นคนส่งมาให้ มิเช่นนั้นนางคงไม่รู้สึกแย่เช่นนี้

 

 

“ใครส่งมาให้”

 

 

เซียงฉือรู้สึกหนักริมฝีปากมาก นางรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรปิดบังอีกต่อไป แต่ถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เชื่อว่าพี่หลิ่วจุ้ยที่อุตส่าห์เย็บทีละเข็มอย่างละเอียดลออเช่นนี้ จะซ่อนพิษไว้ข้างในเพื่อปลิดชีวิตนาง

 

 

ซู่เวิ่นถามคำถามแต่เซียงฉือไม่ตอบ จึงประคองนางนั่งลงบนเตียง แล้วเปลี่ยนหมอน ฟูก ผ้าห่มผ้ามุ้งบนเตียงใหม่ทั้งหมดบนเตียงนาง

 

 

ซู่เวิ่นตรวจสอบหมอน เข็มเงินก็เป็นสีดำ ไม่อาจไม่ยอมรับได้อีกแล้ว

 

 

เซียงฉือไม่พูดจา ซู่เวิ่นจึงฉีกหมอนออก ข้างในมีห่อยาอยู่ห่อหนึ่ง นางหยิบห่อยาออกจากหมอนแล้วใส่ลงในน้ำ มองดูสีสัน กับดูลักษณะ ชิมรสชาติเล็กน้อย แล้วพูดว่า

 

 

“ฝิ่น แล้วก็ยังมีหญ้าห้าก้าวไส้ขาด ผสมด้วยพิษงูจากแดนตะวันตกกับดอกไม้ลืมทุกข์ แต่ละอย่างล้วนเป็นยาพิษชั้นเยี่ยม ที่ใส่ฝิ่นเข้าไปคงเพื่อจะทำให้เจ้าคุ้นชินกับหมอนใบนี้ถึงขั้นเสพย์ติดมัน เหมือนกับกลุ่มคนที่ถูกควบคุมโดยผีเสื้อหลงบุปผาพวกนั้น กลายเป็นความเสพย์ติด”

 

 

“ยาพิษพวกนี้ไม่ใช่จะรวบรวมได้ง่ายๆ การซ่อนยาพิษไว้ในนี้จะเห็นผลช้า แต่อากาศในหนิงอวี้เก๋อนี้ก็ชื้น และที่เจ้าร้องไห้ทุกคืนในระยะนี้ คงเป็นผลจากดอกไม้ลืมทุกข์ การใช้ยาพิษพวกนี้มีการวางแผนมาอย่างใส่ใจทีเดียว ทำให้เจ้าร้องไห้ทุกคืน น้ำตาก็จะซึมเข้าไปในหมอน ทำให้พิษที่อยู่ข้างในแพร่ออกมา”

 

 

“พวกนั้นคงลำบากไม่น้อยในการคิดแผนการลอบทำร้ายคนออกมาได้เช่นนี้ ถ้าเจ้าตายไป ถึงแม้จะตรวจพบปัญหาแต่ก็จะถูกพาดพิงไปยังกองบริหารจัดการรวม อำมหิตจริงๆ”

 

 

เซียงฉือส่ายหน้าพูดว่า

 

 

“คิดว่าคนที่จะฆ่าข้าคนนี้คงจะเกลียดข้ามาก ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ข้าตาย ตอนแรกคิดว่าเป็นพี่หลิ่วจุ้ยในตำหนักอวี้หยวนที่คิดจะฆ่าข้า แต่พิษงูแดนตะวันตกนี่แม้หากนางมีความตั้งใจ แต่คิดว่าไม่มีความสามารถเช่นนั้นที่จะหามาได้”

 

 

“พี่ซู่เวิ่น ฝ่าบาทรับสั่งจริงหรือว่าไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นใคร พระองค์จะไม่ทรงยอมไว้ไมตรีอย่างแน่นอน”

 

 

เซียงฉือถามแบบนี้ ซู่เวิ่นพยักหน้าแต่แล้วกลับส่ายหน้า พูดขึ้นอย่างอ่อนใจว่า

 

 

“จิตใจของราชา ใช่ว่าเจ้าหรือข้าจะสามารถเห็นชัดกระจ่างได้ ถึงฝ่าบาทจะตรัสเช่นนั้นแต่ใช่ว่าทรงต้องทำเช่นนั้นไม่ เป็นเพียงพระดำรัสตอนกริ้วเท่านั้น น้องเซียงฉือ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ”

 

 

 

 

ตอนที่ 523 หิมะฝนพานพบอีกครั้ง

 

 

ซู่เวิ่นนำวัตถุมีพิษออกมาแล้วห่อผ้าห่มผืนนั้น จากนั้นหันกลับมาพูดกับเซียงฉือ

 

 

“เจ้าจะไม่ถามข้าหรือว่าเมื่อครู่ข้าพูดอะไรกับสวี่อี้”

 

 

เซียงฉือเงยหน้า อย่างประหลาดใจ

 

 

“ข้าบอกนางว่า เจ้าออกไปรอข้าข้างนอกสักครู่”

 

 

พอซู่เวิ่นพูดจบ สวี่อี้ก็ผลักประตูเข้ามา นางมองเซียงฉืออย่างรู้สึกไม่ได้สมดั่งใจเลย

 

 

“ถ้าหากเจ้าไม่เชื่อใจข้าก็บอกกับข้าตรงๆ ก็ได้ ข้าจริงใจกับเจ้า แต่กลับไม่ได้เรื่องได้ราวในสายตาเจ้าเช่นนี้หรือ”

 

 

สวี่อี้โกรธแล้ว พอพูดจบก็หมุนตัวจากไป เซียงฉือเห็นแต่ไร้เรี่ยวแรงจะตามไป

 

 

สวี่อี้อยู่ด้านนอกประตูได้ยินทุกอย่าง ตอนที่ซู่เวิ่นพูดกับนางๆ ก็เริ่มสงสัยว่าเป็นการเจตนากีดกันนางออกไป พอได้ยินคำพูดเซียงฉือแล้วจึงเกิดความรู้สึกว่าเซียงฉือไม่เคยไว้ใจนางมาโดยตลอด

 

 

ความโกรธจึงเกือบจะครอบงำทั้งหมดที่เป็นนางไปในทันที

 

 

นางคบหาเซียงฉือด้วยความจริงใจ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ไว้วางใจนาง ทำให้นางทนไม่ได้อย่างยิ่ง

 

 

นางเป็นคนเฉลียวฉลาด หลังจากเข้าวังมาทุกสิ่งล้วนราบรื่น ฮ่องเต้โปรดปราน วงศ์ตระกูลให้ความสำคัญ จนนางแทบจะกลายเป็นหญิงสาวที่โชคดีที่สุดในโลก นางชื่นชมเซียงฉือเพราะความปราดเปรื่อง ปราดเปรียวและรอยยิ้มแฝงความจริงใจของนาง

 

 

การมีเพื่อนเช่นนี้สักคนในวังนับเป็นเรื่องโชคดี ตลอดมาสวี่อี้คิดว่าตนได้พบคนรู้ใจแล้ว แต่ว่าอวิ๋นเซียงฉือไม่เชื่อใจต้องการให้นางออกไป หลบซ่อนนาง ทำให้นางผิดหวังอย่างยิ่ง

 

 

หากเป็นคนอื่นนางจะไม่รู้สึกผิดหวังเช่นนี้ เพราะว่านางไม่เคยแคร์ใครมาก่อน มีเพียงแต่นาง ซึ่งก็ทำให้นางเสียใจจริงๆ 

 

 

สวี่อี้โกรธจัดทั้งยังกลัดกลุ้ม จึงกางร่มกระดาษน้ำมันเดินเข้าไปในอุทยานหลวง วันนี้ฝนตกไม่หนักนัก

 

 

อากาศเช่นนี้ทำให้นางจะรู้สึกเกียจคร้าน การนั่งร่ายกลอนวาดภาพ เป่าขลุ่ยดีดพิณอยู่ในห้องจึงเป็นเรื่องที่สบายที่สุดแต่เพราะนางได้รับการวางตัวจากฝ่าบาท ให้มาที่นี่เพื่อสืบคดีให้คลี่คลาย

 

 

หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับเซียงฉือ หากไม่ใช่เพราะห่วงใยชีวิตของนาง เหตุใดนางจะต้องทุ่มเทมากมายเช่นนี้

 

 

ในใจสวี่อี้ถูกสุมด้วยเพลิงไฟกองหนึ่งที่กำลังลุกโชน น้ำใจไมตรีของนางถูกทิ้งขว้างอย่างไร้ปรานีเช่นนี้ จะไม่ให้นางโกรธเคืองได้อย่างไร

 

 

ฝีเท้านางค่อนข้างรีบเร่ง จึงชนกับคนๆ หนึ่งเข้าทันใด

 

 

“โอ๊ย”

 

 

สวี่อี้ร้องออกมาแล้วพูดอย่างโมโห

 

 

“เจ้าคนนี้เดินไม่รู้จักมองคนหรือไร”

 

 

คนๆ นั้นหัวเราะ โผล่ใบหน้างดงามผุดผาดออกมาจากเสื้อกันฝน ที่แท้คือเหลียนชินหวังหรงเฉิงเยี่ยที่ไม่ได้พบมานาน

 

 

“ข้ามีตาเพียงคู่เดียว ก็เลยมองเห็นแต่ทิวทัศน์ไม่เห็นคน ทำให้ชนใต้เท้าสวี่เข้า โปรดให้อภัย ให้อภัยด้วย”

 

 

สวี่อี้ได้ยินเสียงหรงเฉิงเยี่ยจึงสงบปากคำลงทันที ไม่เหลืออารมณ์โกรธอีกแม้แต่น้อย นางหัวเราะอย่างเก้อเขิน แล้วประสานมือกำหมัดทำความเคารพ

 

 

“หม่อมฉันไม่ทราบว่าเป็นท่านอ๋องจึงได้กล่าววาจาล่วงเกินออกไป ขอท่านอ๋องอย่าทรงถือสานะเพคะ”

 

 

หรงเฉิงเยี่ยงอเอวมองดูน้ำตาที่ขังอยู่ตรงหางตาสวี่อี้ ก็รู้ว่านางอารมณ์ไม่ดี ทันใดนั้นฝนสารทฤดูพกพาหิมะมาด้วยก็ตกลงมาอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน สวี่อี้ไม่ทันระวัง ร่มจึงถูกหอบพัดไป

 

 

“โอ๊ะ ร่มของข้า”

 

 

สวี่อี้ตะโกนอย่างตกใจ หรงเฉิงเยี่ยเห็นเช่นนั้นก็รีบถอดเสื้อคลุมของตนออกมาคลุมบนร่างนาง แล้วพูดว่า

 

 

“รีบตามข้าไปหลบฝนกัน”

 

 

สวี่อี้ก็ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไร พอถูกหรงเฉิงเยี่ยฉุดลากเช่นนั้นก็ติดตามเขาไป

 

 

ทั้งสองคนหลบลงไปบนเรือลำเล็กข้างทะเลสาบ สถานที่ตรงนั้นกว้างขวางแต่ยากจะหาชายคาเรือนให้หลบฝนได้ ทั้งคู่จึงหลบอยู่ในเรือ ต่างจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อย ผมเผ้าสวี่อี้ยุ่งเหยิงอยู่บ้าง น้ำฝนหยดลงตามเส้นผม นางเพียงใช้แขนเสื้อเช็ด แต่หรงเฉิงเยี่ยได้กลายเป็นเป็ดตกน้ำไปเสียแล้ว