ตอนที่ 524 คำปลอบโยนของหรงเฉิงเยี่ย / ตอนที่ 525 สัมผัสชิดใกล้

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 524 คำปลอบโยนของหรงเฉิงเยี่ย

 

 

สวี่อี้นำผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อส่งให้หรงเฉิงเยี่ย

 

 

“ใช้ผ้าเช็ดหน้านี้เช็ดน้ำฝนเถิดเพคะ ยังไม่รู้ว่าฝนจะหยุดเมื่อไหร่ ต้องระวังอย่าให้ประชวรนะเพคะ”

 

 

หรงเฉิงเยี่ยรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเบาๆ สวี่อี้ก้มหน้า ปกตินางเป็นคนเปิดเผย แต่พอเวลาพบกับหรงเฉิงเยี่ย กลับพูดจาช้าเสียงเบา

 

 

หรงเฉิงเยี่ยจัดการตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้าขึ้น สายตาทั้งคู่ประสบกัน ต่างมองเห็นคนที่ถูกฝนสาดเปียกปอนน่าสงสาร แล้วต่างก็หัวเราะออกมา

 

 

“ไม่ได้พบใต้เท้าสวี่ตั้งนาน แต่นิสัยร้อนรนนี่ยังไงก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

 

 

น้ำเสียงหรงเฉิงเยี่ยไพเราะมาก ประดุจเสียงธรรมชาติในหูของสวี่อี้ที่นางเฝ้าคนึงถึงอยู่เสมอๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าเผยความในใจออกมา ปากคอที่เคยแคล่วคล่อง ในเวลานี้กลับดูงุ่มง่ามไป

 

 

แต่คำพูดที่ได้ยินนั้นทำให้นางผิดหวังเล็กน้อย ทว่าไม่ใช่กับหรงเฉิงเยี่ยแต่เป็นที่ตัวนางเอง ภาพลักษณ์ของนางในสายตาผู้อื่นคือคนที่บันดาลโทสะง่ายเช่นนี้หรือ

 

 

สวี่อี้ถอนหายใจ ขนตาหลุบลง นางเก็บยิ้มบนริมฝีปาก แลดูไม่สบายใจเท่าไร

 

 

“หม่อมฉันเป็นคนมุทะลุ ทำให้เหลียนชินอ๋องทรงเห็นเป็นขบขัน”

 

 

หรงเฉิงเยี่ยเห็นนางหงอยไปก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง

 

 

“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่สวี่อี้ที่ข้ารู้จักนี่นา ทำไมจึงได้เชื่องหงอยเช่นนี้ เหมือนแม่นางน้อยที่โมโหใครมาอย่างนั้นแหละ สวี่อี้ย่อมมีนิสัยของสวี่อี้ สวี่อี้ก็มีหน้าที่รับผิดชอบของสวี่อี้ ในใจของข้าสวี่อี้เป็นเช่นนี้เสมอ ไม่มีอะไรน่าขบขันเลย ข้าชอบธาตุแท้ความองอาจผ่าเผยของเจ้า กระฉับกระเฉง ตรงไปตรงมาไม่แพ้บุรุษ”

 

 

สวี่อี้เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งคู่แวววาว หรงเฉิงเยี่ยถึงจะตกใจกับท่าทีปุบปับของสวี่อี้ แต่ก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มที่จริงใจในทันที

 

 

แต่แล้วสวี่อี้ก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว นางยิ้มอย่างลำบากใจ

 

 

“แต่ก็มีความบุ่มบ่ามอยู่ ท่านอ๋องมิต้องทรงปลอบใจ คิดถ้อยคำเช่นนี้มาปลอบหม่อมฉันหรอกเพคะ”

 

 

หรงเฉิงเยี่ยส่ายหน้า ฟังเสียงฝนด้านนอกที่ยังไม่ซาลง จึงพูดว่า

 

 

“วันนี้ตอนพบใต้เท้าสวี่ครั้งแรก ก็เป็นโฉมงามน้ำตานองมา ไม่รู้ว่าใครกันที่สามารถทำให้เจ้าเสียใจได้ถึงเพียงนี้”

 

 

สวี่อี้ถูกหรงเฉิงเยี่ยถามเช่นนี้ก็ตกตะลึง นางเงยหน้าขึ้นคิดโต้แย้ง แต่แล้วเกิดเศร้าใจขึ้นมา น้ำตาพลันหลั่ง

 

 

หรงเฉิงเยี่ยคิดจะส่งผ้าเช็ดหน้าในมือคืนให้นาง แต่คิดได้ว่าตนเองเพิ่งจะเช็ดไปก็กระอักกระอ่วน แล้วชักมือกลับ

 

 

“หากใต้เท้าสวี่ไว้ใจข้าก็เล่าให้ข้าฟังเถอะ เจ้ากับข้าก็นับได้ว่าเป็นคนที่คบหากันมา ยากนักที่ข้าจะได้พบกับยอดหญิงแบบนี้สักคน แต่พอเห็นนางหลั่งน้ำตา ทำให้อดสงสารไม่ได้”

 

 

สวี่อี้ชื่นชอบหรงเฉิงเยี่ย ไม่เคยมีใจคิดระแวดระวังเขา เขาพูดเช่นนี้ทำให้ความอัดอั้นตันใจเต็มหัวอกของนางได้พบกับทิศทางให้ระบายได้แล้ว

 

 

นางเล่าเรื่องที่ผ่านมาของเซียงฉือโดยตัดชื่อคนและสถานที่ออก เล่าด้วยความเสียอกเสียใจอย่างยิ่ง หรงเฉิงเยี่ยจึงยิ้ม

 

 

แถมยังเป็นรอยยิ้มที่สบายอกสบายใจอีกด้วย

 

 

“คิดว่าคนๆ นี้จะต้องเป็นเพื่อนสนิทที่ใต้เท้าสวี่คบหาด้วยเป็นแน่ ดูจะเข้าใจใต้เท้าสวี่มากกว่าใต้เท้ารู้จักตนเองเสียอีกเหตุใดใต้เท้าสวี่จึงต้องเสียใจเล่า”

 

 

สวี่อี้ไม่เข้าใจ นางเงยหน้ามองหรงเฉิงเยี่ยพูดว่า

 

 

“เพื่อนไม่เชื่อใจในตัวหม่อมฉัน หรือยังจะเป็นเรื่องที่น่าเฉลิมฉลองเพคะ เหตุผลของท่านอ๋องนี้ไม่สมเหตุสมผลเลยเพคะ”

 

 

สวึ่อี้เริ่มโกรธ ตอนนี้ไม่ว่าหรงเฉิงเยี่ยจะพูดอะไร นางจะโต้แย้งถากถางทันที

 

 

หรงเฉิงเยี่ยส่ายหน้า

 

 

“ไม่ใช่แบบนั้น สวี่อี้ เพื่อนเจ้ามีความจริงใจกับเจ้าและเข้าใจนิสัยเจ้าดี รู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับนาง และนางยิ่งรู้กระจ่างอีกด้วยว่า หากเจ้ารู้เรื่องนี้ จะต้องกระทำทุกวิถีทางที่จะทวงคืนความยุติธรรมแก่นาง หากเป็นเช่นนั้น สำหรับนางแล้วเป็นเรื่องที่ดี แต่กลับจะไม่เป็นเรื่องดีสำหรับเจ้า”

 

 

 

 

ตอนที่ 525 สัมผัสชิดใกล้

 

 

หรงเฉิงเยี่ยเมื่อเห็นว่าไม่อาจโน้มน้าวนางได้ จึงพูดต่อ

 

 

“สวี่อี้ เจ้าควรคิดดูให้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร กับคนที่พวกเจ้าต้องร่วมกันเผชิญหน้า ด้วยอุปนิสัยของเจ้า หากนางบอกเรื่องนี้กับเจ้ากลับจะไม่ใช่เพื่อนของเจ้าอีกแล้ว เพราะว่านั่นนางกำลังยุยงใช้เจ้าเป็นมีดหอกฟันทะลวงออกไปแทนนาง หากฝ่ายตรงข้ามเป็นคนที่ไม่อาจล่วงเกินได้เล่า เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร”

 

 

ไฟโทสะของสวี่อี้มอดลงทันใด เป็นเพราะตอนนั้นซู่เวิ่นให้นางออกไปแล้วเซียงฉือกลับมอบเรื่องแบบนี้ให้กับซู่เวิ่นโดยที่ไม่ยอมบอกอะไรกับนางเลย ความโกรธที่พุ่งขึ้นชั่ววูบในขณะนั้นทำให้นางขาดสติลืมคิดไปว่า

 

 

ฝ่ายตรงข้ามคือจินกุ้ยเฟยกับจวนขุนพลจิน

 

 

นางไม่ได้คิดถ้วนถี่และเข้าใจเซียงฉือผิดไปจริงๆ สวี่อี้เป็นคนฉลาดแต่ใส่ใจกับความรู้สึกเกินไป จึงได้เป็นทุกข์ร้อนกับผลได้เสียของตนเช่นนี้ หากวันนี้ไม่ได้คำพูดของหรงเฉิงเยี่ยมาปลุกให้นางรู้สึกตัว คิดว่านางคงต้องเกลียดแค้นเซียงฉือแน่

 

 

หากเป็นเช่นนั้นนางคงต้องละอายใจต่อความตั้งใจดีของเซียงฉือ

 

 

หรงเฉิงเยี่ยทอดถอนใจพูดขึ้นว่า

 

 

“มีคนเป็นเพื่อนรู้ใจตัวเองสักคน ที่รู้ เข้าใจและช่วยเหลือเรา ชีวิตนี้หากมีมิตรดีแบบนี้ ยังจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า”

 

 

หรงเฉิงเยี่ยเตือนสติสวี่อี้ นางเข้าใจแล้วและเตรียมจะผละไป พอเลิกผ้ากันฝนบนเรือน้อยขึ้นมา ลมหอบใหญ่ก็พัดนางล้มลง หรงเฉิงเยี่ยจึงรับนางไว้ด้วยความหวังดี

 

 

สวี่อี้จึงเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของหรงเฉิงเยี่ยทันที

 

 

สวี่อี้เงยหน้าขึ้นก็เห็นคางของหรงเฉิงเยี่ยที่มีไรหนวดเคราเขียวครึ้ม ใบหน้านางแดงซ่านไปจนถึงลำคอ

 

 

“ใต้เท้าสวี่ท่านไม่เป็นไรนะ” ลูกกระเดือกของหรงเฉิงเยี่ยขยับขึ้นลง สวี่อี้เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งแล้วขยับออกจากอ้อมแขนเขา นางยื่นแขนออกไปโอบหรงเฉิงเยี่ย

 

 

ชั่วขณะนั้นหรงเฉิงเยี่ยตกตะลึง แต่สวี่อี้กำลังดีใจ ทว่าครู่ถัดมานางจึงได้รู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป

 

 

จึงหดมือกลับในทันใดแล้วนั่งลงที่เดิม

 

 

หอบหายใจถี่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป จึงยื่นมือหยิบหมวกงอบสวมลงบนศีรษะ ซุกซ่อนตัวราวนกกระจอกเทศ

 

 

หรงเฉิงเยี่ยตกตะลึงไปเช่นกัน สวี่อี้จึงกระมิดกระเมี้ยนพูดขึ้น

 

 

“พระดำรัสของเหลียนชินอ๋องทำให้หม่อมฉันเกิดปัญญา ทรงปลุกคนโง่หลงอย่างหม่อมฉันให้ตื่น ให้ได้คิดไตร่ตรองทรงรู้แจ้งรู้จริง ทำให้หม่อมฉันซาบซึ้งยิ่งนัก ตอนนี้จึงต้องคิดใคร่ครวญให้ดีและศึกษาอย่างจริงจังเพคะ”

 

 

สวี่อี้ขดตัวเป็นก้อนแล้วไม่พูดอะไรอีก ซุกตัวอยู่ใต้หมวกกับเสื้อกันฝนใบหน้าแดงซ่านไม่หยุด หรงเฉิงเยี่ยก็ได้สติขึ้นในพริบตานั้น เมื่อฟังคำพูดสวี่อี้แล้วก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เกิดความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

 

 

เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ทั้งสองเกิดความเก้อเขินวางตัวไม่ถูก สวี่อี้หดตัวอยู่ในเสื้อกันฝน ส่วนหรงเฉิงเยี่ยก็หลบไปอยู่ในมุมหนึ่ง ทั้งคู่ไม่พูดจากันอีกเลย

 

 

ฝนด้านนอกยังคงตกซู่ จิตใจของสวี่อี้ก็ว้าวุ่นไม่สงบเช่นกัน นางคิดหาคำพูดมากมายในใจเพื่อจะมาแก้ไขความกระอักกระอ่วนนี้ แต่สุดท้ายแล้วคำพูดมากมายก็ได้แต่วนเวียนค้างคาแค่ริมฝีปากแล้วย้อนกลับคืนลงท้องไปดังเดิม

 

 

หรงเฉิงเยี่ยมองดูฝนตกหนักที่ด้านนอกโดยไม่พูดจา เขาเป็นเหลียนชินอ๋อง เป็นพี่น้องที่ฮ่องเต้เชื่อใจที่สุด เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถและทำเพื่อชาติประชาชน เขาอายุยี่สิบสองปี ทั้งโสดและหล่อเหลา

 

 

มีคุณสมบัติพร้อมเป็นตัวเลือกอันดับแรกของสตรีสูงศักดิ์ในอวิ๋นหยาง แต่ทั้งชีวิตนี้เขายังคงค้นหาสตรีที่เหมาะสมกับเขาอยู่ แม้พระเชษฐาจะเป็นธุระเลือกคู่ให้มากมายหลายหน เขาก็ยังไม่เคยตอบรับเลยสักครั้ง

 

 

หรงเฉิงเยี่ยเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี เขาไม่หมายปองตำแหน่งราชา แต่ต้องการชีวิตคู่ที่สมบูรณ์พร้อมเช่นเดียวกับพระชนกชนนี ดั่งพิณที่บรรเลงสอดประสาน พึ่งพาคู่เคียงกันไป

 

 

หรงเฉิงเยี่ยฟังเสียงฝนแล้วมองดูสวี่อี้ที่อายม้วนต้วน ได้แต่ทอดถอนใจ

 

 

หากนางมีความกล้าอีกสักหน่อยให้เหมือนกับเจ้าเด็กนั่น ก็คงจะทำให้เขาหวั่นไหวได้มากขึ้น แต่อย่างไรสวี่อี้ก็เทียบนางไม่ได้