ตอนที่ 372 จิ้นหยวนรับรอง / ตอนที่ 373 หัวใจแห่งความงาม

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 372 จิ้นหยวนรับรอง 

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงถูกลูกสาวตำหนิจนรู้สึกเสียหน้า จึงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ จิ้นหยวนยังยืนอยู่ตรงนั้นอยู่เลยนะ ระวังเอาไว้เถอะ เดี๋ยวก็ถูกเขาทิ้งหรอก” 

 

 

           จนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังไม่รู้เรื่องเลยว่าทั้งสองจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว 

 

 

           เฉียวซือมู่กระหยิ่มยิ้มย่อง ยื่นมือออกไปควงแขนจิ้นหยวนที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาแล้วเอ่ยกับคุณแม่ “ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ เพราะเราจดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว” 

 

 

           “อะไรนะ?” เวินเยวี่ยฉิงเบิกตาโพลง “ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ถึงไม่บอกแม่สักคำ?” 

 

 

           ในที่สุดจิ้นหยวนก็มีโอกาสพูดเสียที “เรื่องนี้เป็นความคิดผมเอง กะทันหันไปหน่อย ก็เลยไม่ได้ปรึกษาคุณแม่ก่อน ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่คุณแม่วางใจได้ ต่อจากนี้ ผมจะดีกับเธอให้มากๆ คุณแม่สบายใจได้ครับ” 

 

 

           เขาเอ่ยอย่างหนักแน่นจริงใจ จนเวินเยวี่ยฉิงที่กำลังไม่พอใจเล็กๆ พูดอะไรไม่ออกอีก ได้แต่มองหน้าเขาแล้วถาม “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่มากนะ นี่เธอคิดจะแอบจดทะเบียนกันเงียบๆ อย่างนี้เท่านั้นเหรอ?” 

 

 

           จิ้นหยวนตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ไม่ใช่แน่นอนครับ ผมจะเตรียมงานแต่งให้ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกครับ” 

 

 

           คำตอบของเขาทำให้เวินเยวี่ยฉิงพอใจมาก “หวังว่าเธอจะจำเอาไว้นะว่าพูดอะไรเอาไว้บ้าง” 

 

 

           “ผมไม่ลืมแน่นอนครับ” 

 

 

           เฉียวซือมู่ที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ รู้สึกตื้นตันใจมาก เธอมองหน้าเขาแล้วเอ่ย “แค่ฉันได้อยู่ข้างๆ คุณ ไม่ต้องมีงานแต่งงานก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” 

 

 

           จิ้นหยวนมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง “จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ผมพูดคำไหนคำนั้น คุณวางใจเถอะ” 

 

 

           เขาเอ่ยพลางกุมมือเธอเอาไว้ ทันใดนั้น เขานึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาแล้วชะงักไปชั่วครู่ 

 

 

           แต่เขาก็รีบดึงสติกลับมา จากนั้นเริ่มคุยสัพเพเหระกับสองสาว ทว่าในใจยังคงรู้สึกเสียใจที่ลืมเรื่องนั้นไปได้ 

 

 

           โชคดีที่เวินเยวี่ยฉิงเห็นหน้าลูกสาวกับลูกเขยแล้วมีความสุขมาก จึงไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ ทั้งสามรับประทานอาหารร่วมกัน จากนั้นสองหนุ่มสองจึงขอตัวลากลับ 

 

 

           แม้ใบหน้าจิ้นหยวนจะดูอารมณ์ดีมาก แต่ความจริงในใจเขากำลังร้อนเป็นไฟ เขาเดินจูงมือเธอไปขึ้นรถ เธอมองเขาด้วยความแปลกใจ “คุณจะไปไหนคะ? จะเข้าบริษัทเหรอคะ?” 

 

 

           “เปล่า” จิ้นหยวนยื่นแขนรั้งเธอเข้ามาโอบเอาไว้ สายตาคอยจับจ้องออกไปยังนอกหน้าต่างรถอยู่ตลอดเวลา 

 

 

           เธอมองตามเขาด้วยความสงสัย แต่กลับไม่พบอะไรเลย จึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ 

 

 

           เพียงไม่นาน รถคันหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แล้วจอดเทียบข้างรถจิ้นหยวน กระจกรถค่อยๆ เลื่อนลง หลินจื้อเฉิงยื่นศีรษะออกมาแล้วเรียกจิ้นหยวนพี่ใหญ่ 

 

 

           จิ้นหยวนพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร หลินจื้อเฉิงหยิบถุงกระดาษออกมาแล้วยื่นส่งให้เขา เขามองเฉียวซือมู่ที มองจิ้นหยวนทีด้วยสีหน้าแปลกๆ ราวกับอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับอ้ำอึ้งไม่พูดเสียอย่างนั้น 

 

 

           จิ้นหยวนมองหลินจื้อเฉิงด้วยสายตาคมกริบ หลินจื้อเฉิงรีบยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้ทันที เขารีบปิดกระจกรถ จากนั้นขับรถจากไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

           ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ และตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่การพูดกันแม้แต่คำเดียว 

 

 

           เธอรู้สึกสงสัยมากจนอดถามจิ้นหยวนไม่ได้ “นี่พวกคุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่คะ? แล้วในถุงนั่นคืออะไรคะ?” 

 

 

           เขายิ้มบางๆ “ของดีน่ะ” เอ่ยพลางเปิดถุงกระดาษออก ข้างในบรรจุกล่องสีแดงแสนสวยเอาไว้ 

 

 

           เขาโอบเธอเบาๆ ด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างเปิดฝากล่องออก ทันใดนั้น ประกายระยิบระยับสะท้อนออกจากจนเธอตาลาย นานสองนานกว่าเธอจะรู้ว่ามันคืออะไร 

 

 

           เธออุทานเสียงเบา ในกล่องเป็นแหวนเพชรที่สวยมาก ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ส่วนตัวเพชรนั้น กะด้วยสายตาแล้วน่าจะประมาณยี่สิบกะรัตเห็นจะได้ นอกจากเป็นประกายแวววาวระยิบระยับแล้ว ดูเหมือนว่าตัวเพชรจะเป็นสีชมพูอ่อนๆ ด้วย ทั้งมีเอกลักษณ์ ทั้งน่าหลงใหล 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 373 หัวใจแห่งความงาม 

 

 

           “นี่มัน…” เธอไม่อยากจะเชื่อสายตา “นี่มันเพชรสีชมพูที่ถูกขนานนามว่าหัวใจแห่งความงามไม่ใช่เหรอคะ? เห็นบอกว่าเป็นอัญมณีที่เจ้าของร้านไม่ยอมขายด้วยนี่? แล้วคุณได้มันมาได้ยังไงกันคะ?” 

 

 

           “หัวใจแห่งความงาม” เป็นสมบัติล้ำค่าของร้านอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และยังเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่ได้มีไว้สำหรับการจำหน่ายด้วย ใครก็ตามที่ได้ยลโฉมความงามของมันเป็นต้องคลั่ไคล้หลงใหล มีคนประเมินราคาเพชรเม็ดงามเม็ดนี้ว่าน่าจะมีมูลค่าอย่างน้อยเจ็ดหลัก แต่ก็ไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีใครซื้อมันไป 

 

 

           เมื่อก่อนเธอทำงานข่าว ทำให้รู้ข้อมูลข่าวสารมากมาย เธอจึงจำเพชรน้ำงามเม็ดนี้ได้อย่างชัดเจน ตอนนั้นเธอยังรำพึงกับตนเองเลย ไม่รู้ว่าผู้หญิงโชคดีคนไหนที่จะได้ครอบครองแหวนเพชรวงนี้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้เป็นเจ้าของมัน 

 

 

           เหมือนฝันไม่มีผิด 

 

 

           เธอมองจิ้นหยวนอย่างทำตัวไม่ถูก “นี่มัน… นี่มันหมายความว่ายังไงคะ?” 

 

 

           จิ้นหยวนไม่ตอบ เขาหยิบแหวนเพชรออกมา จับมือเธอขึ้น บรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วเธอ เขาพยักหน้าน้อยๆ “ไม่เลว ดูเหมือนผมจะกะขนาดได้พอดี คุณสวมได้พอดีเป๊ะเลย” 

 

 

           เธอมองนิ้วมือตนเอง ประกายแวววาวระยิบระยับน่าหลงใหลมาก เธอรู้สึกคอแห้งผาก มองหน้าจิ้นหยวนแล้วเอ่ยถาม “ให้ฉันเหรอคะ?” 

 

 

           นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว 

 

 

           จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วน้อยๆ “ก็ต้องให้คุณนะสิ ผมแต่งงานกับคุณแต่ดันลืมซื้อแหวน คุณก็ไม่ยอมสะกิดบอกผมสักคำ คุณนี่โง่จริงๆ เลยนะ” เขาแสร้งทำเป็นใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเธออย่างโกรธๆ แต่ความจริงกำลังดีใจจนเนื้อเต้น 

 

 

           ตั้งแต่คุยกันเรื่องแต่งงานจนกระทั่งจดทะเบียนสมรส เธอไม่เคยร้องขออะไรจากเขาเลย แม้แต่แหวนสำหรับขอแต่งงานก็ไม่เคยปริปากถามถึง หากไม่ใช่เพราะเขานึกขึ้นได้กะทันหัน และรีบสั่งให้หลินจื้อเฉิงไปจัดการให้แล้วล่ะก็ เขาเองก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ 

 

 

           หลินจื้อเฉิงคงกำลังแอบหัวเราะเยาะเขาอยู่ในใจเป็นแน่ เขาได้แต่ครางเสียงฮึในใจ อยากหัวเราะก็หัวเราะในใจไป ถ้าหัวเราะออกมาล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่! 

 

 

           เฉียวซือมู่ฟังแล้วกะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นแหวนขอแต่งงานของจิ้นหยวนหรือ? มันจะไม่สายเกินไปหน่อยหรือ? 

 

 

           ความจริงเธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่จิ้นหยวนไม่ได้ให้แหวนแต่งงานกับเธอ เพราะปกติจิ้นหยวนให้เธอมากพอแล้ว เขาซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้เธอมากมาย และยังซื้อเครื่องประดับและอะไรต่อมิอะไรให้เธออีกตั้งเยอะ ทั้งยังให้บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินกับเธออีกตั้งหลายใบ แม้มันจะเป็นเพียงแค่วัตถุนอกกาย แต่นั่นก็ทำให้เธอเห็นถึงความทุ่มเทที่เขามีให้เธออย่างชัดเจนแล้ว 

 

 

           ดังนั้น เธอจึงไม่ได้เก็บเรื่องแหวนมาใส่ใจสักเท่าไหร่ มีแหวนแล้วอย่างไร? ไม่มีแหวนแล้วอย่างไร? หากหัวใจรักไม่มั่นคง สักวันก็ต้องเปลี่ยนใจ หากหัวใจรักมั่นคง ต่อให้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก หัวใจรักจะมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับราคาค่างวดของแหวนเลยแม้แต่นิดเดียว 

 

 

           แม้เธอจะคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นแหวนเพชรเป็นประกายระยิบระยับบนนิ้วตน และได้ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งของเขาแล้ว หัวใจเธอก็แทบจะละลายทันที 

 

 

           เธอสูดหายใจลึก เอ่ยกับเขาอย่างจริงใจ “ขอบคุณค่ะ ฉันชอบมากเลยค่ะ” 

 

 

           เขาลูบไล้ใบหน้าเธอเบาๆ “ชอบก็ดีแล้ว แล้วผมจะซื้อที่ดีกว่านี้ให้คุณ” 

 

 

           เธอรีบส่ายศีรษะเป็นพัลวัน “ไม่ต้องหรอกค่ะ วงนี้ก็ดีมากแล้ว ฉันชอบมากเลยล่ะค่ะ” 

 

 

           เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ แล้วหันกลับไปสตาร์ทรถ “เพื่อเป็นการฉลองการแต่งงานของเรา ผมจะพาคุณไปเที่ยว อยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง?” 

 

 

           เธอกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด “ฉันมีที่ที่อยากไปเยอะแยะเลยค่ะ…” 

 

 

           เธอบอกชื่อสถานที่ที่อยากจะไปรวดเดียวตั้งหลายที่ จนแทบจะครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดในเมืองนี้อยู่แล้ว จิ้นหยวนฟังแล้วเหยียบคันเร่ง “โอเค ผมพาคุณไปเอง”