บทที่ 484 จะเป็นอย่างไรถ้าพ่อแม่เจ้าเดินเข้ามาหา
หลังจากนั้น พ่อแม่ของซุนจิงจิงก็กลับคืนไปยังห้องนั่งเล่น
“ท่านผู้อาวุโสซู แม้ว่านี่อาจจะฟังดูกะทันหัน แต่ข้ามีคำขอร้อง
ท่าน…” ซุนเหรินกล่าวกับเขา
แต่ทว่าก่อนที่ซูหยางจะทันได้อ้าปาก ซุนจิงจิงก็พูดขึ้นว่า “ท่านแม่
ข้ามีบางอย่างที่จะพูดก่อน”
“นั่นสามารถรอจนกว่า…”
“ข้ามิอาจรอได้” เธอรีบตัดบท
จากนั้นเธอก็กล่าวต่อว่า “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการหมั้นหมายของข้า
กับตระกูลมู่ ท่านสามารถยอมรับมันได้”
“อ-อะไรนะ…”
ทั้งพ่อและแม่เธอมองดูเธอด้วยหน้าตาแตกตื่น
“จ-เจ้าเพิ่งพูดอะไรไป… พูดซ้ำให้ข้าฟังอีกครั้งซิ” ซุนเหรินไม่เชื่อหู
ของตนเองและถามขึ้น
“ข้าพูดว่าท่านสามารถดำเนินการตกลงกับข้อเสนอของตระกูลมู่ได้”
ซุนจิงจิงตอบกลับอย่างใจเย็น
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ข้าคิดว่าเจ้าจะยอมตายเสียดีกว่าแต่งงานเข้าสู่ตระกูล
มู่” ซุนเหรินคำรามด้วยใบหน้าแดงฉาน “เจ้าคิดบ้างไหมว่าข้าต้องใช้
ความพยายามแค่ไหนที่จะทำให้เจ้าอยู่ห่างจากเจ้านั่น ตอนนี้เจ้าต้องการ
ที่จะโยนความพยายามทั้งหมดของข้าทิ้งไปและยอมรับข้อเสนอของ
พวกนั้นนะรึ”
จากนั้นเธอก็หันไปมองดูซูหยางและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสซู ท่านควร
จะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอมิได้อยู่กับร่องกับรอย”
แต่ทว่า ซูหยางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “ทำไมพวกท่านมิฟังเธอพูด
ก่อนล่ะ ข้ามั่นใจว่าเธอสบายดีที่สุด”
“ท่านแม่ เชื่อข้า” ซุนจิงจิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเชื่อมั่นขณะที่เธอก้าว
ออกไปด้านหน้า “สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือยอมรับข้อเสนอการแต่งงาน
และข้าก็จักจัดการทุกสิ่งเอง ข้ามิได้เป็นเด็กที่ต้องการการปกป้อง
จากพ่อแม่ของตนเองตลอดเวลาอีกต่อไปแล้ว”
ที่แห่งนั้นพลันกลายเป็นเงียบสนิท และพ่อแม่ของเธอต่างก็สบสายตา
กัน
สองสามอึดใจให้หลัง ซุนเหรินก็ถอนหายใจยาว “ข้ามิรู้ว่าเจ้ากำลัง
พยายามที่จะทำอะไรในการยอมรับข้อเสนอการแต่งงานจากพวกนั้น
แต่ข้าหวังจริง ๆ ว่าเจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไร”
“ขอบคุณท่านแม่”
“อย่างไรก็ตาม ข้าก็จักอยู่ที่นี่อีกสองสามวันถ้าท่านมิถือ” ซูหยาง
พลันกล่าวขึ้น
“น-แน่นอน ท่านสามารถอยู่ที่นี่ได้นานตราบเท่าที่ท่านต้องการ ท่าน
ผู้อาวุโสซู”
“เลิกพิธีรีตองซะ เพียงแค่เรียกข้าว่าซูหยาง”
“เช่นนั้นข้าก็จักจัดห้องให้ท่านทันที…”
“มิเป็นไรท่านแม่ ซูหยางจักอยู่ในห้องข้า” ซุนจิงจิงกล่าว
“เอ๋ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไปนอนที่ไหนรึ” ซุนเหรินมองดูเธอพร้อมกับ
เลิกคิ้ว
ซุนจิงจิงยังคงเงียบเฉยและเพียงแค่ยิ้มกับคำถามของอีกฝ่าย
“ทำตามใจเจ้า… ข้าจะไปติดต่อกับตระกูลมู่ในตอนนี้”
เวลาถัดไป ซุนเหรินก็ออกจากห้องไปเพื่อส่งข่าวไปยังตระกูลมู่
กล่าวว่าตระกูลซุนยอมรับข้อเสนอการแต่งงานของพวกเขา
เมื่อตระกูลมู่ได้รับข่าว พวกเขาต่างพากันดีใจเป็นอันมากและไม่ยอม
เสียเวลารีบทำการเตรียมตัวสำหรับการแต่งงาน กระทั่งป่ าวประกาศ
ไปยังสาธารณะชนถึงการหมั้นหมายระหว่างซุนจิงจิงกับมู่ชุน
ข่าวการหมั้นหมายของพวกเขากระจายไปทั่วเมืองอย่างง่ายดายภายใน
เวลาไม่ถึงชั่วโมง สร้างความตระหนกให้กับผู้คนที่ได้ยินข่าวนี้
“อะไรนะ ตระกูลซุนและตระกูลมู่จักร่วมมือกัน มิใช่ว่าพวกนั้นเป็น
หนึ่งในคู่แค้นที่ใหญ่ที่สุดที่นี่รึ”
“แน่นอนว่าเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว…”
“ข้ามิสามารถเชื่อได้ว่าเจ้าคนน่ารังเกียจมู่ชุนนั้นจักได้แต่งงานกับ
คนที่ดีงามเหมือนกับซุนจิงจิง สวรรค์ช่างลำเอียง”
“ตราบเท่าที่เจ้าร่ำรวยและมีอำนาจเหมือนกับตระกูลมู่ เจ้าก็จักทำ
การแต่งงานกับสาวสวยได้ถึงแม้ว่าเจ้าจะดูเหมือนหมูสกปรก”
“ระวังปากเจ้าให้ดีถ้าตระกูลมู่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากเจ้า
เจ้าสามารถบอกลาชีวิตของเจ้าได้เลย”
“การหมั้นหมายต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับการที่ตระกูลมู่กลายเป็นคู่ค้า
กับนิกายดอกบัวเพลิงแน่”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน ตระกูลมู่ได้ครอบครองตลาดในช่วงปลายปี
นี้ในขณะที่ตระกูลซุนได้อยู่ในช่วงตกต่ำ ถ้าตระกูลซุนมิยอมรับ
ข้อเสนอนี้ พวกเขาก็อาจจะถูกตระกูลมู่ครอบงำได้ในอนาคต
อันใกล้นี้”
ในวันนั้นเกือบทุกคนในเมืองเยิ่นก็ได้ยินข่าวการหมั้นหมายของซุน
จิงจิงและมู่เชิน และคนหลายร้อยก็ได้เข้าเยี่ยมตระกูลมู่เพื่อแสดง
ความยินดีไปเรียบร้อยแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้ว่าตระกูลซุนจักต้องยอมรับข้อเสนอการแต่งงานของ
พวกเรามิช้าก็เร็ว” ผู้นำตระกูลมู่ มู่หลานหัวเราะเสียงดังในห้องของ
ตนเอง
“ขอบคุณท่านพ่อ ตอนนี้ความฝันของข้าที่จะทำให้ซุนจิงจิงกลายเป็น
หญิงของข้าในที่สุดก็ได้กลายเป็นจริง” มู่ชุน ลูกชายของเขาก็หัวเราะ
ขึ้นมาเช่นกัน
“แต่ท่านพ่อ…” มู่ชุนหยุดหัวเราะหลังจากนั้นไม่นาน “จะเกิดอะไร
ขึ้นถ้าตระกูลซุน ให้ชัดก็คือซุนจิงจิงไปขอความช่วยเหลือจากนิกาย
กุสุมาลย์พ้นพิสัย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอร้องไห้กับอัจฉริยะอันดับ
หนึ่งซูหยางนั่น นั่นจะมิเป็นหายนะสำหรับพวกเรารึ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกนั้นก็คงมิยอมรับข้อเสนอของพวกเราตั้งแต่แรก
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าซุนจิงจิงไปขอความช่วยเหลือจากซูหยาง ข้ายังสงสัย
ว่าเขาจักยังสนใจเธอหรือไม่ การฝึกวิชาคู่นั้นปกติแล้วเป็นเรื่องของ
คนที่ไร้จิตใจและเห็นแก่ตัวเช่นนั้น และเขาก็คงรายล้อมไปด้วยสาว
สวยในตอนนี้ ดังนั้นเขาจักต้องมิใส่ใจกับคนอย่างซุนจิงจิงแน่”
“อย่างงั้นรึ…” มู่ชุนหัวเราะต่อหลังจากนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะ
ทิ้งความรู้สึกที่เป็นลางร้ายที่อ้อยอิ่งอยู่ในท้องของตนเองได้
ในเวลานั้นกลับมาที่ตระกูลซุน ซุนเหรินกล่าวกับซุนจิงจิงว่า “ทั้ง
เมืองรู้แล้วว่าเจ้าหมั้นหมายกับมู่ชุนแล้วตอนนี้ มิมีทางย้อนกลับได้
อีกต่อไป และก็มิมียาสำหรับความเสียใจในโลกนี้”
ซุนจิงจิงเพียงแค่ยิ้มกับคำพูดของเธอและกล่าวว่า “อย่ากังวลท่านแม่
ถ้ายังไงข้าจักไปหลับแล้วในตอนนี้ในเมื่อพรุ่งนี้ข้าคงต้องวุ่นวาย”
“ฮ้าาาา.. ข้าหวังจริง ๆ ว่าเธอจะรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่…” ซุนเหริน
ถอนหายใจขณะที่เธอมองดูลูกสาวของตนเองเดินหายไปอย่างเยือก
เย็น
“ไปถึงไหนแล้ว” ซูหยางถามซุนจิงจิงขณะที่เธอกลับคืนมายังห้อง
ของตนเอง
“ทั้งเมืองรู้เรื่องการหมั้นหมายแล้วในตอนนี้” เธอกล่าว
“ข้าเข้าใจละ… เช่นนั้นพวกเรามาพักผ่อนกันก่อน นั่นจักต้องเป็นวัน
วุ่นวายแน่สำหรับวันพรุ่งนี้” ซูหยางกล่าวกับเธอก่อนที่เขาจะเข้าไป
ในเตียง
“แต่ข้ามิอาจหลับลงได้ถ้าข้ามิเหนื่อย…” ซุนจิงจิงกล่าวกับเขาขณะที่
เธอเป่ าเทียนที่จุดอยู่ในห้องก่อนที่เธอจะเริ่มถอดเสื้อผ้า
“ห้องของพ่อแม่เจ้าเพียงแค่อยู่ในห้องโถงข้างล่าง เจ้าก็รู้ จะเป็นอย่างไร
ถ้าพวกเขาเดินเข้ามาหาในขณะที่เรากำลังทำเรื่องนั้น” ซูหยางกล่าว
กับเธอพร้อมรอยยิ้ม
“เช่นนั้นถ้าจะให้ดีพวกเราต้องเก็บเสียงให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไป
ได้…” ซุนจิงจิงยิ้มตอบ
ซูหยางหัวเราะเบา ๆ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ “เจ้ายังจะมีความ
สามารถเช่นนั้นรึ ข้าจักมิผนึกห้องนี้ด้วยค่ายกลปิดกั้นเพื่อที่เสียง
ครางของเจ้าจักเล็ดลอดออกไปจากห้องได้”
“นั่นฟังดูน่าตื่นเต้น…” ซุนจิงจิงหัวเราะคิกคักก่อนที่จะเข้าไปใน
เตียงพร้อมกับซูหยาง