ตอนที่ 448 ต้มตุ๋นกันเกินไปแล้ว / ตอนที่ 449 คำพูดสวนทางกับการกระทำ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 448 ต้มตุ๋นกันเกินไปแล้ว

 

 

           คิดถึงตรงนี้ เจียงมู่เฉินก็คิดขึ้นมาได้ทันทีว่าวันนั้นไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก

 

 

           วันนั้นเขาตื่นขึ้นมาอยู่ในห้องของซือเหยี่ยน ขมวดคิ้วเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันมาอยู่ในห้องนายได้ยังไง”

 

 

           ซือเหยี่ยนตีหน้าเย็นชาทั้งยังเจือความรังเกียจ “เมื่อคืนคุณมากอดผมไม่ปล่อยเอง ถ้าไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าผมจะพาคุณมาห้องผมได้เหรอ”

 

 

           พอเจียงมู่เฉินคิดถึงท่าทางที่ตัวเองกอดซือเหยี่ยนไม่ปล่อยมือ ก็อดจะรู้สึกรังเกียจไม่ได้

 

 

           ‘เขากอดซือเหยี่ยน จะเป็นไปได้ยังไง คิดยังไงก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้’

 

 

           เจียงมู่เฉินออกแรงใช้มือกดเข้าที่หัวตัวเอง รีบสะบัดความคิดเหลวไหลนี้ออกไป หมดหนทางจะเชื่อแล้วจริงๆ

 

 

           ซือเหยี่ยนตีหน้าเย็นชาเดินเข้าห้องน้ำ เหมือนไม่ยินดีมากๆ ที่จะเห็นเจียงมู่เฉิน

 

 

           “ในเมื่อคุณตื่นแล้ว ก็รีบออกไปเถอะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินขมับกระตุก เขารู้สึกได้ลางๆ ว่าประโยคต่อไปของซือเหยี่ยนนั้นต้องพูดด้วยความรังเกียจ “ผมไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นว่าคุณเดินออกไปจากห้องผมหรอก”

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเองก็ไม่ได้อยากจะสานสัมพันธ์อะไรกับซือเหยี่ยนหรอก โอเคไหม

 

 

           ด้วยเหตุนี้จึงรีบลงจากเตียง แต่ไม่รู้ว่าอย่างไร เขารู้สึกว่าขาไม่ค่อยมีแรง แล้วเอวก็ค่อนข้างจะปวดเมื่อยด้วย

 

 

           เขาอดจะเอ่ยถามเสียงสูงไม่ได้ “ซือเหยี่ยน เมื่อคืนนายตีฉันแล้วใช่ไหม”

 

 

           ‘ไม่อยากให้เขาอยู่ ก็คงจะไม่ถึงขั้นลงมือตีเขาหรอกใช่ไหม’

 

 

           ถ้าไม่ใช่ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของเขาทั้งคืน เจียงมู่เฉินต้องพุ่งเข้าไปต่อยซือเหยี่ยนหลายหมัดแล้วแน่ๆ

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินประโยคนี้ แปรงสีฟันในมือก็ถูกเขางอจนหักคามือในพริบตา

 

 

           นัยน์ตาเขาฉายสะท้อนความกระวนกระวาย แต่น้ำเสียงยังคงเย็นยะเยือกเหมือนเดิม “คุณคิดมากไปแล้ว ผมไม่ได้ติดนิสัยต่อยตีใครสักหน่อย เมื่อคืนเป็นคุณเองที่ตกเตียงอยู่หลายครั้ง”

 

 

           ซือเหยี่ยนบอกว่าไม่ได้ลงมือทำอะไร เจียงมู่เฉินก็เชื่อแล้ว ถึงอย่างไรซือเหยี่ยนคนนี้ก็ไม่เคยโกหก ถึงแม้ว่าจะขัดหูขัดตากับซือเหยี่ยน แต่จุดนี้ก็ยังเชื่อซือเหยี่ยนได้

 

 

           ในเมื่อซือเหยี่ยนไม่ได้ตีเขา ก็ไม่มีบัญชีอะไรให้ต้องสะสางกับซือเหยี่ยนแล้ว เจียงมู่เฉินพาเอวที่ปวดเมื่อยของตัวเอง เปิดประตูเดินออกไป

 

 

           จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูปิดลง ซือเหยี่ยนถึงได้เดินออกมาจากในห้องน้ำ

 

 

           เขามองดูเตียงหลังใหญ่ในห้อง แววตาประกายแสง ภาพเมื่อคืนนี้ยังคงเปล่งประกายอยู่ในสมองของเขา

 

 

           ซือเหยี่ยนยกมือขึ้นมากดที่หน้าผากไว้แล้วเขาไปในห้องน้ำอีกครั้ง เขาเอามือปลดเสื้อเชิ้ตออก ก็เห็นเพียงแค่ท่อนบนของร่างกายในกระจกมีรอยแดงอยู่ไม่น้อย

 

 

           ทั้งหมดเป็นรอยที่เจียงมู่เฉินคนเมาข่วนเอาไว้

 

 

           ไม่รู้ว่าซือเหยี่ยนนึกถึงอะไรขึ้นมา เขาเชิดมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตีหน้าเย็นชา ราวกับว่ามีสายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมา

 

 

           ……

 

 

           คิดถึงตรงนี้ ถ้าเจียงมู่เฉินยังคิดแล้วไม่เข้าใจ งั้นเขาก็โง่เกินไปจริงๆ แล้ว

 

 

           ตอนนั้นที่เขาเจ็บไปทั้งตัวก็ไม่ใช่เพราะตกเตียงลงไปมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

           ตอนนี้คิดๆ ดู ควรจะเป็นเพราะโดนซือเหยี่ยนจับกด แล้วก็ ‘ทำ’ กันทั้งคืน ดังนั้นถึงได้ปวดเมื่อยไปทั่วร่างได้

 

 

           แต่ตอนนั้นเขายังไม่มีประสบการณ์ลงสนามจริง บวกกับท่าทางรังเกียจเหยียดหยามของซือเหยี่ยนอีก ดังนั้นจึงไม่ได้คิดไปในทางไม่บริสุทธ์แบบนั้นอยู่แล้ว

 

 

           ถึงได้เชื่อมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนตกเตียงเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขบกรามแน่น เมื่อก่อนคิดว่าซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่เป็นคนเย็นชา ไม่นึกเลยว่าจะฉวยโอกาสตอนเขาเมาแอบกินเขาแบบนี้ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะทำออกมาได้

 

 

           เมื่อก่อนยังคิดว่าซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่โกหกไม่เป็น

 

 

           ‘เหอะ’ คงจะเพราะไม่มีใครรอบตัวเขาที่โกหกหน้าตายได้เท่าซือเหยี่ยน อดใจไม่อยู่ปล้ำเขาชัดๆ กลับมาทำเป็นเชิดรังเกียจตัวเอง แสดงอารมณ์เหมือนรังเกียจหมาข้างทางไม่มีผิด

 

 

           โชคดีที่หลายปีมานี้เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้ซือเหยี่ยนเป็นฝ่ายมาสารภาพเอง เจียงมู่เฉินคาดว่าตัวเองคงจะไม่รู้ความจริงในคืนนั้นไปตลอดชีวิต

 

 

           เป็นอย่างที่คิดไว้ ความจริงคือความน่ากลัวที่เห็นกันจะๆ ได้ขนาดนี้

 

 

           ตัวเองโดนซือเหยี่ยนปล้ำไม่ว่า ยังเชื่อมาเสมอว่าอย่างไรซือเหยี่ยนก็ยังถือว่าเป็นสุภาพบุรุษอยู่

 

 

           

 

 

       ตอนที่ 449 คำพูดสวนทางกับการกระทำ

 

 

           ในทางกลับกันตอนนั้นเป็นเขาที่ดึงดูดใจซือเหยี่ยนมานานขนาดนั้นแล้ว เสื้อเชิ้ตไม่เรียบร้อยอยู่ต่อหน้าเขาทั้งวัน แต่ก็ไม่เห็นเขาลงมือทำอะไรตัวเองเลย

 

 

           ‘ตอนนี้มาคิดๆ ดู ทั้งหมดล้วนเป็นความเข้าใจผิด ทุกอย่างเป็นกลอุบายของเขาสินะ’

 

 

           แสร้งทำตัวเป็นเหมือนหยกใสบริสุทธิ์ ดูเหมือนหักห้ามใจได้ เป็นคนเย็นชา จับกดไม่เป็น

 

 

           ที่จริงลับหลังก็คงจะโหยหาเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของเขาอยู่ตลอด

 

 

           ข่มใจอยู่ตั้งนาน เจียงมู่เฉินถอนหายใจด้วยสีหน้าอนาถใจ “เดิมคิดว่านายจะเป็นสุภาพบุรุษ ใครจะไปคิดว่านายก็คือคนบ้านป่าเมืองเถื่อน”

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่ตอนนี้เฉินเฉินของเขากำลังดูถูกเขาอยู่ใช่ไหม

 

 

           แต่ว่านาทีต่อมา เจียงมู่เฉินยิ้มจนคิ้วตาเชิดขึ้น เขากะพริบตาปริบๆ อย่างติดตลก “แต่ว่าคนเถื่อนก็คนเถื่อนเถอะ ฉันก็ยังชอบมากอยู่ดี”

 

 

           ‘คิดๆ ดู เมื่อก่อนซือเหยี่ยนเย็นชาต่อหน้าคน ลับหลังคนก็กระวนกระวายใจ รู้สึกว่าหัวใจดวงน้อยๆ สั่นสะท้านขึ้นมาเลย…

 

 

           …คนที่คำพูดสวนทางกับการกระทำแบบนี้ ไปยั่วไปแหย่ขึ้นมา โคตรฟิน’

 

 

           ซือเหยี่ยนทำหน้างอ คนที่เดิมทียังกังวลใจ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกประโยคสองประโยคนี้ของเจียงมู่เฉินทำเอาจนมีความรู้สึกที่พูดไม่ออกเกินจะบรรยายได้

 

 

           เขาก้มหน้ามองดูเจียงมู่เฉิน ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

 

 

           ‘คนปกติรู้ว่าตัวเองถูกฉวยโอกาสในสภาวะที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ก็ควรจะโมโหจนระเบิดลงไม่ใช่เหรอ…

 

 

           …ทำไมเฉินเฉินของเขาถึงยังทำหน้าตาระรื่นได้อยู่อีก’

 

 

           “ซือเหยี่ยน เอางี้ไหม ครั้งหน้านายดื่มจนเมา ให้ฉันจัดนายสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะยิ่งน่าเร้าใจ!”

 

 

           ‘พอคิดว่าหลังจากซือเหยี่ยนเมาแล้ว ไม่มีแรงจะขัดขืน…หลังจากนั้นก็โดนตัวเอง…อืม…อืม…หึ…หึ…’

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกใจเต้นจนเกินจะพรรณนาได้

 

 

           ยังรู้สึกคันไม้คันมือนิดหน่อยอยากจะกระตือรือร้นอยากทดลองดู

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาทำหน้าตาดูไม่ได้ ก็เข้าใจได้ในทันที ของที่เจียงมู่เฉินนึกขึ้นมาได้ในสมอง ต้องไม่ใช่อะไรดีๆ แน่ๆ

 

 

           เขายื่นมือไปคุมตัวเจียงมู่เฉินผู้ลิงโลด เสียงต่ำเอ่ยเตือน “คุณกดผมอยู่อย่างนี้ไม่ปล่อย เดี๋ยวพ่อแม่ผมก็มาเห็นหรอก”

 

 

           ทันทีที่เจียงมู่เฉินคิดถึงพ่อแม่ของซือเหยี่ยน แล้วมามองว่าตัวเองกับซือเหยี่ยนอยู่ในท่าอะไรกัน ก็รีบปล่อยทันควัน

 

 

           เขาเอ่ยถามอีก “นอกจากครั้งนี้ ยังมีครั้งอื่นอีกไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัว “ไม่มีแล้ว มีเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”

 

 

           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง จ้องมองซือเหยี่ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนว่าต้องการจะดูว่าประโยคนี้ของเขาสรุปแล้วเป็นความจริงหรือเท็จกันแน่

 

 

           แต่จะทำอย่างไรได้ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ไม่หวาดหวั่น นอกจากเรื่องนั้นเมื่อครู่นี้ ก็ไม่มีเรื่องไหนจะทำให้ซือเหยี่ยนหวั่นเกรง

 

 

           ดังนั้นไม่ว่าเจียงมู่เฉินจะจ้องมองเขาอย่างไร เขาก็ยังมีมาดเคร่งขรึมจริงจังอยู่

 

 

           เจียงมู่เฉินมองพิรุธในสีหน้าของเขาไม่ออก จึงเก็บสายตากลับเข้าไป

 

 

           รอบนี้มาถึงตาของซือเหยี่ยนกลับมามองเจียงมู่เฉินแล้ว “คุณล่ะ ห้าปีมานี้ชื่อเสียงอยู่ข้างนอกนี้ไม่น้อยเลย”

 

 

           เจียงมู่เฉินนึกถึงความเป็นหนุ่มเพลย์บอยของตัวเอง ก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจอยู่พอควรทีเดียว

 

 

           “ช่วยไม่ได้ ใครให้คุณชายเสน่ห์แรงดึงดูดคนเกินไป ต่อให้ไม่พูดสักคำ ก็มีคนอยากจะโผตัวเข้าหาฉัน”

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินประโยคนี้ ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะขบกรามแล้วขบกรามอีก

 

 

           “แต่ว่าก็มีแต่พวกเธอที่โผตัวเข้าหา ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นสีหน้าซือเหยี่ยนไม่ถูกต้อง ก็รีบโต้แย้งทันที

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนประชด “จริงเหรอ ไม่ได้ทำอะไร?”

 

 

           “จับมือถือแขน…กอดบ้าง…จูบ…จูบ…” เจียงมู่เฉินคิดทบทวนนึกย้อนไปอย่างจริงจัง สีหน้าซือเหยี่ยนยิ่งจมดิ่งในอารมณ์ลงไปเรื่อยๆ “หึ” เขาทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจแล้วก็หันกลับจะเดินออกไป

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบเอื้อมมือไปฉุดรั้งเข้าไว้ “อย่าสิ พี่ชาย อย่าไปสิ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ”

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจอีกครั้ง “คุณยังอยากพูดอะไรอีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินตีหน้าซื่อ “พี่ชาย นายฟังฉันพูดนะ นอกจากจับมือกัน กอดกัน ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้วจริงๆ”

 

 

           “แล้วจูบล่ะ”

 

 

           ได้ยินซือเหยี่ยนเอ่ยถึงหัวข้อนี้มาอีก เจียงมู่เฉินก็รีบกุมมือซือเหยี่ยนไว้ กลัวว่าเขาสะบัดมือแล้วเดินหนีไปอีก