ตอนที่ 450 โดนเปิดบัญชีเก่า / ตอนที่ 451 ให้คุณชายเจียงดื่มเหล้า

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 450 โดนเปิดบัญชีเก่า

 

 

           “ฉันสารภาพได้ แต่นายอย่าสะบัดมือแล้วเดินหนีไปนะ” เจียงมู่เฉินจ้องมองเขา “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม นายให้โอกาสฉันสารภาพเถอะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนหยุดการกระทำแล้วมองเขา แสดงท่าทีว่า ‘คุณค่อยๆ พูดออกมา’

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นเขาทำแบบนั้น ก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย เขาคิดอะไรไม่ตกเหรอ ถึงได้อยากจะเปิดบัญชีเก่ากับซือเหยี่ยนได้

 

 

           ‘นี่ถ้าเปิดมาจนสุดท้าย ก็เป็นการจุดไฟเผาตัวเองชัดๆ เลยนะ’

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่ปล่อยมือ ดึงซือเหยี่ยนไว้แน่น ครุ่นคิดแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ฉันก็ไม่ได้เคยจูบกับคนอื่น”

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ รู้สึกว่าในคำพูดของเขานี้ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนเขาทำเสียง ‘หึ’ ใส่ ก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที “ก็…ก็จูบไปครั้งหนึ่ง”

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจอีกครั้ง

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาอย่างอิดโรย “…คือ…คือสองครั้ง?”

 

 

           เปลวไฟในแววตาของซือเหยี่ยนปะทุจนจะเป็นระเบิดไฟแล้ว แต่เจียงมู่เฉินดันไม่เห็นเสียได้ ตัวเองยังคงรนหาที่ตาย

 

 

           “แค่สองครั้งจริงๆ เหรอ” ในคำพูดเต็มไปด้วยอำนาจข่มขู่

 

 

           เจียงมู่เฉินหลับตา เงยหน้าขึ้น “ห้าครั้ง แค่ห้าครั้ง ไม่มีมากกว่านี้แล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะพร้อมขบกราม “ห้าครั้ง! ห้าครั้ง! เจียงมู่เฉิน คุณยังเล่นได้ไม่เบาเลยนะ ตั้งห้าครั้ง!”

 

 

           พอเจียงมู่เฉินได้ยินเสียงแบบนี้ ก็งุนงงในทันใด เสียงซือเหยี่ยนแบบนี้ไม่ปกตินี่

 

 

           ซือเหยี่ยนดึงมือเขาออก ทำหน้าเย็นชาจะเดินออกไป

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นสภาพการณ์แล้ว ก็กระโดดเกาะซือเหยี่ยนเสียเดี๋ยวนั้น “เมื่อกี้ฉันพูดแล้วไง นายจะโกรธตามอำเภอใจไม่ได้”

 

 

           “คุณปล่อยผมก่อน”

 

 

           เจียงมู่เฉินกอดเขาไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ปล่อย “ไม่ปล่อย ตีให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อย”

 

 

           ‘ถ้าปล่อยซือเหยี่ยนต้องวิ่งแน่เลย ถึงตอนนั้นตามจับกลับมาไม่ได้จะทำยังไง’

 

 

           เส้นเลือดปูดที่ขมับของซือเหยี่ยนเต้นตุบตับ “คุณอธิบายมา จูบห้าคนไหนบ้าง”

 

 

           พูดประโยคนี้มา หัวใจดวงน้อยๆ ของเจียงมู่เฉินจะสั่นสะท้านไปหมดแล้ว เขาจะจำได้ที่ไหนว่าในห้าคนนั้นจูบใครไปบ้าง

 

 

           “จะพูดหรือเปล่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินกอดกระชับแขนซือเหยี่ยนไว้ รีบเอ่ยโดยทันที “มั่วไป๋กับนาย”

 

 

           “แต่ว่า กับมั่วไป๋ฉันก็แค่จูบที่หน้าเขา แต่ไม่ได้จูบตรงบริเวณอื่น” ขณะที่เจียงมู่เฉินสารภาพอยู่นั้น ยังไม่ลืมที่จะล้างมลทินให้ตัวเองด้วย

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนทำเสียงเย็นแสดงอารมณ์ไม่พอใจ “แล้วอีกสามคนล่ะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเหงื่อแตกพลั่กแล้ว “ฉัน…ฉัน…ฉันก็ไม่รู้สิ”

 

 

           ‘ตอนดื่มเหล้าจนเมา ชอบเย้าแหย่คนอื่น เขาจะทำยังไงได้ล่ะ’ เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้

 

 

           “ซือเหยี่ยน…ซือเหยี่ยน…พี่ชาย…ส่วนใหญ่ฉันแค่ผสมโรงล้อเล่นเฮฮาไป มากที่สุดก็แค่จูบที่หน้าเท่านั้นเอง ไม่มีมากกว่านี้แล้วจริงๆ…

 

 

           …ฉันรับรอง เรื่องอะไรที่เกินเลยกว่านั้น ฉันไม่เคยทำจริงๆ อีกอย่างนั่นก็เป็นเรื่องเมื่อก่อน ตอนนั้นฉันยังไม่ได้คบกับนายนะ…

 

 

           …ฉันสูญเสียความทรงจำ ทั้งยังโสด แค่จูบที่หน้าคนอื่นจะเป็นอะไรไป เทียบกับคนรอบข้างฉัน ฉันบริสุทธิ์ที่สุดแล้วโอเคไหม ถ้าไม่ใช่ว่าฉันรักษาความบริสุทธิ์ไว้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น แยกกับนายมาตั้งห้าปี คงจะเล่นจ้ำจี้บนเตียงกับคนอื่นมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ไปตั้งแต่แรกแล้ว…

 

 

           …ฉันน่าเห็นใจมากกว่านะ ตั้งแต่แรกเริ่มจนมาถึงตอนนี้ แม้กระทั่งตอนที่ฉันสูญเสียความทรงจำไป คนที่ฉันเล่นจ้ำจี้บนเตียงด้วยก็คือนายทั้งนั้น”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ่งพูดยิ่งรู้สึกตัวเองน่าเห็นใจ ตั้งแต่เริ่มอายุยี่สิบปีเป็นต้นมา เขาถูกซือเหยี่ยนกัดไว้ สลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุด

 

 

           ‘ติดหนึบมากไหม ตึดหนึบยิ่งกว่ากาวอีก’

 

 

           ซือเหยี่ยนมุมปากกระตุก “ยังไงกัน นี่คุณเสียใจทีหลังเป็นพิเศษเลยใช่ไหม รู้สึกว่าตอนนั้นคุณควรจะไปเล่นจ้ำจี้บนเตียงกับคนอื่นเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเดิมทีจะคล้อยตาม แต่พอเห็นสีหน้าแบบนั้นของซือเหยี่ยน จึงรีบสะท้อนความจริงออกมา เขาเอ่ยคำหวานง้องอนอีกฝ่าย “ไม่เสียใจทีหลังอยู่แล้ว จะเสียใจทีหลังได้ยังไงกัน…นายคือซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนที่ฉันรักที่สุดไง จะเสียใจกับใครทีหลังก็จะเสียใจกับนายทีหลังไม่ได้”           

 

 

 

 

ตอนที่ 451 ให้คุณชายเจียงดื่มเหล้า

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ถามอีก “คุณจูบพวกเขายังไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินลำไส้ปั่นป่วนแล้ว ทำไมเขาถึงรนหาที่ตายให้ตัวเองแบบนี้

 

 

           “ก็เหมือนแมลงปอบินระน้ำ[1]แบบนั้น จริงๆ ฉันสาบาน คาดว่าอาจจะแค่เฉียดไม่ได้แตะโดนเลยด้วยซ้ำ”

 

 

           เจียงมู่เฉินครุ่นคิด พลางเอ่ยเสียงต่ำ “อีกอย่างก็เป็นตอนที่ฉันดื่มจนเมาทั้งนั้น ฉันก็ไม่ได้มีสติแบบนี้ด้วย”

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินคำว่า ‘ดื่มจนเมา’ ก็นึกถึงครั้งนั้นเมื่อสองปีก่อนที่เจียงมู่เฉินดื่มจนเมา

 

 

           ‘ครั้งนี้ดื่มจนเมาแล้ว คงจะไม่ได้จูบคนอื่นเขาแบบนั้นหรอกใช่ไหม’

 

 

           ซือเหยี่ยนครุ่นคิด สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตาเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นเขาไม่พูดจาอยู่ตั้งนานสองนาน สมองก็เต้นตุบตับแล้ว รู้สึกมาเสมอว่าไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่แล้ว

 

 

           เสียงต่ำเอ่ยเรียก “ซือเหยี่ยน…”

 

 

           จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็เดินไปข้างหน้า แม้กระทั่งเจียงมู่เฉินยังเกาะอยู่บนตัวเขาอยู่ก็ไม่สนใจแล้ว แบกคนกลับห้องไป

 

 

           “พี่ชาย…นี่นายเป็นอะไรไป…” เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าสีหน้าที่ซือเหยี่ยนแสดงออกมาไม่ค่อยจะถูกต้องแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนแบกเจียงมู่เฉิน เดินไปหยุดอยู่ตรงตู้เก็บเหล้า หยิบเหล้าออกมาสองขวด แล้วหยิบแก้วเหล้ามาสองใบด้วย

 

 

           ทันทีหลังจากนั้นก็วางคนลงบนเก้าอี้ วางเหล้าลงต่อหน้าของเจียงมู่เฉิน “ดื่ม”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนด้วยสีหน้างุนงง “นี่เพิ่งจะตอนบ่ายเอง นายจะให้ฉันดื่มเหล้าแล้วเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง เจียงมู่เฉินรู้สึกได้ถึงกลิ่นความข่มขู่นั้น รีบหยิบแก้วเหล้ามาแล้วรินเหล้าให้ตัวเอง “ได้ๆๆ ฉันดื่มๆ”

 

 

           เจียงมู่เฉินรินเหล้าให้ตัวแก้วหนึ่ง แล้วก็เทให้ซือเหยี่ยนอีกแก้วหนึ่ง เขาก้มหน้าลงกระดกเหล้าจากแก้วในมือดื่มจนหมดแก้วในคราวเดียว แล้วแอบเพ่งซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยต่อ “ดื่มอีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ ต่อให้เขาดื่มได้ก็จะดื่มคนเดียวเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้ไม่ได้หรอก แต่พอเห็นสีหน้าแบบนั้นของซือเหยี่ยน ก็หวาดกลัวในทันใด

 

 

           ‘ดื่มก็ดื่มสิ มีอะไรน่ากลัว’

 

 

           ดื่มแก้วต่อแก้ว เพียงไม่นานเหล้าขวดเดียวก็ว่างเปล่า ซือเหยี่ยนยังหยิบแก้วเล็กๆ ใบนั้นที่เจียงมู่เฉินรินเหล้าใส่ให้เขาเมื่อครู่นี้ ค่อยๆ ลิ้มรสเข้าไปอย่างช้าๆ

 

 

           เหล้าที่ซือเหยี่ยนหยิบมาต่างก็เป็นเหล้าดีกรีสูงที่สุดทั้งนั้น ฤทธิ์แอลกอฮอล์รุนแรง แม้ว่าเจียงมู่เฉินจะเป็นราชานักท่องราตรี ก็ยังคุมสติไม่ค่อยอยู่

 

 

           ดื่มเหล้าหมดไปขวดหนึ่ง แก้มเจียงมู่เฉินแดงระเรื่อ สายตาเริ่มพร่ามัวลง

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาเริ่มจะเมาแล้ว ก็วางแก้วในมือลง มองเจียงมู่เฉินตาไม่กะพริบ

 

 

           ก็เห็นเพียงแค่เขาวางแก้วเหล้าในมือลง เหมือนกำลังตามหาคนอยู่

 

 

           ซือเหยี่ยนอยู่นิ่งๆ ก็เห็นสายตาเคลิบเคลิ้มของเจียงมู่เฉินเล็งตัวเองแล้ว หัวใจซือเหยี่ยนบีบคั้น นั่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง

 

 

           เจียงมู่เฉินล้มลุกคลุกคลานยืนขึ้นมาจากเก้าอี้ เขามุ่งหน้าเดินมาหาซือเหยี่ยนอย่างช้าๆ ส่งมือออกมาโอบกอดคนตรงหน้าไว้

 

 

           เขาก้มหัวลงราวกับเป็นสุนัขที่ดมกลิ่นอยู่บริเวณต้นคอของซือเหยี่ยน

 

 

           เหมือนกำลังดมหากลิ่นอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           ซือเหยี่ยนยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาว่าเจียงมู่เฉินกำลังทำอะไรอยู่ จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็ยื่นมือกอดเขาไว้ ไม่ปล่อยมืออย่างเอาเป็นเอาตาย

 

 

           ใบหน้าเขาแนบไปกับร่างกายของซือเหยี่ยน หัวเราะเบาๆ พลางพูดออกไป “กลิ่นนี้…กลิ่นนี้ใช่ที่สุดแล้ว”

 

 

           พูดจบ เขาปรือตาเงยหน้าขึ้นจูบซือเหยี่ยน “ฉัน…พี่ชาย…พี่ชายรักนาย…ได้ไหม”

 

 

           สีหน้าสงบนิ่งแต่เดิมของซือเหยี่ยนเริ่มหลุดอาการเล็กน้อยแล้ว เขาดึงเจียงมู่เฉินขึ้นมาวางอยู่ต่อหน้าตัวเอง

 

 

           เขามองดูเจียงมู่เฉินผู้มีดวงตาหยาดเยิ้มคู่นี้ เสียงต่ำเอ่ยถาม “กลิ่นอะไร”

 

 

           เจียงมู่เฉินที่เหล้าเข้าปากแล้วนั้นค่อนข้างจะเชื่องช้า เขายกนิ้วขึ้นมาชี้ที่จมูก แล้วก็ชี้ไปที่ซือเหยี่ยน “นาย…ก็คือ….กลิ่นบนตัวนาย”

 

 

           ซือเหยี่ยนนิ้วมือเกร็งเล็กน้อย “คุณหา หากลิ่นนี้ไปทำอะไร”

 

 

           เจียงมู่เฉินชะงักงันไปพักหนึ่ง เหมือนกำลังคิดทบทวนคำถามของซือเหยี่ยน เขาเอามือกุมหัว ไม่มีทางให้ไป

 

 

           “ที่นี่…มีคน…” นัยน์ตาดอกท้อทอประกายความโศกเศร้า “จดจำ…กลิ่น”

 

 

           มือซือเหยี่ยนกำเข้ามาอย่างแน่นหนักด้วยแรงมหาศาล มีอะไรบางอย่างอยากสลัดหลุดออกมาจากสีหน้าที่เย็นชาของเขาทีละนิดๆ

 

 

 

 

[1] แมลงปอบินระน้ำ เป็นการเปรียบเปรย การกระทำที่ทำอย่างฉาบฉวย