ตอนที่ 165 เอากลับไปให้ตู๋กูซิงหลัน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

” ท่านอ๋องกล่าวหนักไปแล้ว เรารักถนอมกุ้ยเฟย ย่อมเสมือนรักบ้านเผื่อแผ่นกกา เจ้าต้นกล้าโทนของท่านนี้ เราเองก็ชื่นชอบเขามากเช่นกัน “ 

 

 

หย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยาหวาดผวาขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็งงงัน 

 

 

ฝ่าบาทมิได้ทรงพบว่าเจ้าลูกทรพีเป็นบุรุษหรือ? 

 

 

” กุ้ยเฟยเชื่อถือเรา บอกเราว่านางมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง พึ่งจะกลับมาที่เมืองหลวง เราเกิดความสนใจ จึงได้มาดูเป็นพิเศษ ” จีเฉวียนตรัสพลางก็เหลือบพระเนตรไปมองดูมารชุดแดงผู้นั้น 

 

 

ซูเม่ยรู้สึกตัวชาไปทั่วทั้งร่าง เขารู้สึกมาตลอดมาตนเองประมาทฮ่องเต้ผู้นี้ไปเล็กน้อย ยามนี้ถึงได้พบว่า ไม่เพียงแต่ประมาทไปเล็กน้อย แต่ว่าเป็นประมาทมากเลยต่างหาก 

 

 

รอบนี้เท้าของเขาเพียงแค่ก้าวออกจากวังหลวง พระองค์ก็รีบเสด็จมาตามหาถึงจวนแล้ว 

 

 

หากจะบอกว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ เขาก็ไม่มีวันเชื่อ 

 

 

พระองค์จะต้องจัดคนมาคอยเฝ้าติดตามตนเองแน่ๆ แต่ว่าตนเองไม่ทันได้รู้ตัว 

 

 

ตรัสแล้ว จีเฉวียนก็หันไปกวักมือเรียกเขา ” มานี่สิ ให้เราได้เห็นน้องเขยเล็กผู้นี้อย่างชัดๆ “ 

 

 

น้อง! เขย! เล็ก! 

 

 

ช่างเป็นฮ่องเต้ที่รู้จักเล่นละครดีนัก คำพูดที่ไม่ไว้หน้าเช่นนี้ยังจะกล้าเอ่ยออกมาได้ 

 

 

ซูเม่ยได้แต่ชะงักงันไปจนรู้สึกหนังศีรษะชาวูบ ค่อยเดินไปถึงข้างกายเขา ถวายคำนับครั้งหนึ่ง ” บุตรชายของหย่งเฉิงอ๋องซูเยา ถวายพระพรฝ่าบาท “ 

 

 

ทั้งๆ ที่เป็นคุณชาย แต่กิริยายกมือวางเท้าของเขานั้นกลับน่าดึงดูดประทับใจ 

 

 

จีเฉวียนหรี่พระเนตรมองดูเขา พระองค์สามารถสูดได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ อย่างปิดไม่มิด 

 

 

ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นดอกฮว๋ายที่แฝงมาอ่อนๆ อีกด้วย 

 

 

ดวงตาที่แสนจะงดงามและดุดันคล้ายจะมีเข็มแหลมเล่มหนึ่งพวยพุ่งออกมา 

 

 

มันกับตู๋กูซิงหลันพึ่งสัมผัสใกล้ชิดกันมา? 

 

 

” ซูกุ้ยเฟยเป็นที่รักใคร่ของเราอย่างยิ่ง เราจึงมามอบราชโองการถึงตำหนักหย่งเฉิงอ๋องให้ด้วยตนเอง แต่งตั้งนางเป็นหวงกุ้ยเฟย รอจอนถึงวันที่นางได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการนั้น เจ้าก็เข้าไปร่วมอวยพรนางด้วยกันเถอะ” 

 

 

ซูเม่ยชะงักงันไป นี่ไม่ใช่ชัดเจนเลยว่าต้องการสร้างความยามลำบากให้เขาหรอกหรือ? 

 

 

เขาคือซูเม่ย และก็คือซูเยา จะปรากฎตัวขึ้นพร้อมกันได้อย่างไร 

 

 

สีพระพักตร์ของหย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยาปั้นยากอย่างยิ่ง เพียงพักเดียวหย่งเฉิงอ๋องก็รีบถวายคำนับกล่าวว่า ” ฝ่าบาท กระหม่อมถูกชะตาฟ้าลิขิต เพียงมีบุตรผู้นี้อยู่คนเดียว คนภายนอกล้วนไม่ทราบว่า หย่งเฉิงอ๋องเช่นกระหม่อมมีบุตรชาย ยามปกติกระหม่อมก็ควบคุมเขาอย่างเข้มงวดไม่ให้เขาไปพบผู้ใด ทูลขอฝ่าบาททรงเห็นแก่ที่กระหม่อมอายุมากแล้ว ทั้งจงรักและภักดีต่อประเทศชาติมาโดยตลอด ขออย่าได้ให้ผู้คนภายนอกรู้ว่ามีบุตรผู้นี้อยู่” 

 

 

พระชายาเองก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน “ขอฝ่าบาททรงเมตตาพวกเรา” 

 

 

จีเฉวียนทรงทอดพระเนตรมองดูสองสามีภรรยาพยายามช่วยกันอ้อนวอน ในใจก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา 

 

 

ซูเม่ยแม้จะเป็นชายแต่งกายเป็นหญิงมานานหลายปี แต่อย่างน้อยก็ยังได้รับการเลี้ยงดูด้วยมือที่รักใคร่ของบิดามารดา หากว่าเกิดเรื่องขึ้นมา หย่งเฉิงอ๋องเป็นต้องโผออกไปอ้อนวอนแทนเขาเป็นคนแรก 

 

 

แต่ชีวิตพระองค์เองกลับมีเพียงช่วงเวลาห้าปีสั้นๆ ที่ได้รับรู้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวเท่านั้น วันคืนหลังจากนั้น มีแต่ความเหน็บหนาวเข้ากระดูก 

 

 

พระองค์ทรงเงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยตรัสว่า ” เราโปรดปรานกุ้ยเฟย ย่อมต้องปกป้องคุ้มครองน้องชายของนาง ไม่มีเรื่องใดหรอก” 

 

 

อืม แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำอะไร’ซูเยา’ หรอก แต่ว่ากับซูเม่ยนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 

 

 

ตรัสแล้ว พระองค์ก็ทอดพระเนตรมองออกไปที่ด้านนอก “หิมะหยุดแล้ว ได้ยินมานานแล้วว่าตำหนักของหย่งเฉิงอ๋องเป็นดั่งแดนเซียนในโลกมนุษย์ ยากนักจะหาโอกาสมาได้สักครั้ง เราอยากจะชมดูสถานที่ที่กุ้ยเฟยเติบโตขึ้นมานี้ให้ละเอียด 

 

 

ซูเม่ยได้ยินแล้ว ก็พลันคิดไปถึงเสี่ยวไทเฮาที่ถูกตนเองซ่อนเอาไว้ในห้อง ก็เข้าขวางทางเสด็จเอาไว้ “ฝ่าบาท ที่ด้านนอกมีแต่หิมะ ขาวโพลนไปหมด ไม่มีอะไรหน้าดูเลยสักนิด หากอยากจะชมทิวทัศน์ละก็ พระองค์สามารถเสด็จขึ้นเขา ชมทะเลสาบ ที่ไหนๆ ก็ล้วนดีกว่าตำหนักของพวกเรามากนัก” 

 

 

หากว่าถูกฮ่องเต้ทรงพบว่าเขาซ่อนตัวอาหลันเอาไว้ เกรงว่าต่อไปหากเขาคิดจะได้พบอาหลันอีกสักครั้งก็คงยาก 

 

 

จีเฉวียนเพียงเหลือบพระเนตรมองดูเขาหน่อยนึง จากนั้นก็หันพระพักตร์ไปจดจ้องหย่งเฉิงอ๋องผู้เป็นบิดาของเขา 

 

 

หย่งเฉิงอ๋องยกหัตถ์ซัดลงไปบนร่างซูเม่ยในทันที “ไร้สาระ เจ้าพูดพล่ามอะไรกัน! ทางขึ้นภูเขาในฤดูหนาวล้วนถูกปิด ทะเลสาบก็เป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว จะให้ฝ่าบาทเสด็จไปดูอะไร? “ 

 

 

ซูเม่ย “……..” ไม่รู้จริงๆ เลยว่า นี่เป็นบิดาแท้ๆ ของใครกันแน่! 

 

 

จากนั้นหย่งเฉิงอ๋องก็ถวายคำนับให้กับจีเฉวียนอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาท พระองค์อย่าได้ทรงฟังเจ้าเด็กปากเหม็นนี้พูดจาเหลวไหล ตำหนักของกระหม่อมแม้จะไม่หรูหราเลอเลิศ แต่ว่าก็ปลูกพืชพรรณไม้ดอกเอาไว้เป็นจำนวนมาก ฤดูหนาวปีนี้หิมะตกค่อนข้างมาก แม้ต้นไม้จะแข็งตายไปจำนวนหนึ่ง แต่ที่เหลืออยู่ก็ยังงดงามดึงดูดผู้คน โดยเฉพาะสวนดอกซิ่วชิว (ไฮเดรนเยีย) ที่ผลิบานมากมายในฤดูหนาว ทั่วทั้งบริเวณนั้นล้วนแต่งดงามไปหมด” 

 

 

หย่งเฉิงอ๋องก็คิดจะนำเสด็จฮ่องเต้ไปชมดอกไม้ด้วยตนเอง 

 

 

ซูเม่ยยิ่งปวดศีรษะมากกว่าเดิม ห้องที่เขาซ่อนอาหลันเอาไว้ ก็อยู่บริเวณที่เป็นสวนดอกซิ่วชิวนั่นเอง ตอนนี้เขาชักสงสัยอย่างหนักแล้วว่าบิดาจะต้องเป็นสายสืบของฮ่องเต้เป็นแน่ 

 

 

” เราเพียงแต่ต้องการไปเดินเล่นเท่านั้น หย่งเฉิงอ๋องมิได้ลำบากติดตามไป ” จีเฉวียนปฎิเสธเขา ก้าวเท้าเสด็จออกไป” 

 

 

ที่นอกเรือนยังมีสายลมเย็นพัดอยู่ ทำให้พระเกศาที่รวบไว้ครึ่งหนึ่งปิดปลิวตามลม 

 

 

หย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยาทอดสายตามองตามพระองค์ไป ในใจรับรู้ถึงความเสียดายอย่างที่สุด หากว่าเจ้าลูกทรพีเป็นสตรีจริงๆ และได้แต่งบุรุษผู้งดงามดั่งเทพเซียนเป็นสามีละก็ 

 

 

กระทั่งยามหลับฝันพวกเขาก็คงจะยังยิ้มไปด้วยเลย 

 

 

หย่งเฉิงอ๋องเกรงว่าพระองค์จะทรงหลงทางอยู่ภายในจวน จึงยังคิดจะช่วยนำเสด็จ แต่จีเฉวียนทรงหันกลับมากวาดพระเนตรมองดูเขาแวบหนึ่ง 

 

 

หย่งเฉิงอ๋องก็รีบถอยกลับไป ” ฝ่าบาทเชิญเสด็จเถอะพะยะค่ะ หากมีพระประสงค์ใด เพียงให้คนมาบอกคำหนึ่งก็พอแล้ว ทุกพื้นที่ทุกมุมของตำหนัก พระองค์ล้วนสามารถชมดูได้ตามพระทัย” 

 

 

เขาทูลแล้วก็ดึงเอาพระชายาของตนหลบไปด้านข้าง 

 

 

สายพระเนตรของฝ่าบาทเมื่อครู่นั้นน่าตระหนกจริงๆ ทั้งที่ทรงเจริญพระชนม์มากกว่าเจ้าลูกตัวร้ายนั่นเพียงไม่กี่ชันษา แต่ทำไมรัศมีรอบพระองค์จึงเปี่ยมไปด้วยประกายของเงาดาบเงากระบี่ที่หลอมขึ้นจากภูเขาน้ำแข็งพันปีเช่นนั้น 

 

 

ซูเม่ยอยากจะหาทางผนึกปากของผู้เฒ่าประจำบ้านของตนยิ่งนัก 

 

 

เขารีบตามไปที่เบื้องพระปรางค์ของจีเฉวียนอย่างไม่ย่อมแพ้ “ฝ่าบาท ให้ข้าได้ตามเสด็จพระองค์เถอะ” 

 

 

หย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยามองดูท่าทางที่พยายามเข้าไปประจบฝ่าบาทของบุตรชาย ในใจก็พลันบังเกิดข้อสงสัยขึ้นมา 

 

 

หรือว่า……….พวกเขาล้วนเข้าใจผิดไป 

 

 

ไม่แน่ว่าเจ้าลูกทรพีอาจจะหลงชื่นชอบฝ่าบาทจริงๆ? ไม่อย่างนั้นตอนนั้นจะร่ำร้องจะเป็นจะตายเพื่อให้ได้เข้าวังไปเป็นสนมหรือ 

 

 

เจ้าลูกตัวร้ายคนนี้มีอุปนิสัยเช่นไรไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รู้ ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ หากชื่นชอบสิ่งใดเป็นต้องคิดหาหนทางร้อยพันวิธีให้ได้มาไว้ในมือ 

 

 

จบกันแล้วๆ …..นี่จะต้องเป็นเพราะเจ้าลูกทรพีเป็นฝ่ายไปล่อล่วงฝ่าบาทก่อน พอฝ่าบาทถูกพระทัย หลงใหลวิญญาณหลุดลอย ถึงได้มีรับสั่งให้ถวายตัวทุกค่ำทุกคืน อีกทั้งยังโปรดแต่งตั้งเขาเป็นหวงกุ้ยเฟย 

 

 

ทั้งสองคนต่างรู้สึกสมองพองโตขึ้นมา พอหันไปมองดูเจ้าลูกทรพีที่เป็นดั่งมารร้ายยั่วยวน สายตาของพวกเขาก็ยิ่งวุ่นวายจนซับซ้อน 

 

 

ในพระทัยของหย่งเฉิงอ๋องมีน้ำตาหยาดหยด ตระกูลของพวกเขาล้วนแต่จงรักภักดีมาทุกรุ่น ทำไมอยู่ๆ ถึงมามีบุตรชายที่ล่อลวงเจ้าแผ่นดินขึ้นมาได้กัน! 

 

 

หากว่าวันหนึ่งบุตรผู้นี้เกิดล่อลวงฝ่าบาทจนพาลแต่งตั้งเขาเป็นฮองเฮาขึ้นมา หย่งเฉิงอ๋องคิดว่าเขากับพระชายาคงได้แต่แขวนตนเองไว้บนต้นไม้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อาศัยความตายไถ่โทษแล้ว 

 

 

ยามที่รู้ตัวอีกที ฝ่าบาทก็เสด็จไปไกลแล้ว 

 

 

เจ้าลูกทรพีติดตามไปด้านหลัง หย่งเฉิงอ๋องก็รีบถลาเข้าไปลากคอของเขากลับมา 

 

 

” เจ้าลูกทรพีที่ไม่รู้จักกตัญญูและจงรักภักดี เจ้าไปคุกเข่าให้ข้าที่ศาลบรรพชนเดี๋ยวนี้! ” เขาโกรธเสียจนหนวดเคราปลิวกระจายดวงตาโปนแทบถลน ถึงแม้ว่าจะรักลูกเพียงไร แต่ไม่อาจทนมองดูให้เขาเดินไปในทางที่ไม่อาจหวนกลับเช่นนี้ได้ 

 

 

พระชายาเองก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา เอ่ยด้วยความปวดพระทัยว่า ” ลูกเอ๋ย เจ้าฟังคำพ่อแม่เถอะนะ อย่าได้ไปล่อลวงฝ่าบาทอีก เจ้าอยากทำให้ราชบัลลังก์สิ้นไร้ผู้สืบทอด ตนเองกลายเป็นที่ประนามหยามหยันของผู้คนไปอีกนับพันปีหรือไง? “ 

 

 

ซูเม่ย “??? “ 

 

 

เขาเป็นใครกัน เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ท่านพ่อท่านแม่พูดเรื่องอะไรอยู่? 

 

 

……………………………….. 

 

 

มุมต่างๆ ของตำหนักหย่งเฉิงอ๋องล้วนมีดอกไม้ผลิบานมากมาย แม้จะเป็นกลางฤดูหนาวก็ยังงดงามอย่างยิ่ง 

 

 

ท่ามกลามหิมะขาวบนพื้น จีเฉวียนทอดพระเนตรเห็นกลุ่มดอกซิ่วชิวสีม่วง (ไฮเดรนเยีย) ในฤดูหนาว ผลิบานไปทั่วงดงามน่าชมเป็นที่สุด 

 

 

เขาเด็ดออกมาสองดอก อดคิดจะเอาไปฝากตู๋กูซิงหลันไม่ได้ 

 

 

เด็กสาว คนไหนก็ชื่นชอบดอกไม้งามๆ ด้วยกันทั้งนั้น