บทที่ 626 เย่เหมินจาเก๋อ

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 626 เย่เหมินจาเก๋อ

 

ในช่วงแรกเดิมทีนั้น โลกใบนี้มีเพียงความว่างเปล่าเทพเจ้ามังกรได้สร้างทุกสิ่งหลังจากนั้นมา

 

แผ่นดินโลกแผ่ขยายไปสุดฟ้าราวกับว่ามันจะไม่มีวันสิ้นสุด ทะเลและคลื่นสีฟ้ากวาดโลกทั้งใบ แผ่นดิงจึงถูกล้อมรอบด้วยทะเล

 

บนทวีปโบราณกาล พืชพันธุ์ทอดยาวหลายหมื่นไมล์กลายเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม้ยืนต้นสูงขึ้นไปกว่า 100 เมตร กิ่งก้านและใบที่เปิดกว้างมีขนาดใหญ่มากแทบจะไม่มีแสงส่องผ่านลงมาได้

 

สมัยนั้นมนุษย์ยังไม่ปรากฏ สัตว์ขนาดยักษ์ที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ย่ำกายไปบนแผ่นดินนี้ พวกมันทิ้งรอยเท้าขนาดใหญ่ไว้มากมาย

 

แล้วในที่สุด ช่วงเวลาแห่งความอดอยากครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังห่างไกลกับยุคแห่งการเกี่ยวกับระดับของอารยธรรมอยู่มาก

 

สัตว์ป่าดำเนินไปตามสัญชาตญาณของพวกมันเอง เพื่อที่จะต่อสู้และความอยู่รอด พวกมันเดิมพันทุกอย่างไว้ด้วยงาและกรงเล็บของพวกมัน แม้ว่าโลกจะเต็มไปด้วยการล่าและความรุนแรงก็ตาม แต่มันก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเช่นกัน ทุกอย่างกำลังก้าวไปวิวัฒนาการที่ดีขึ้นนั้นคือผลที่ได้จากการแข่งขัน

 

จากการสรรสร้างทุกสรรพสิ่งบนโลก การสร้างนั้นทำให้เทพเจ้ามังกรใช้กำลังของเขาเกือบทั้งหมดที่เขามี เขาจึงนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ของเทพเจ้ามังกร ไม่มีสิ่งใดกล้าเข้าใกล้กันมาเป็นร้อย ๆ ปี

 

แต่ด้วยพัฒนาการของประวัติศาสตร์ สัตว์ร้ายได้พัฒนาไปสู่ขั้นตอนที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปในที่สุด และในที่สุดภูมิปัญญาบางอย่างก็เกิดขึ้น

 

ความต้องการเป็นจ้าวแห่งโลก และความต้องการมีอำนาจก็เกิดขึ้น

 

ดังนั้นความปรารถนาของพวกมันจึงนำเหล่าสัตว์ป่าไปยังต้นไม้คู่ใจของเทพเจ้ามังกรผู้เจิดจรัส

 

พวกมันรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่เปรียบไปด้วยพลังได้นอนหลับอยู่ที่แห่งนั่น และผู้ที่สามารถแย่งชิงอำนาจของเทพเจ้ามังกรมาได้ พลังทั้งหมดจะเข้ามาหาสิ่ง ๆ นั้นแทน

 

ความป่าเถื่อนที่ถึงสุดขีดนี้ ทำให้พวกมันลืมความเคารพและความกลัวไป ดังนั้นในคืนพระจันทร์สีเลือดแดงสดเปร่งแสง ความเย็นปกคลุมทั่วทั้งทวีป เหล่าสัตว์ประหลาดที่สามารถเรียกได้ว่าครอบครองดินแดนไปมากมายแล้วได้เขย่าทั้งผื้นแผ่นดินด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของพวกมัน ก่อนที่จะเริ่มลอบโจมตีผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างละโมบ

 

“บ้าเอ้ย!” เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา“ นี่มันเหมือนกับการฆ่าผู้มีพระคุณของตัวเองเลยไม่ใช่เหรอ?”

“สิ่งที่เรียกว่างูเหลือมที่สามารถฆ่าเทพเจ้า หมายความว่าพวกมันฆ่าเทพเจ้ามังกรไปแล้วจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ?”

 

ราชามังกรแห่งการเวลารีบตัดบท: “จะรีบตื่นเต้นไปทำไม ฟังให้จบก่อน”

 

เทพเจ้ามังกรที่ถูกปิดล้อมก็ตื่นขึ้นจากการหลับใหล

 

เขาส่งสายฟ้าแห่งความโกรธกริ้วออกมา มันเปลี่ยนสีโลกทั้งใบอย่างกระทันหัน แม้จะตกอยู่ในอันตราย ความสง่าผ่าเผยของเขาก็ไม่ได้จางหายไป

 

แต่สุดท้ายเทพมังกรก็ไม่ได้ทำลายโลกไป เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถพักฟื้นที่นี่ได้ เทพเจ้ามังกรได้ให้สรรสร้างมังกรเก้าตัวและจากไปจากพื้นที่ที่วุ่นวายพร้อมกับต้นไม้ที่มาพร้อมกับเทพเจ้ามังกรในตอนแรก

 

อย่างไรก็ตามสัตว์ร้ายที่โจมตีเทพเจ้ามังกร ก็ได้กลืนกินแก่นแท้และเลือดของเทพเจ้ามังกรไปไม่มากก็น้อย

 

สิ่งที่สำคัญก็คือเลือดเหล่านี้เปลี่ยนหลอดเลือดของพวกมันไป สัตว์ร้ายยักษ์ส่วนใหญ่ตายเพราะไม่สามารถรับพลังที่รุนแรงได้ มีเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ที่รอดชีวิตและได้พัฒนาเป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงกว่าสัตว์วิญญาณทัวไป

 

ซึ่งหมายความว่าพวกมันมีความสามารถที่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรศักดิ์สิทธิ์

 

และเย่เหมินจาเก๋อเองก็เป็นหนึ่งในผู้รับผลประโยชน์นั้นไป

 

หลังจากวิวัฒนาการแล้วพวกมันก็เข้าสู่ห้วงนิทรา มันไม่ได้หยุดเเติบโตเพียงแค่นั้น พวกมันก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

 

ในที่สุดหนึ่งพันปีก็ผ่านไป เย่เหมินก็มีขนาดใหญ่มากจนแม้แต่ผืนดินก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้

 

มันตกลงไปในทะเลลึกแต่มันก็ยังคงเติบโตขึ้นไม่หยุด หลังจากเวลาผ่านไปหลายหมื่นปีมันก็ยิ่งใหญ่พอที่จะพันรอบโลกได้ มันก่อตัวเป็นวงกลมเต็มพื้นทะเลโดยมีเพียงปากและหางยาวล้อมรอบทวีปได้อย่างสมบูรณ์

ดังนั้นเย่เหมินจึงเป็นที่รู้จักกันในนามของงูหลามที่หอรัดโลกทั้งใบเอาไว้

 

“หยุดก่อน หยุดก่อน”

 

ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าวมาถึงตรงนี้ หลินเฟิงก็ขัดจังหวะเขาอีกครั้ง

 

หลินเฟิงตระหนักถึงการปรากฏตัวนั้นทันที เขากล่าวว่า: “ผมจำได้ว่า ผมเคยได้ยินเรื่องราวคล้าย ๆ เย่เหมินมาก่อน”

 

“นั่นไม่ใช่เรื่องของเทพนิยายชาวนอร์ท หรอกเหรอทำไมมันถึงเป็นประวัติศาสตร์จริง ๆ ได้หละ”

 

ราชินีมังกรกล่าวตอบ”ตำนานนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องสมมติอย่างสมบูรณ์หรอกนะ ข้ารู้เกี่ยวกับตำนานของมนุษย์ หลายต่าหลายเรื่องก็มีอยู่จริงก่อนหน้านี้”

 

เมื่อเห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ เขาก็แปลกใจที่ไม่ได้เห็นมันในตอนแรก

 

“แล้ว อะไรทำให้มันเกิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้งได้หละ”

 

ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าวต่อไปว่า “เย่เหมินจาเก๋อ หลับไหลมานานกว่าสี่ชั่วอายุคนแล้ว ไม่ว่าโลกจะปั่นป่วนแค่ไหนมันก็ไม่เคยเคลื่อนไหวเลย”

 

“และเมื่อโลกมาถึงศตวรรษที่ 5 เนื่องจากออร่าที่มีอยู่มากมายมนุษย์ มันก็ค่อย ๆ กลายเป็นพลังจิตทียิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ และนั้นก็เป็นการปลุกให้เย่เหมินจาเก๋อตื่นขึ้น”

 

“ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 5 นั้น เป็นสิ่งที่เราเรียกกันมาในสมัยโบราณ โลกก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนรอบใหม่ด้วยการมาถึงของปีศาจนอกโลก”

 

“การใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่มีปัญหานี้ เย่เหมินจาเก๋อได้สร้างคลื่นขนาดใหญ่ที่สูง 10,000 เมตรมันแทบจะทำให้ทวีปทั้งหมดก็พังทลายลงภายใต้ความปั่นป่วน”

 

“ ในเวลานั้นพลังของมันได้เข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าไปแล้ว ในการหลับใหลมันกลายร่างเป็นมนุษย์และจากนั้นก็มาถึงดินแดนที่ต้องอยุ่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกและทั้งโลกในตอนนั้นก็เรียกได้ว่าพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี”

 

“ ในเวลานั้นมีเทพเจ้าที่ถูกเรียกว่าธอร์ ก็ถือค้อนแห่งพายุ เขาสามารถระดมพลังแห่งสายฟ้า ได้ถึง 100,000  เท่า มากว่าที่เคยมีพลังนี้ปรากฏขึ้นในยุคโบราณเสียอีก”

 

“ เขาและเย่เหมินจาเก๋อเป็นศัตรูคู่อาฆาต ในการต่อสู้ระหว่างทั้งสองนั้นกินเวลายาวนานถึงร้อยปี และในท้ายที่สุดธอร์ ได้ทุบแกนวิญญาณของเย่เหมินจาเก๋อด้วยค้อนแห่งพายุซึ่งทำให้มันล้มลงในที่สุด”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ดวงตาของราชินีมังกรก็แสดงความชื่นชมอย่างสุดซึ้ง “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว มันเป็นการระเบิดที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่ข้าเคยเห็นเลยด้วยซ้ำ”

 

“ ธอร์นั้นอวตารเป็นยักษ์ที่มีความสูงหมื่นเมตร และด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ เขาก็ทำให้เกิดฟ้าร้องนับไม่ถ้วน มันยากที่จะจินตนาการได้ว่ามนุษย์จะสามารถควบคุมพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้”

 

ความคิดของหลินเฟิงคิดขึ้นมาพร้อมกับฉากนั้นในเวลานั้น การสั่นสะเทือนนั้นมากจนเหนือจินตนาการ เขาอดไม่ได้ที่จะขนลุกไปทั่วร่างกาย

 

เขากล่าวต่อไปว่า “ไม่ดีเหรอเย่เหมินจาเก๋อกลายเป็นงูหลามได้อีกครั้งแบบนี้”

 

ราชามังกรถอนหายใจ: “เพราะในเวลาเดียวกันกับที่ธอร์ถือค้อนของเขา มันก็กัดไหล่ของ ธ​​อร์ส่งพิษร้ายออกมา”

 

“ ภายใต้การกัดกร่อนของพิษชนิดนั้น แม้แต่ร่างกายของผู้บรรลุพลังของพระเจ้าแล้วก็ยังยากที่จะต้านทานได้ดังนั้นเมื่อเย่เหมินจาเก๋อตายลงไปแ้ลว ธอร์เองก็ดับสิ้นไปเช่นกัน”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลมพัดเบา ๆ ทำให้เกิดความรู้สึงเงียบเหงาทันที

 

หลินเฟิงอารมณ์ลงไปพร้อมกับเขาและพูดด้วยเสียงเบา ๆ : “งั้นก็ … “

 

ไม่น่าแปลกใจที่จู่ ๆ งูที่ดุร้าย ได้ยินเรื่องของธอร์ที่เป็นศัตรูเก่าจะเกิดอาการไหวตัว

 

จากนั้นเมื่อนึกถึงการอุทิศตนอย่างไม่เกรงกลัวของธ​​อร์แล้ว ความรู้สึกเคารพและยำเกรงต่อความแน่วแน่ก็ค่อย ๆ แพร่กระจายในหัวใจของหลินเฟิง

 

มนุษย์ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการเกิดขึ้นและดับสูญของโลก

 

เมื่อความหายนะครั้งใหญ่ของการสิ้นสุดลงยุคนี้ก็มาถึง ไม่ว่ามันจะผ่านอันตรายแค่ไหนมา มนุษย์ก็จะก้าวไปข้างหน้าและไม่ยอมถอยหลัง!

 

หลังจากนั้นไม่นานอารมณ์ของหลินเฟิงก็ค่อย ๆ สงบลง เขาถามอีกครั้ง “แต่เนื่องจากเย่เหมินจาเก๋อถูกฆ่า แล้วงูตัวนี้หละ”

 

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ตายอย่างสมบูรณ์ในเวลานั้น แต่มันซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อฟื้นคืนสภาพ”

 

“ตอนนี้มันฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”

 

หลินเฟิงพยักหน้าและทันใดนั้นก็จำคำพูดของราชาหมาป่าขาวได้ เขาถามอย่างสงสัย “ความสัมพันธ์ระหว่าง เย่เหมินจาเก๋อ และงูหลากสีนี้หละมันเกี่ยวกับอะไร”