ตอนที่ 1147 การสังสรรค์กับสหายคนสนิท
“เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น!
ซูหลีพูดจบ เพียงส่ายศีรษะไปมา จากนั้นหมุนกายเดินไปที่ตำหนักของตนเอง
ชุยตานเห็นท่าทีที่มีแผนการอยู่ในใจของซูหลี จึงรู้สึกวางใจในทันทีและเดินออกไปพร้อมกับนาง
…
ซูหลีตามฉินเย่หานออกมานอกวังหลายวันแล้ว นอกจากวันแรกที่มาถึงพระราชวังแห่งนี้ทั้งสองก็กินข้าวด้วยกันตลอด
ทว่าวันนี้ฉินเย่หานมิได้ให้คนมาตามนางไปกินข้าว
ชุยตานฉุกคิดถึงยามที่เจอแม่นางโยวหรานที่ตำหนักชิงหนิง จึงรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนสิ่งที่นายท่านของตนกระทำไปทั้งหมด
ทว่าซูหลีกไม่ใส่ใจ แต่กลับรับสั่งพวกเขาให้ตระเตรียมอาหารชั้นเลิศไว้โต๊ะหนึ่ง เพื่อต้อนรับเซี่ยอวี่เสียน
เซี่ยอวี่เสียนมาตามเวลาที่นัดหมายไว้
ทันทีที่เข้ามาในตำหนัก เขาก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
พระราชวังน้ำพุร้อนแห่งนี้ เพราะว่าเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหลายบ่อ ดังนั้นอุณหภูมิจึงค่อนข้างสูง ทว่าแม้จะสูงมากเท่าไร นี่ก็เป็นวันในเหมันตฤดู
คิดไม่ถึงว่า ในวันที่หนาวเย็นซูหลีกลับเพิ่มเตาถ่าน ให้คนตระเตรียมผักดองไว้บางส่วน อีกทั้งยังมีอาหารจำนวนมากที่เสียบเข้าไว้ด้วยกัน และทำปิ้งย่างในลานกว้างของตำหนัก
ในเวลานี้เพราะว่ามีเตาถ่านที่ร้อนระอุ ทำให้อากาศภายในลานกว้างอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย ไม่มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวมารบกวน ทั้งยังเปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบ ดูน่าสนใจจริงๆ
ซูหลียืนอยู่ในลานกว้าง บนร่างสวมด้วยเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวดุจหิมะตัวใหญ่ เสื้อคลุมตัวนี้มีภาพในความทรงจำบางส่วนในหัวของเซี่ยอวี่เสียน แทบจะเหมือนกับอาภรณ์ที่ฝ่าบาทมีอยู่ราวกับแกะ
ใบหน้าที่เดิมมีขนาดเล็กเท่ากับหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น เมื่อมีขนสุนัขจิ้งจอกเส้นยาวรองรับไว้ด้านล่าง ยิ่งขับให้ใบหน้าของนางดูเรียวเล็กกว่าเดิม
ฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาของเซี่ยอวี่เสียนจึงหยุดลงในทันที
“พี่เซี่ย เข้ามาเร็วเข้า!” และในเวลานี้เองทำให้ซูหลีที่อยู่ในลานกว้างมองเห็นเขา ซูหลีชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงโบกมือและฉีกยิ้มบางๆให้เขา
ในเวลานี้แสงพระอาทิตย์ในยามโพล้เพล้ครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า บรรยากาศโดยรอบนั้นเงียบเชียบเป็นอย่างมาก มีแสงไฟสว่างจ้าทั่วทั้งลานกว้างในตำหนักของซูหลีนี้
ในลานกว้างนี้มีต้นไม้ใหญ่ที่มีใบเขียวตลอดทั้งสี่ฤดู ในเวลานี้ต้นไม้ต้นนั้นดูเหมือนกับต้นไม้บนสวรรค์มิปาน นั่นเป็นเพราะบนกิ่งก้านของต้นไม้นั้นมีตะเกียงแก้วหลากหลายรูปแบบแขวนอยู่
แสงไฟเหล่านั้นงดงามเกินจะเปรียบ สวยงามตระการตา
ตะเกียงแก้วเหล่านี้ที่แขวนอยู่เต็มกิ่งไม้ ทำให้ทั้งลานกว้างสว่างไสว
ซูหลีที่อยู่ในใต้แสงสะท้อนจากแสงไฟเหล่านั้น ทำให้เห็นร่างนางไม่ชัดเจน ช่างดูงดงามประหนึ่งคนที่เดินออกมาจากภาพวาดก็มิปาน
เซี่ยอวี่เสียนมองนางเพียงปราดหนึ่ง เขากลับรู้สึกว่ามิอาจละสายตาของตนออกมาได้
โดยเฉพาะขณะที่นางอยู่ใต้ต้นไม้ หันศีรษะกลับมาอย่างเผลอไผล ทั้งยังมีท่าทีที่ฉีกยิ้มบางๆกวักมือเรียกเขา ประหนึ่งปีศาจสาวที่จำศีลมาเป็นพันปี ขณะที่หายใจสามารถที่จะสูบพลังชีวิตของมนุษย์ไปได้ก็มิปาน!
ในแววตาของเซี่ยอวี่เสียนคล้ายกับมีหินก้อนใหญ่ทุ่มเข้าไปก็มิปาน ทัศนียภาพตรงหน้าสะท้อนเข้ามาในดวงตาวนเวียนไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน ร่างทั้งร่างของเขาเปรียบประหนึ่งถูกคนสูบวิญญาณทั้งหมดไป
ทำให้เขารู้สึกไร้ซึ่งกำลังจนยากเกินจะเปรียบเปรย
“พี่เซี่ย มัวยืนทำอะไรอยู่กัน รีบเข้ามาเร็วเข้า!” ซูหลีที่ยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นท่าทางของเขาแล้ว จึงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงกวักมือเรียกเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ
ผ่านไปพักใหญ่กว่าเซี่ยอวี่เสียนจะดึงสติกลับมาได้ มีประกายความจนตรอกพาดผ่าน ครั้นเห็นซูหลีที่มองเขาด้วยความฉงนสงสัย เขาจึงหยิกตัวเองทีหนึ่ง บังคับให้ตนเองฟื้นคืนสติกลับมา
“สิ่งเหล่านี้ในวันนี้ ทำให้อาหลีลำบากแล้ว!” เขาเดินเข้ามา ชำเลืองเห็นแสงไฟที่ประดับอยู่เต็มต้นไม้ ทั้งยังมีอาหารและสุราที่ประณีต ดวงตาจึงวูบไหวเล็กน้อย
“ระหว่างข้ากับท่านยังจำเป็นต้องเกรงใจกันขนาดนี้อีกหรือ พวกเรามิใช่สหายคนสนิทกันหรือ!” ซูหลีฉีกยิ้มกว้างโค้งไปถึงหางตา ภายใต้รอยยิ้มนั้นเผยให้เห็นบุคลิกเรียบง่ายซึ่งแตกต่างกับสตรีอื่น
เซี่ยอวี่เสียนเห็นดังนั้น ก็ฉีกยิ้มให้นางโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่ 1148 บุรุษเจ้าสำราญอันดับหนึ่งของเมืองหลวง
“คุณหนู คุณชายเซี่ยว ไยถึงยังยืนกันอยู่ รีบมานั่งทางนี้เถิดเจ้าคะ ตรงนี้อุ่นกว่าทางนั้นอยู่บ้างเจ้าคะ!” ไป๋ฉินที่เดินออกมาภายในห้อง จึงเห็นซูหลีกับเซี่ยอวี่เสียนทั้งสองคนที่กำลังมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของไป๋ฉินผงะไปเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงยามที่เห็นชายหญิงเหมาะสมกันที่อยู่ใต้ต้นไม้ที่งดงามเช่นนี้ อารมณ์จึงดีขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่อย่างแท้จริง
โดนเฉพาะเซี่ยอวี่เสียน เป็นผู้มีอุปนิสัยอ่อนโยน ในบรรดาคุณชายทั้งหลาย เขาถือว่าเป็นคุณชายที่น่าคบหามากที่สุด
และเป็นคนที่อารมณ์ดีที่สุดด้วย
หากคุณหนูของพวกเขากับฮ่องเต้ไม่ได้…ละก็ ที่จริงแล้วคุณชายท่านนั้นถือว่าเป็นคัดเลือกที่ไม่เลว ความละมุนละไมดุจหยก สุภาพและอ่อนโยนประหนึ่งกับฝังอยู่ในกระดูกของเขานั้น ช่างเหมาะกับสมกับความโผงผางของคุณหนูของพวกเขา
ถือว่าเหมาะสมกันมากจริงๆ
นางมองดูทั้งสองอยู่ไกลๆ ภาพตรงหน้านี้ประหนึ่งภาพวาดก็มิปาน ไป๋ฉินไม่อยากจะรบกวนพวกเขา
ทว่าอย่างไรก็ไม่ได้ นี่เป็นวันในเหมันตฤดู หากไม่ใช่เพราะเพิ่มกระถางถ่านหินเยอะขนาดนี้ นางไม่มีทางให้คุณหนูยืนอยู่ใกล้ลานกว้างนี้นานขนาดนี้แน่
“ได้ นี่กำลังเดินไปแล้ว” ซูหลีตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา เหลือบตาขึ้นสบกันเซี่ยอวี่เสียนครู่หนึ่ง จากนั้นทั้งสองจึงเดินมาถึงใต้ต้นไม้
ทางนี้วางกระถางถ่านหินไว้จำนวนมาก ภายในกระถางล้วนเป็นถ่านหินคุณภาพดีที่สุด เมื่อนำมาเผาจึงไม่เกิดควันในอากาศเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าจัดวางกระถางเหล่านี้อยู่ข้างต้นไม้ ซูหลีจึงกำชับให้พวกเขาใช้กระถางใส่ถ่านหินแบบมีฝาปิด
เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดประกายไฟ ในเหมันตฤดูที่แห้งแล้งเช่นนี้ หากเกิดไฟไหม้ขึ้นมา เช่นนั้นคงไม่ดีแน่
นางมิใช่คนที่รักตัวกลัวตาย ทว่าต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ไม่รู้ว่ามีอายุมานานเท่าไหร่แล้ว หากเป็นเพราะความคึกคะนองช่วงเวลาหนึ่งของตน ทำลายทุกอย่างนี้แล้วละก็ เกรงว่าในใจนางคงจะรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก
“พี่เซี่ย เชิญนั่ง” วันนี้ซูหลีเชิญเซี่ยอวี่เสียนมาคนเดียว โต๊ะที่จัดวางอยู่จึงเรียบง่ายเป็นอย่างมาก อีกทั้งการกินปิ้งย่าง สิ่งของเหล่านี้ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ
นางเพียงให้คนจัดวางโต๊ะไม้หนานตัวเล็กเอาไว้ตรงหนึ่ง นางกับเซี่ยอวี่เสียนนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคนละฝั่ง ทั้งสองด้านมีกระถางถ่านหินขนาดใหญ่สำหรับการปิ้งย่างสองใบวางไว้อยู่
ตะเกียงแก้วที่แขวนอยู่บนต้นไม้ที่งดงามตระการตา ในเวลานี้คล้ายกับเข้าไปอยู่ในดินแดนสวรรค์ปานนั้น
“พูดถึงสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ไม่มีใครสู้เจ้าได้แล้วจริงๆ!” เซี่ยอวี่เสียนนั่งลงไปพลาง พูดชมชื่นนางไปพลาง
คนที่คิดอะไรแปลกประหลาดออกมาได้นั้น มีไม่มากจริงๆ
ซูหลีได้ยินดังนั้น กลับหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ ทันทีที่นางหัวเราะร่า ใบหน้าที่ให้ความรู้สึกชั่วร้าย ทั้งยังเผยความมีเสน่ห์ออกมาอย่างบอกไม่ถูก กอปรกับสายลมในยามค่ำคืนนี้ ล้วนพัดพาเข้าสู่สายตาของเซี่ยอวี่เสียน
“พี่เซี่ยไม่รู้หรือว่า แต่ก่อนตอนที่ข้ายังไม่กลับมาอยู่ในร่างสตรี ถูกคนครหาว่าเป็นบุรุษเจ้าสำราญอันแรกหนึ่งของเมืองหลวง” ขณะที่พูดซูหลีก็แย้มยิ้มไปด้วย
ไม่มีเพียงไม่รู้สึกเขินอาย อีกทั้งใบหน้ายังเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ
“ไม่ต้องพูดถึง หากเปรียบเทียบกันแล้ว ข้านั้นชื่นชอบฉายานั้นนัก หากพูดถึงเรื่องกินดื่มเที่ยวเตร่ ทั้งเมืองหลวงนี้คนที่จะสามารถเปรียบเทียบกับซูหลีของข้าได้นั้นมีไม่มากอา!” ความภูมิใจเต็มไปทั่วใบหน้าของนาง หากนางมีหาง เกรงว่าบัดนี้หางของนางคงจะกระพือลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว
เซี่ยอวี่เสียนมองท่าทีเช่นนี้ของนาง เขาทั้งรู้สึกเอือมระอาทั้งรู้สึกขบขันยิ่งนัก จึงทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมาเบาๆ
“พี่เซี่ย ท่านลองชิมสิ นี่เป็นฝีมือของไป๋ฉิน นี่เรียกว่าหลานฮวาเซียงอะไรสักอย่าง แม้จะไม่ใช่สุรา ทว่ารสชาติมากเป็นอย่างยิ่ง ยามปกติเวลาข้าไม่มีอะไรทำ มักชอบดื่มสักแก้วหนึ่ง” ซูหลีชื่อไปที่จอกสุราที่อยู่ตรงหน้าเขา
ภายในจอกสุรามีของเหลวสีแดงสดบรรจุอยู่
เซี่ยอวี่เสียนเห็นสิ่งนี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน
นี่มันสิ่งใดกัน?