บทที่ 1922 (2)

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1922 กลับสู่ดินแดนเบื้องบนอีกครั้ง (2)

หลังจากที่พูดคุยกับกู้ซีจิ่วเสร็จ เขาเหม่อมองยันต์ถ่ายทอดเสียงครู่หนึ่ง

ถึงแม้เขาไม่มีความทรงจำของดินแดนเบื้องล่าง ทว่ามีความรู้สึกมากมายต่อกู้ซีจิ่ว เพียงแต่อีกฝ่ายมีฐานะสูงส่งเกินไป เขารู้สึกต่ำต้อยอยู่บ้างเมื่ออยู่ต่อหน้านาง จึงไม่เคยสารภาพออกไป ถึงขนาดที่ไม่ทำให้นางมองความรู้สึกเขาออก

“ซีจิ่ว ข้าไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นอย่างไร แต่ชาตินี้ข้าชอบเจ้ามาก ข้าจะพยายามพัฒนาตัวเอง เพียงหวังว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าได้สักวันหนึ่ง…” เขาพูดต่อยันต์ถ่ายทอดเสียงที่อับแสงไปแล้วอย่างแผ่วเบา

เขาพรูลมหายใจเบาๆ แล้วฝึกฝนต่อไป

เขามีแผนการของเขา ยามนี้เขาอยู่ขั้นเสินจวิน ด้วยความเร็วในการฝึกฝนของเขา บางทีอาจจะบรรลุขั้นช่างเซียนได้ในเวลาไม่เกินหมื่นปี

เมื่อถึงเวลานั้นกู้ซีจิ่วก็จะดับขันธ์ในดินแดนเบื้องล่าง หากไม่มีสิ่งใดเหนือความคาดหมาย นางจะมาที่ดินแดนเบื้องบนกลายเป็นช่างเซียนที่สูญเสียความทรงจำ ถึงตอนนั้นเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อตามจีบนาง คุ้มกันนางให้อยู่ใต้อารักขาของตัวเอง

เขายังหวังว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นอีกสักหน่อยถึงจะยืนเคียงข้างนาง กลายเป็นความภาคภูมิใจของนางได้…

เขารู้ว่านางตามหาคนผู้หนึ่งมาโดยตลอด บัดนี้ฟังจากน้ำเสียงของนางราวกับทำภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว และไม่กังวลอะไรกับคนผู้นั้นอีก

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน

เขาไม่หวังให้นางมีใครอื่นในใจ เพียงหวังว่านางจะรอให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมาได้

หลังจากกู้ซีจิ่วกลับดินแดนเบื้องล่างหนนี้ เธออยู่ที่นี่เป็นเวลาค่อนข้างนาน ไม่ได้กลับไปดินแดนเบื้องบนอีกห้าปีเต็ม

สหายดินแดนเบื้องล่างของเธอยังมีอยู่มาก อย่างเช่นจิ้งจอกน้อยกับเยี่ยนเฉิน พรรคพวกที่สำนักชุมนุมสวรรค์ และพี่ใหญ่ของเธอ…

ยิ่งไปกว่านั้นดินแดนเบื้องล่างมีงานยุ่ง มีเรื่องราวมากมายที่เธอต้องจัดการ เมื่อใดที่ยุ่งง่วนขึ้นมาเธอก็ฆ่าเวลาได้เช่นกัน

เดิมทีเธอใช้ชีวิตอย่างเข้าใจดี รู้ว่าตัวเองต้องการสิ่งใด และต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน ทว่าคนเราเมื่อใดที่ถึงจุดสูงสุด ก็จะมีความรู้สึกหงอยเหงาดุจหิมะ

เธอถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองยังต้องการอะไรอีก

ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว

เป็นการเขียนพรรณนาถึงเธอได้ดีที่สุด

บางทีอาจเพราะรู้ว่าหวงถูไม่อยู่แล้วจริงๆ หรือบางทีอาจเพราะในที่สุดก็ยอมรับชะตากรรมและเคยชินไปแล้ว ห้าปีมานี้ภาพลวงตาเหล่านั้นแทบไม่ปรากฏขึ้นมาอีกเลย คล้ายเธอจะลืมเลือนเขาจนหมดสิ้นแล้วจริงๆ…

ในบางครั้งเมื่อเธอหลับฝันตอนกลางคืน จู่ๆ เธอจะนึกถึงเขาขึ้นมา นึกถึงภาพลวงตาเหล่านั้น หัวใจก็จะรู้สึกเศร้าหมองอย่างมิอาจบรรยายได้

หยกนภาปลอบโยนนาง ‘เจ้านาย โลกีย์ไม่ไร้เท่าใบพุทรา คนผู้นั้นลาลับไปแล้ว ท่านก็ควรปล่อยวางเขาลง ไม่แน่ท่านอาจพบเจอคนที่ดีกว่าก็เป็นได้’

อีกอย่าง เสียงลึกลับนั้นเคยบอกว่าเมื่อผ่านไปสองร้อยปีเจ้านายจะมีบุพเพกับอวิ๋นเยียนหลี ทว่าดินแดนเบื้องบนเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขนาดนี้ อวิ๋นเยียนหลีก็หายสาบสูญไปอีก ไม่รู้ว่าจะยังมาพานพบเจ้านายที่ดินแดนเบื้องล่างได้อีกหรือไม่? ดีแค่ไหนที่จะร้อยเรียงบุพเพอีกครั้งหนึ่ง!

องค์ชายท่านนั้นรูปงาม อีกทั้งยังมีความสามารถ พอไปด้วยกันได้กับเจ้านาย สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือหายตัวไปแล้ว…

หยกนภาลองหยั่งเชิงสอบถามเสียงลึกลับนั่น ว่าที่อีกฝ่ายเคยพูดไว้ยังเป็นความจริงหรือไม่ ถามว่าองค์ชายท่านนั้นยังมีบุพเพกับเจ้านายอยู่ไหม

มันถามไปตั้งมากมาย ผลคือเสียงลึกลับนั้นพูดเพียงสามคำว่า “ตามบุพเพ”

ทำเอาหยกนภาเดือดดาลเป็นอย่างมาก!

อดไม่ได้ที่จะต่อว่าเสียงลึกลับนั้นไปหลายประโยค บอกว่ามันพูดแล้วไม่รักษาคำพูด

เสียงลึกลับนั้นถูกต่อว่าจนร้อนรน ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นไม่กี่ประโยค ‘นางเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองไปโดยไม่ตั้งใจ โชคชะตาในอนาคตของนางเป็นอิสระเสรี ไม่ถูกควบคุมโดยผู้ใดหรือกฎเกณฑ์อะไรอีก…’

หยกนภาตกตะลึงเล็กน้อย ‘นางเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองตอนไหน?’

เสียงลึกลับนั้นไม่โต้ตอบ

หยกนภาเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ‘ความหมายของเจ้าก็คือ ต่อไปนางจะเป็นคนตัดสินโชคชะตาของนางเอง? รวมถึงการแต่งงานด้วยหรือ?’

‘มิผิด!’

หยกนภาโล่งใจ มันยังระลึกถึงอวิ๋นเยียนหลีอยู่ตลอดเวลา ‘เช่นนั้นอวิ๋นเยียนหลียังจะมาดินแดนเบื้องล่างหรือไม่?’

‘ชั่วเวลาที่เจ้านายเจ้าไปดินแดนเบื้องบน โชคชะตาของอวิ๋นเยียนหลีก็เปลี่ยนไป เขาอาจจะไม่มาดินแดนเบื้องล่างอีกแล้ว’

เห็นได้ชัดว่าหยกนภาจับใจความสำคัญไว้ได้ ‘ความหมายของเจ้าคือ ความจริงแล้วเขายังอยู่ที่ดินแดนเบื้องบน?!’

เสียงลึกลับนั้นไม่พูดจาอันใดอีก

หยกนภาคิดคำนวณไว้ในใจแล้ว มันยังอยากจับคู่ให้เจ้านายกับอวิ๋นเยียนหลี…

ดังนั้น หยกนภาจึงเริ่มพูดถึงอวิ๋นเยียนหลีต่อหน้ากู้ซีจิ่วบ่อยขึ้น และยังเผยให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ดินแดนเบื้องบน ที่หายสาบสูญไปน่าจะถูกจับตัวไว้ที่แห่งหนึ่ง เกรงว่ากำลังรอให้สหายไปช่วยอย่างร้อนรน…

ในปีนี้เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยฝึกฝนจนบรรลุขั้นสิบแล้วพอดี อีกทั้งยังผ่านด่านเคราะห์แล้วด้วย

บางทีเจ้าสองตัวนี้อาจจะยังเป็นกังวล จึงไม่ได้เหินทะยานขึ้นไป คอยตามติดกู้ซีจิ่วอยากให้เธอพาพวกมันไปเที่ยวเล่นที่ดินแดนเบื้องบน

หลังจากนั้นห้าปี ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็กลับไปยังดินแดนเบื้องบนอีกครา

ในระยะเวลาห้าปี ดินแดนเบื้องบนเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย จักรพรรดิเซียนองค์ใหม่ขึ้นครองราชบัลลังก์ จัดการภพภูมิที่วุ่นวายได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ทั้งสามภพภูมิก็สงบสุข ถึงขั้นที่คนของสามภพภูมิจัดตั้งสถานที่จำพวกตลาดในชั้นฟ้าที่ห้า คนของทั้งสามภพภูมิล้วนทำธุรกิจการค้ากันได้

ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง สถานที่แห่งนี้ก็เฟื่องฟูขึ้นมา คึกคักยิ่งกว่าภพภูมิอื่นๆ

กู้ซีจิ่วพาเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยกินอาหารดีๆ มื้อหนึ่งที่ตลาด

ภัตตาคารร้านอาหารเป็นศูนย์รวมข่าวสาร ตอนที่เธอกินข้าวอยู่ที่นี่ก็ได้ยินคดีการหายตัวไปครั้งใหญ่

ในช่วงสองปีมานี้มีเด็กที่พลังวิญญาณสูงหายตัวไปอยู่บ่อยครั้ง เด็กเหล่านี้อยู่ในทั้งสามภพภูมิ อายุก็แตกต่างกัน

เด็กเล็กที่สุดอายุเจ็ดแปดปี เด็กโตสุดอายุสิบเจ็ดปี เด็กแต่ละคนเหล่านี้ล้วนเคยเป็นเด็กมหัศจรรย์ เป็น ‘ทารกก้อนทองคำ’ ที่แต่ละสำนักใหญ่โปรดปราน คาดไม่ถึงว่านึกจะหายตัวก็หายตัวไปเลย ทุกคนที่หายตัวไปล้วนตามหาไม่พบ ทำให้มีบางคนตื่นตระหนกอยู่บ้าง

คนที่พูดคุยกันในภัตตาคารก็คือเด็กหนุ่มสาวสามคน ดูจากลักษณะแล้วอายุน่าจะประมาณสิบสี่สิบห้าปี เด็กหญิงหน้าตาสวยสด สวมอาภรณ์สีแดงอ่อน พลิ้วไหวดังเทพเซียน

ส่วนเด็กชายอีกสองคนก็สวมอาภรณ์สีแดงอ่อน คนหนึ่งมีชีวิตชีวากระฉับกระเฉง อีกคนเงียบขรึมดังกิ่งสน รูปลักษณ์หล่อเหลายิ่งนัก

กู้ซีจิ่วไม่รู้จักเด็กสามคนนี้ แต่เธอรู้จักรูปแบบอาภรณ์บนกายพวกเขา เป็นลูกศิษย์ในสำนักของอวี่หังเจินเหรินแห่งแดนเซียน ดูจากสีของชุดพวกเขา น่าจะฝึกฝนจนถึงขั้นจินเซียนแล้ว

หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย

เมื่อปีนั้นที่เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเสี่ยวเนี่ยนโม่ ก็เห็นเสี่ยวเนี่ยนโม่คารวะอวี่หังเจินเหรินเป็นอาจารย์ และเป็นคนแรกในรอบสิบปีที่ติดตามข้างกายอวี่หังเจินเหรินเพื่อเล่าเรียน

ยามนี้เสินเนี่ยนโม่ก็น่าจะอยู่ในสำนักอวี่หังเจินเหรินกระมัง? ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?

เบื้องหน้าคล้ายจะมีใบหน้าที่งดงามล่มบ้านล่มเมืองของเสินเนี่ยนโม่ลอยขึ้นมา เธออดไม่ได้อมยิ้มเล็กน้อย

ผ่านไปห้าปีแล้ว เจ้าเด็กน้อยคนนั้นน่าจะอายุหกปี เขาเติบโตได้รวดเร็ว บางทียามนี้อาจจะดูคล้ายเด็กอายุสิบปีแล้วก็ได้?

ต้องดูดีดังเดิมอย่างแน่นอน!

นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับเหล่าศิษย์ร่วมสำนักของเขา

เดิมทีกู้ซีจิ่วชอบเด็กคนนั้นมาก แต่พอคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กลับชาติมาเกิด เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ อย่างไรเสีย โชคชะตาของเธอก็ถูกกฎเกณฑ์ลิขิตสวรรค์ควบคุมจนกลายเป็นเช่นนี้ ซ้ำยังทำให้คนรักของเธอดับสูญไปแล้ว…

———————————–