บทที่ 1669 - รู้สึกสบายใจ เพิ่มขึ้นทีละน้อย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1669 – รู้สึกสบายใจ เพิ่มขึ้นทีละน้อย

 

พวกเขาทั้งสองคนกอดกันอย่างยาวนานอาจกล่าวได้ว่าพระเจ้านั้นสร้างมนุษย์เพื่อให้ผู้ชายและผู้หญิงเติมเต็มซึ่งกันและกัน แม้ตอนเกิดมาเพื่อเขาจะแยกจากกัน แต่หลังจากนั้นก็จะได้มารวมตัวกันอย่างช้าๆ

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่าเขาได้พบอีกครึ่งชีวิตของตนเองแล้วนี่เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้และความรู้สึกเช่นนี้ถานท่าย หลิงเยียนก็สามารถรู้สึกได้เช่นเดียวกัน

 

หลังจากผ่านไปอย่างยาวนานถานท่ายหลิงเยียนก็ค่อยๆแยกตัวออกมาจากชิงสุ่ย นางยังคงยิ้มอยู่เสมอ

 

”ข้าไม่ได้ล้ำเส้นเกินไปใช่หรือไม่?เจ้าคงไม่ดุข้าใช่ไหม?” ชิงสุ่ยยิ้มและถามขึ้น

 

”ข้าจะดุเจ้าเรื่องอะไร?”ถานท่าย หลิงเยียนดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจคำพูดของชิงสุ่ย

 

”ดุข้าที่ไม่จูบเจ้าหรือทำอะไรมากกว่านี้…”

 

ถานท่ายหลิงเยียนรีบเดินหนีออกมาทันทีในขณะที่ชิงสุ่ยเดินตามนางมาอย่างเร่งรีบ เขาเห็นว่านางไม่ได้โกรธเพียงแต่เขินอายเล็กน้อย ถานท่าย หลิงเยียนรู้ดีว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้ ยิ่งชายผู้นี้ไม่นานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้นิสัยเปลี่ยนไปเท่านั้น

 

แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใดกลับกันนางรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง ถานท่าย หลิงเยียนส่ายศีรษะของนาง นางไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกเช่นนี้ยังไงดี แต่หัวใจของนางได้ยอมรับเขาไปแล้วในตอนนี้

 

เต่าเฒ่าก็กลับมาหลังจากนั้นก่อนหน้านี้เขาบอกว่าเขาจะไปเตรียมงานฉลองไว้ แต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ชิงสุ่ยยิ้ม “กลับกันเถอะ ข้าหิวแล้ว พวกเรากลับไปทานอาหารกันเถอะ”

 

พวกเขากลับไปยังหอคอยจักรพรรดิในเมืองหลินห่ายทั้งหยิน ต่งและเหลียนหลิงเฟิงต่างก็ยังไม่ออกมาจากการเก็บตัวของพวกเขา คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเก็บตัวฝึกฝนและตอนนี้ ปกติแล้วเวลาที่ใช้นั้นก็ไม่ได้นานเกินไปเว้นแต่จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

 

เมื่อฉินชิงได้เห็นถานท่ายหลิงเยียนนางก็ตกตะลึงไปในทันที การรับรู้ทางจิตวิญญาณของนางบอกได้ว่าถานท่าย หลิงเยียนนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นางยิ้มและหันไปมองชิงสุ่ยก่อนที่จะหันมามองถานท่าย หลิงเยียน “น้องสาวหลิงเยียน เจ้าได้ยกระดับขึ้นแล้ว”

 

ถานท่ายหลิงเยียนจับมือของฉินชิงและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

 

ฉินชิงรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งนางไม่ใช่คนใจแคบและรู้สึกยินดีที่ถานท่าย หลิงเยียนแข็งแกร่งขึ้น เพราะเมื่อถานท่าย หลิงเยียนทรงพลังยิ่งขึ้นก็จะเป็นผลดีสำหรับนางด้วยเช่นกัน

 

ซีฉีชาและหลินเฟ่ยนั้นอยู่ไกลออกไป พวกนางไม่รู้ว่าถานท่าย หลิงเยียนได้ยกระดับขึ้นแล้วในตอนนี้ แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเต่าเฒ่าที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ทำให้ทุกๆคนต้องตกตะลึงอีกครั้ง เพราะมันเป็นกรณีเดียวกันกับหลงซู่เอ๋อ

 

แต่พวกเขาเคยรับรู้เรื่องของหลงซู่เอ๋อมาแล้วดังนั้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของเต่าเฒ่าไม่ได้เป็นที่ฮือฮามากนักพวกเขารู้ว่าเต่าเฒ่าก็ได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วในตอนนี้

 

ทุกๆคนทานอาหารเที่ยงร่วมกันเห็นได้ชัดว่าที่โต๊ะอาหารนั้นมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ปกติแล้วจะมีเหลียนหลิงเฟิงและหยิน ต่งร่วมทานอาหารด้วยแต่ในตอนนี้มีเพียงชิงสุ่ยและเต่าเฒ่าเท่านั้น

 

ในตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของถานท่ายหลิงเยียนแล้ว ดังนั้นชิงสุ่ยจึงบอกทุกๆคนเรื่องความสามารถในตอนนี้ของถานท่าย หลิงเยียนและยังบอกทุกๆคนเรื่องพระราชวังจอมอสูรจะย้ายมาในเร็วๆนี้

 

นี่เป็นสิ่งที่ได้รับการตัดสินใจแล้วแม้ว่าพระราชวังจอมอสูรจะไม่ได้ย้ายมาที่นี่ทั้งหมดแต่ก็เป็นคนจำนวนมาก อาจจะต้องใช้เวลามากเสียหน่อย พวกเขาจะเริ่มเลือกสถานที่ตั้งก่อนจากนั้นก็จะก่อสร้างอาคารขึ้น

 

 

3วันผ่านไปทั้งหยิน ต่งและเหลียนหลิงเฟิงก็กลับมาจากการเก็บตัวฝึกฝน พวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมา 2 เมื่อพวกเขาได้เห็นชิงสุ่ยก็แสดงความดีใจออกมาแล้วเดินเข้ามาสวมกอด

 

ทั้งหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิงต่างก็ได้รับมรดกแห่งเทพสงครามแต่น่าเสียดายที่มันยังอ่อนแอในตอนนี้พวกเขาจะต้องใช้เวลาอีกมากในการปลุกมันขึ้นมาและพลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆในตอนนี้

 

ทุกๆคนต่างพูดคุยกันเมื่อได้รวมตัวกันทานอาหารความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มใกล้ชิดกันเรื่อยๆ เป็นเพราะมรดกแห่งเทพสงคราม

 

เมื่อหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิงรู้ว่าถานท่ายหลิงเยียนและเต่าเฒ่าต่างก็อยู่ในระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาทั้งสองคนก็รู้สึกตกตะลึงและประหลาดใจอย่างยิ่ง ในตอนนี้พลังของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเก็บตัวฝึกฝน แต่ก็ยังถือว่าห่างไกลจากถานท่าย หลิงเยียน

 

ชิงสุ่ยได้มอบผลผลึกวชิระให้แก่พวกเขาคนละผลโดยหวังว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่พวกเขาได้ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพลังแต่ยังสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย เส้นลมปราณ และปรับปรุงร่างกายให้ดียิ่งขึ้น มันจะช่วยเสริมสร้างร่างกายของพวกเขาให้สามารถทนต่อทัณฑ์สวรรค์พินาศและทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้

 

ชิงสุ่ยมีผลผลึกวชิระไม่เพียงพอในตอนนี้ไม่อย่างนั้นเขาจะมอบให้ทุกๆคนที่อยู่รอบตัวของเขาคนละ 1 ผล ในตอนนี้เขาทำได้เพียงมอบให้คนที่เหมาะสมเท่านั้น

 

พวกเขาทั้งสองคนก็กลืนผลผลึกวชิระเข้าไปในทันทีพร้อมกับสุราแต่ก็ไม่อาจยกระดับเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ เรื่องนี้ก็อยู่ในการคาดการณ์ของชิงสุ่ย หากพวกเขาและยกระดับขึ้นในตอนนี้ชิงสุ่ยก็คงรู้สึกว่ามันไม่ปกติอย่างแน่นอน

 

สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับอสูรแมงมุมมังกรเก้าเศียรนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจครั้งใหญ่แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่อธิบายได้สถานการณ์เช่นนี้คงมีเพียงครั้งเดียวในรอบ 100 ปี

 

ในตอนนี้พลังของพวกเขาทั้งสองคนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแต่เมื่อเทียบกับฉินชิงพวกเขาก็ยังถือว่าอ่อนแอกว่าเล็กน้อย ในตอนนี้เส้นลมปราณและอวัยวะภายในของพวกเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก

 

ทั้งหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิงต่างก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ในตอนนี้พวกเขาขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่ามันยากยิ่งนักที่จะก้าวต่อไปได้และหากพวกเขาโชคร้ายก็อาจจะทำไม่ได้ไปตลอดชีวิตนี้

 

 

วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุขชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนร่างกายของเขายังไม่ลดละในหมู่สัตว์อสูรของเขาวิหคอัคคีทมิฬและหลงซู่เอ๋อนั้นทรงพลังมากที่สุด

 

อสูรสยบมังกรนั้นมีความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวแต่มันยังคงมีข้อจำกัดอยู่นั่นก็คือหากมันต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวพลังของมันจะลดลงไปอย่างมาก ในอนาคตข้างหน้านั้นข้อด้อยในเรื่องนี้ของมันคงจะหายไปอย่างแน่นอน

 

สำหรับอสูรสยบมังกรความเร็วคือทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเร็วของมันไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรได้มันได้

 

มังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นเป็นสัตว์อสูรแห่งสวรรค์และโลกแต่ในตอนนี้พลังของมันนั้นถูกวิหคเพลิงนรกานต์และอสูรแมงมุมมังกรเก้าเศียรแซงหน้าไปแล้ว แม้กระนั้นชิงสุ่ยก็ยังคงตั้งความหวังไว้ที่มังกรไอยราเกล็ดทองคำ การเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของมันนั้นขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

อสูรอัสนีคลั่งก็สำคัญอย่างมากสำหรับชิงสุ่ยความสามารถของมันนั้นทำให้การต่อสู้เปลี่ยนแปลงไปได้และพลังของมันก็ยังสามารถเพิ่มขึ้นไปได้อีก

 

ความจริงแล้วด้วยพลังของวิหคเพลิงนรกานต์และอสูรแมงมุมมังกรเก้าเศียร ชิงสุ่ยนั้นถือเป็นผู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง พวกมันทั้ง 2 ตัวถือเป็นความประหลาดใจครั้งใหญ่ นอกจากนี้ถานท่าย หลิงเยียนและเต่าเฒ่าก็ยังสามารถยกระดับขึ้นได้เช่นกัน ถานท่าย หลิงเยียน อีกไม่นานหลังจากนี้พระราชวังจอมอสูรก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน

 

อีเย่เจี้ยนเก้อและหญิงสาวอีก 2 คนก็ทรงพลังอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยเป็นห่วงเรื่องของพระราชวังอาทิตย์อัสดงน้อยที่สุด ในตอนนี้ผู้คนรอบข้างของชิงสุ่ยเริ่มยกระดับขึ้นอย่างช้าๆนี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี

 

แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้ดีว่าผู้คนรอบตัวเขาจำนวนมากที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นแต่มันก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นเพราะการเดินทางที่ยาวนานนั่นคือระยะเวลาตั้งแต่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจไปจนถึงระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าหญิงสาวทุกๆคนรอบตัวของเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน