ตอนที่ 718

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.718 – เสียววิญญาณขององหลวน

 

คนในก้นบึ้งมังกรไม่พอใจมากที่เซี่ยจิงหยูกล้ามาแทรกระหว่างการชุบชีวิตฉินเซี่ยนเอ๋อ!เพราะไม่มีใครนรู้ว่าโอสถฟื้นชะตาจะยังส่งผลอยู่หรือไม่ถ้าหากทิ้งระยะให้นางตายนานขึ้น

  

หลายคนหวาดกลัวว่าถ้าหากชักช้าผลของโอสถก็จะใช้กับนางไม่ได้อีกแล้ว และฉินเซี่ยนเอ๋อก็จะตายไปตลอดกาล!

  

“เซี่ยจิงหยู!”

  

ซือหยูตะโกน

  

“เจ้าเกลียดข้าได้แต่ทำไมเจ้าต้องทำร้ายเซี่ยนเอ๋อด้วยเล่า? นางบริสุทธิ์นะ!”

  

เซี่ยจิงหยูมองกลับมาอย่างเยือกเย็น

  

“บริสุทธิ์รึ?เจ้าก็ได้รู้ว่านางรู้เรื่องที่เรารักกัน แต่นางก็ยังชิงเจ้าไปจากข้า! ความตายของคนเห็นแก่ตัวเช่นนี้มิควรค่าแก่ความเศร้าของใครด้วยซ้ำ”

  

เซี่ยจิงหยูรู้สึกว่าซือหยูแปลกไปราวกับว่าชายที่ยืนอยู่หน้านางนั้นเป็นคนละคนกับที่นางเคยรู้จัก

  

“ข้าจะพูดอีกครั้ง…ความตายของนางมิคู่ควรแก่ความเสียใจและส่วนเจ้า เจ้าก็อย่าหวังว่าจะอยู่รอดพ้นวันนี้เลย! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้หมด!”

  

เซี่ยจิงหยูตะโกน

  

นางยกมือขึ้นอาวุธเทพปรากฏขึ้นมา นางแทงมันเข้าไปที่อกของซือหยู! ซือหยูตกใจมาก เขาพยายามจะเรียกพลังชีวิตออกมาป้องกัน แต่เขาก็ต้องใจสั่นเมื่อพบว่าเขาไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่เลย!

  

เมื่อตระหนักถึงร่างกายตัวเองเขาก็ตัวแข็งทื่อ จุดกำเนิดพลังของเขาถูกพลังของกระบี่ปราบมังกรทะลวงเข้าไป และแก้วพลังชีวิตที่เหลืออยู่สองดวงของเขาก็แตกสลายไปแล้ว! เขาเสียแก้วพลังทั้งหมดและฐานพลังไปด้วย

  

เซี่ยจิงหยูแทงอาวุธด้วยจิตสังหารไปยังจุดตายของเขาอย่างแม่นยำและหวูอู๋ยี่ที่จะมาเตือนเขาก็ยังอยู่ห่างออกไปสามสิบลี้ ไม่มีทางที่นางจะมาช่วยซือหยูได้ทัน! เรื่องกลับกลายเป็นว่าซือหยูจะถูกเซี่ยจิงหยูฆ่าตายโดยไม่มีใครคาดคิด!

  

แกร๊ง!

  

แต่ก็มีคนเข้ามาขวางนางได้พอดิบพอดีพลังของคนผู้นั้นสะท้อนอาวุธของเซี่ยจิงหยูไปอย่างง่ายดาย เขาเป็นชายสวมผ้าคลุมอายุราวสามสิบปี เขาเข้ามาขวางหน้าซือหยูเอาไว้ เขามีใบหน้าที่อ่อนโยนและหล่อเหลาที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น แววตาของเขาดูเฉลียวฉลาดราวกับนักปราชญ์

  

“วู่เหิง?”

  

เหล่าคนที่มองดูเหตุการณ์จำเขาได้ในทันทีทุกคนในก้นบึ้งมังกรกลั้นหายใจ พวกเขาตกใจเมื่อเห็นวู่เหิงอย่างชัดเจน

  

เพราะหลังจากที่วู่เหิงได้กลายเป็นภูติระดับสามจากความช่วยเหลือของซือหยูเขาได้ทำร้ายหวูอู๋ยี่ ทรยศต่อเขา และหนีออกมา ไม่มีใครพบเจอเขาจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครคิดเลยว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาในสถานการณ์ที่สิ้นหวังที่สุดของซือหยูเพื่อช่วยเขา!

  

“นายน้อยข้ามาสาย…โปรดลงโทษแก่ความเชื่องช้าของข้าผู้นี้ด้วย”

  

วู่เหิงหันไปโค้งคำนับต่อซือหยูด้วยความนับถือ

  

ซือหยูยังคงจ้องมองเซี่ยจิงหยูมาโดยตลอดเขาจ้องมองนางจนสายตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง

  

“เซี่ยจิงหยูเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

  

“ฮึ่ย!ไอ้ตัวยุ่ง!”

  

เซี่ยจิงหยูมองวู่เหิงอย่างไม่พอใจ

  

นางรำคาญที่เขาเข้ามายุ่งนางตะโกนอย่างเย็นชา

  

“ข้าต้องการอะไรน่ะรึ?อย่างแรก ข้าจะเอาร่างเซี่ยนเอ๋อให้กับฟู่กุยให้เขาได้พลังสายโลหิตของนาง และข้าก็จะเอาหัวของเจ้าไปเป็นของขวัญแก่ราชาเขตกลาง!”

  

นางจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ

  

“นี่เป็นทางเดียวที่ข้าจะได้มีโอกาสเลือกเส้นทางของข้าและข้าก็จะได้เป็นสนมของราชาเขตกลาง”

  

เซี่ยจิงหยูพูดกับซือหยูอย่างเยือกเย็นต่อไป

  

“ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆที่แสดงให้ข้าเห็นว่าทุกคนมันเห็นแก่ได้พอได้คิดเรื่องที่ข้าต้องทนทุกข์เพื่อเจ้า ข้าก็ได้รู้แล้วว่าข้ามันน่าขันและโง่เขลานัก!”

  

“ตอนนี้ข้ารู้ความจริงแล้วชะตาของข้าคือการได้เป็นสนมของราชาเขตกลาง ข้าจะใช้อำนาจของเขาไล่ตามเส้นทางการบ่มเพาะพลังต่อไป!”

  

ซือหยูตกตะลึงเมือ่ได้ยินว่าเซี่ยจิงหยูอยากจะเป็นสนมของราชาเขตกลางซือหยูนิ่งราวกับท่อนไม้ไปนาน สีหน้าของเขาเศร้าหมอง ไม่ว่าคำพูดจากนางจะเป็นการระบายความโกรธแค้นหรือแผนที่แท้จริงของนาง ซือหยูก็มิอาจตอบกลับได้

  

“จิงหยูรีบคืนเซี่ยนเอ๋อให้ข้าก่อนเจ้าจะทำความผิดพลาดที่จะต้องเสียใจเถอะ ข้ายินดีจะแลกชีวิตกับนางด้วยซ้ำ…”

  

ซือหยูพูด

  

เซี่ยจิงหยูถอนหายใจแรง

  

“ฝันไปเถอะ!เจ้าไม่อะไรเหลืออีกแล้วแม้แต่ฐานพลัง เจ้ามันก็แค่คนพิการ! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า?”

  

นางหันไปมองฟู่กุย

  

“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะฆ่าซือหยูเพื่อชดใช้ความผิดต่อกู้ไทซูหรอกรึ?”

  

เพราะเขาใช้ร่างเงาของกู้ไทซูมาเป็นเกราะมนุษย์ถ้าเขาไม่ฆ่าซือหยู กู้ไทซูก็คงไม่มีเหตุผลในการอภัยเขาแน่

  

“เจ้าไม่ต้องพูดข้าก็รู้!”

  

ฟู่กุยตกใจกับคำพูดของนางจิตสังหารของเขาพวยพุ่งขึ้นมา แม้เซี่ยจิงหยูจะเป็นหนึ่งในคนที่เขาต้องสังหาร แต่ซือหยูก็เป็นเป้าหมายหลัก!

  

“แย่แล้ว!นายน้อยต้องหนี! เร็วเข้า!”

  

วู่เหิงตกใจเมื่อเห็นว่าจ้าวเทวะกำลังจะจูาโจมเขาไม่กล้าจะรีรอ

  

เขาคว้าตัวซือหยูอย่างมั่นคงและรีบหันหนีไป

  

“นายน้อยตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตก็ยังมีหวัง ท่านเสียฐานพลังไปแล้ว ท่านทำอะไรเขาไม่ได้ในตอนนี้ แต่ถ้านายน้อยตายที่นี่ก็จะไม่มีใครไปชิงร่างแม่นางฉินกลับมา โปรดท่านจงทนเอาไว้ก่อน”

  

เขาบอกได้เลยว่าจิตสังหารกำลังพุ่งพล่านอยู่ในใจของซือหยูจนทำให้เขาลืมเหตุลืมผลซือหยูมิอาจขัดขืนเมื่อได้ฟังคำพูดของวู่เหิงแม้ว่าในใจจะร้อนแรงดั่งเพลิง ในหัวของเขามีแต่จิตสังหารที่พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ

  

แม้ว่าเขาจะสูญเสียความเยือกเย็นไปจนหมดแต่เหตุผลเดียวที่ยังเหลืออยู่ก็คือการที่เขาจะไม่มีทางได้ฉินเซี่ยนเอ๋อกลับมาถ้าหากทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด

  

ในตอนนั้นหวูอู๋ยี่ได้มาถึงพอดี นางมองเซี่ยจิงหยูด้วยความเกลียดแค้น

  

“เจ้ามันก็แค่ผู้หญิงโง่อวดดีเท่านั้น!”

  

ซือหยูมีลางร้ายว่าเขาจะต้องเจอกับภัยร้ายครั้งใหญ่เขาจึงมอบหมายแก่วู่เหิงล่วงหน้าให้เขาช่วยเซี่ยจิงหยู แค่การกระทำนี้เพียงอย่างเดียวก็เห็นได้เลยว่าเซี่ยจิงหยูได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญในหัวใจของเขา

  

แต่ท้ายสุดเซี่ยจิงหยูกับหักหลังเขาอย่างไร้เยื่อใยและยังอยากจะเอาชีวิตเขาเข้าไปต่อรองเพื่อความมั่งคั่งในอนาคต! นางทำให้เขาผิดหวังอย่างร้ายแรง

  

“คิดจะหนีรึ?”

  

เซี่ยจิงหยูพูดอย่างเยือกเย็นนางกำกระบี่แน่นและไล่ตามพวกเขา

  

ฟู่กุยเข้าใกล้ซือหยูอย่างรวดเร็วด้วยเขาเร็วจนแทบจะมองตามไม่ทัน!

  

ในตอนนั้นแววตาซือหยูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาพูดเบาๆ

  

“กิเลนน้อยกระบี่นั่น!”

  

ในตอนนั้นแสงสีชมพูปรากฏขึ้นบนใหญ่ของซือหยู มันคายกระบี่ปราบมังกรในปาก ซือหยูยื่นมือคว้ากระบี่เอาไว้ ถึงเขาจะไร้ซึ่งฐานพลัง กายามังกรของเขาก็ยังคงใช้การได้

  

เมื่อถือกระบี่ภูติในมือก็สัมผัสได้ว่ามันหนักอย่างมากแต่เขายังคงกำมัดเอาไว้

  

“กระบี่ปราบมังกรจัดการมัน!”

  

ซือหยูแกว่งกระบี่ออกไป

  

แม้ว่าเขาจะไม่ใช้พลังเลยกระบี่ก็มีพลังที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง เพียงวิถีกระบี่ก็ทรงพลังอย่างมากแล้ว พลังกระบี่สีแดงฉานได้พุ่งเข้าใส่ฟู่กุยที่พุ่งเข้ามา

  

“บัดซบ!”

  

แม้แต่คนอย่างฟู่กุยก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับกระบี่ตรงๆเขาสบถและรีบถอยกลับ

  

ในตอนนั้นแสงจางๆได้ปรากฏเหนือศีรษะของเซี่ยจิงหยู มีเงาคนร่างโปร่งใสเล็กๆปรากฏขึ้นมา คนตัวเล็กนั้นเป็นสตรีที่น่ามอง นางมองซือหยูด้วยความเคียดแค้น

  

นางพุ่งเข้าไปขวางพลังกระบี่และสะท้อนมันออกไปซือหยูตกใจมากเมื่อได้เห็นนาง

  

เขาตะโกน

  

“ฮงหลวน!นี่เจ้า!”

  

นางคือฮงหลวนหนึ่งในสามอสูรเนรมิตรแห่งดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด! ร่างเงาของนางเคยสิงซื่อเหลียนอยู่หนึ่งครั้ง และครั้งสุดท้ายที่นางปรากฏตัวก็คือตอนที่เขาอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์

  

แต่ในครั้งนั้นนางถูกซือหยูร่างมืดสังหารไป! แต่ดูเหมือนว่าจะมีเสี้ยววิญญาณของนางที่หนีมาได้อย่างคาดไม่ถึง และตลอดมา นางก็ได้สิงร่างของเซี่ยจิงหยูและควบคุมนาง!

  

“เจ้าหนูจงเจ็บปวดจนตายไปซะ กล้าดียังไงมาทำลายวิญญาณของข้า!”

  

ดวงตาฮงหลวนมีแต่ความเคียดแค้น

  

นางต้องการจะไล่ล่าและสังหารซือหยูแต่กระบี่ปราบมังกรได้ขวางทางนางเอาไว้ และตอนนี้ซือหยูก็ถูกวู่เหิงกับหวูอู๋ยี่พากลับมายังก้นบึ้งมังกรแล้ว!

  

ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาสูดหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นเสี้ยววิญญาณเหนือหัวเซี่ยจิงหยู

  

“ฮง…ผู้เฒ่าฮงหลวน!”

  

เขาอุทานออกมาฟู่กุยตกใจมากจนแสดงออกทางสีหน้า

  

ฮงหลวนมองไปที่ฟู่กุยนางมิได้แสดงความรู้สึกหรือความอวดดีใดๆออกมา ตอนนี้นางเป็นแค่เสี้ยววิญญาณที่มิอาจโอหัง นางต้องเจียมตัวเอาไว้

  

“ฟู่กุยเรียกองครักษ์แสงกระจ่างมาที่นี่ ข้าจะต้องทำลายผนึกและฆ่าไอ้เด็กนั่น”

  

ฮงหลวนสั่งเขาและโบกมือเรียกหอคอยจักรพรรดิมาขว้างให้กับเขา

  

ฟู่กุยรู้สึกกระอักกระอ่วน

  

“นี่มัน…”

  

แม้ฮงหลวนจะมาจากเขตกลางเหมือนกับเขานางก็ไม่มีอำนาจจะเข้าแทรกแทรงเรื่องของเฉินหลง ดังนั้นนางจึงไม่มีสิทธิ์มาสั่งเขา

  

“เจ้าจะลังเลอะไรอยู่?เจ้าไม่คิดรึว่าการฆ่าไอ้เด็กนี่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย?”

  

ดูเหมือนว่าฮงหลวนจะอ่านใจเขาได้

  

นางพูดกับเขาอย่างเยือกเย็น

  

“ร่างวิญญาณของข้าถูกไอ้เด็กนี่ทำลายไปถ้าเจ้าไม่รีบฆ่ามันก็อย่าหวังจะได้หาเฉินอี้เจิงอย่างสงบเลย!”

  

อะไรนะ?ฟู่กุยตกตะลึง ร่างวิญญาณของฮงหลวนถูกซือหยูทำลายไปงั้นรึ? ร่างวิญญาณของฮงหลวนควรจะมีพลังอย่างน้อยที่จ้าวเทวะ แต่นางก็ถูกทำลายด้วยมือของเด็กคนนี้เนี่ยนะ?

  

เขาย้อนกลับไปคิดถึงพลังปีศาจที่เกือบจะเอาชีวิตเขาไปฟู่กุยจ้องมองซือหยูที่กำลังจะตายพลางคิด…ข้าจะไว้ชีวิตไอ้เด็กนี่ไม่ได้!

  

เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ฆ่าซือหยูเขาก็ไม่อาจจะหาเฉินอี้เจิงได้ง่ายๆ! และเขาก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะทำเรื่องนี้ได้คนเดียว และร่างวิญญาณของฮงหลวนก็สั่งให้เขาเรียกองครักษ์แสงกระจ่างมาด้วย

  

“ก็ได้ข้าจะทำ แต่การเรียกหนึ่งในองครักษ์แสงกระจ่างทั้งสิบจะต้องใช้พลังของหอคอยจักรพรรดิไปมากกว่าครึ่ง มันจะเหลือพลังแค่สี่ส่วนเท่านั้น เราควรจะเรียกจ้าวเทวะคนอื่นมาด้วย”

  

ฟู่กุยแนะนำ

  

ฮงหลวนเลิกคิ้ว

  

“นั่นคงจะไม่เหมาะคงจะดีกว่าถ้าให้จักรพรรดิโลหิตมาจัดการกับเรื่องนี้”

  

จักรพรรดิโลหิตรึ?ฟู่กุยอับอายอย่างมาก

  

“จักรพรรดิโลหิตบาดเจ็บเขาปิดประตูฝึกตนไปเมื่อไม่นานนี้ ถึงเขาจะรู้เรื่อง เขาก็คงไม่มาที่นี่หรอก”

  

ฮงหลวนตกใจมากนางถาม

  

“จักรพรรดิโลหิตบาดเจ็บรึ?ฝีมือใครกัน? มีอสูรเนรมิตรคนอื่นในดินแดนพรสวรรค์ด้วยรึ?”

  

“ข้าก็คิดว่ามันเป็นฝีมือของอสูรเนรมิตร…”

  

ฟู่กุยตอบดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดิโลหิตบาดเจ็บเพราะซือหยู

  

“โลกจิวโจวมียอดฝีมือมากมายนักเป็นไปได้ที่จักรพรรดิโลหิตจะบาดเจ็บ แต่เจ้าก็ควรจะต้องบอกเขา ถึงตอนนั้นก็อยู่ที่ว่าเขาจะมาหรือไม่…”

  

ฮงหลวนวิเคราะห์ต่อ

  

ฟู่กุยพยักหน้าเขามองร่างไร้วิญญาณของฉินเซี่ยนเอ๋อด้วยความลังเล

  

“เลิกคิดเรื่องนางจะดีกว่าข้าต้องเอาร่างนางไปตรวจสอบ…”

  

ฮงหลวนกล่าว

  

ฟู่กุยไม่พอใจอย่างมากแต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรเขาถอยไปทำตามคำสั่งของนาง

  

ฮงหลวนกันไปมองเซี่ยจิงหยูขณะที่ยิ้มเบาๆ

  

“คนอื่นคงคิดว่าเจ้าหักหลังซือหยูเพราะถูกข้าควบคุมใครจะไปรู้เล่าว่าเจ้าทำทุกอย่างด้วยตัวเองโดยที่ไม่เกี่ยวกับข้า?”

  

ใบหน้าที่งดงามของเซี่ยจิงหยูมิได้แสดงความรู้สึกใดออกมา

  

“มันไม่สำคัญหรอกเขาทำร้ายข้ามาขนาดนี้! ถ้าความรู้สึกพวกนี้ไม่หายไปจากข้า ข้าก็จะตกต่ำไปมากกว่านี้ ข้าต้องทิ้งคนพวกนั้นแล้วเริ่มเดินตามทางของตัวเอง!”  ฮงหลวนหัวเราะเบาๆ

  

“เจ้านี่มันร้ายนัก!”