DND.719 – ก่อร่างจุดกําเนิดพลังขึ้นใหม่
ก้นบึ้งมังกรเงียบเชียบลงซือหยูลงเอยด้วยการเสียฐานพลังทั้งหมดไปและกลายเป็นแค่คนธรรมดาหลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ เขาอ่อนแอกว่าภูติทั่วๆไปอย่างมิอาจต่อกร
ซือหยูยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายคำพูดที่เซี่ยนเอ๋อพูดก่อนตายยังคงดังก้องอยู่ในใจของเขา…
‘อย่าตายนะ!ไม่มีพี่แล้วข้าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?’
นางพูดในตอนที่แนบอยู่กับอกของเขา
‘พี่ซือหยูข้าจะรักพี่ตลอดไป’
นั่นเป็นคำพูดในตอนที่นางจางหายไปขณะที่ยิ้มอย่างพอใจนางมองซือหยูตั้งแต่ต้นจนจบ
ครั้งนั้นคือเวลาที่ซือหยูได้รับรู้ว่านางต้องเดียวดายแค่ไหนเขาเอาแต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะดูแลเซี่ยนเอ๋อ แต่เขาก็ไม่เคยห่วงใยหรือใส่ใจในความรู้สึกจริงๆของนาง
สิ่งที่เขาใส่ใจก็คือการทำคำสัญญาที่ได้ลั่นวาจาไว้แต่มิใช่เพื่อเซี่ยนเอ๋อ คนที่เห็นแก่ตัวหาใช่ใครอื่นนอกจากตัวเขาเอง
เขามิอาจเข้าใจรอยยิ้มยินดีของเซี่ยนเอ๋อก่อนที่นางจะจากไปน้ำตาอาบแก้มทั้งสองเป็นสายเมื่อเขาคิดถึงเหตุการณ์นั้น
ในวันนี้เขาได้เสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป สตรีที่รักเขาที่สุด เขายังต้องทนความเจ็บปวดที่จุดกำเนิดพลังถูกทำลายอีก
“นายน้อย…”
“ซือหยู…”
หวูอู๋ยี่ฉีหยุนเซี่ยง และคนอื่นๆเข้ามาหาและเรียกเขาเบาๆ พวกเขาอยากจะปลอบซือหยูแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
“ข้าอยากจะอยู่คนเดียวสักหน่อย”
ซือหยูโบกมือให้พวกนางออกไปเขาเดินไปยังภูเขาลูกเล็กคนเดียวท่ามกลางความมืดมิดของก้นบึ้งมังกร เขานั่งที่นั่นและไม่ขยับเขยื้อน
เขานั่งอย่างเงียบเชียบไปหนึ่งชั่วยาม…สิบชั่วยาม…แม้จะผ่านไปทั้งวันเขาก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น
…
หลายวันผ่านไปเขาดูเหมือนกับรูปปั้นศิลา เขานั่งนิ่งไม่ขยับแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตลอดเวลา เขาไม่ได้หลับตาแม้แต่ครั้งเดียว ใบหน้าของเขาซีดเซียว ร่างกายของเขาซูบผอมลง
หวุอู๋ยี่ยืนหน้าภูเขาเพื่อปกป้องเขาหัวใจของนางเจ็บปวดทุกครั้งที่มองซือหยู เรื่องของเซี่ยนเอ๋อนับเป็นเรื่องร้ายแรงกับเขา และเขาก็ยังมิอาจก้าวข้ามไปได้
“แม่นางหวูได้โปรดให้ข้าเข้าไปเจอเขาเถอะ”
ฉีหยุนเซี่ยงดวงตาบวมแดงนางเจ็บปวดเมื่อได้เห็นซือหยูในสภาพนี้
หวูอู๋ยี่ส่ายหน้าใบหน้าของนางหนักแน่น
“เลิกถามได้แล้วนายน้อยของข้าไม่ต้องการคำปลอบโยนจากเจ้า เขาเพียงต้องการอยู่คนเดียว ต่อให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้”
นางพูดและมองไปยังกลุ่มสตรีที่อยู่ไม่ไกลจากฉีหยุนเซี่ยงเหล่านั้นมีองค์หญิงหยุนหยาน หยูโหรว ม่ออู๋ จ้าวคณะวิหคเพลิง และเฟิงเซี่ยง พวกนางคือเหล่าสตรีที่เคยได้ผ่านเข้ามาในชีวิตซือหยู และพวกนางก็ทนไม่ได้ที่เห็นซือหยูเป็นแบบนี้
“โปรดบอกซือหยูว่าเซี่ยนเอ๋อยังคงรอให้เขาไปช่วยนางเขาควรจะมีสติกลับมาได้แล้ว…”
ฉีหยุนเซี่ยงพูด
หวูอู๋ยี่พยักหน้าก่อนจะหลับตาช้าๆแต่ในตอนนั้นเอง ซือหยูได้ขยับตัว! เขายืนขึ้นและสะบัดฝุ่นที่สะสมบนตัวเขา
มีฝุ่นหนาเกาะร่างของเขาในตอนที่เขานั่งนิ่งเป็นรูปปั้นมานานเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม ผู้ที่สวมชุดขาวสะอาดเรียบง่ายและไร้ฝุ่นผง แม้ว่าเขาจะดูผอมลง เขาก็ตัวสูงโปร่งอย่างเคย
แต่สิ่งที่ทำให้พวกนางสับสนก็คือเส้นผมสีเงินที่เสียความเงางามไปมันกลายเป็นสีขาวราวหิมะ เส้นผมของเขาได้หงอกขาวจากการย้ำคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เส้นผมขาวได้สยายออกเมื่อเขายืนขึ้นช้าๆ
“ยี่เอ๋อมาหาข้า…”
เสียงของเขาแหบราวกับไม่ใช่มนุษย์ดูเหมือนว่าเวลาหลายวันที่ผ่านไปจะทำให้เสียงของเขาหายไปด้วย
หวูอู๋ยี่สั่นไปทั้งตัวเมื่อเงยหน้ามองชายผมขาวซือหยูในตอนนี้ราวกับเป็นคนละคน
หวูอู๋ยี่เจ็บแปลบในใจนางปีนเขาและคุกเข่าต่อหน้าเขา
“นายน้อยท่านต้องการสิ่งใดรึ?”
ซือหยูหันมามองความรู้สึกต่างๆของเขาหายไปหมดแล้ว ใบหน้าของเขาไร้สีสันและซีดเผือด
“ยี่เอ๋อข้าอยากสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่ จะช่วยข้าได้หรือไม่?”
เขาถาม
หวูอู๋ยี่ตกใจมากและยินดีกับคำขอของเขา
“นายน้อยท่านมีวิธีสร้างมันขึ้นมาใหม่งั้นรึ? ทำไมท่านไม่พูดมาก่อนหน้านี้เล่า?”
นางตื่นเต้นอย่างมาก!ถ้าซือหยูได้พลังกลับมา เขาก็จะออกจากที่นี่ไปต่อสู้และเอาตัวเซี่ยนเอ๋อกลับมาได้ และเขาก็จะได้ฆ่าผู้หญิงอวดดีอย่างเซี่ยจิงหยูด้วย!
“นายน้อยต้องการสิ่งใดจากข้ารึ?ข้าจะไม่ลังเลที่จะช่วยนายน้อยแน่นอน”
หวูอู๋ยี่สงสัยและคิดว่าซือหยูจะใช้วิธีใดในการรักษาตัวเองซึ่งบางทีอาจจะช่วยให้นางเรียนรู้ได้อีกขั้น
ซือหยูหันไปมองหวูอู๋ยี่เส้นผมขาวปลิวไสวตามแรงลม แรงของเขาแล่นผ่านมาอย่างเงียบเชียบ
“ข้าต้องการหยินของเจ้า”
หวูอู๋ยี่เบิกตาโพลงนางไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ซือหยูต้องการจะเป็นหยินของนาง! หรือพูดอีกอย่างก็คือเขาต้องการให้นางเป็นผู้หญิงของเขาและมอบความบริสุทธิ์ให้
หวูอู๋ยี่ขบริมฝีปากนางขัดขืนอยู่ภายใน นางนับถือซือหยูและรู้สึกขอบคุณเขามาก แต่นางก็รู้ว่านางจะไม่มีทางได้อยู่กับเขา แม้ว่านางจะต้องมอบครั้งแรกให้กับเขาก็ตาม เพราะอย่างไรเขาก็แต่งงานและรักคนอื่นไปแล้ว!
“ถ้าเจ้าไม่เต็มใจก็จงลืมไปเสีย”
ซือหยูถอนหายใจ
“มันเป็นวิธีที่ยากจริงๆ…”
แต่ทันทีที่เขาพูดเขาก็ได้ยินเสียงปลดเปลื้องผ้ามาจากด้านหลัง เมื่อเสียงนั้นหายไป ความอบอุ่นพร้อมกับร่างอันนุ่มลื่นก็ได้แนบชิดกับหลังของเขา
“เจ้าไม่เสียใจรึ?ความสัมพันธ์เช่นนี้มิได้เติบโตเป็นสิ่งใดเลย”
ซือหยูไม่หันไปมองนาง
หวูอู๋ยี่สีหน้าขมขื่นใบหน้าขาวราวหิมะของนางแดงระเรื่อขึ้นมา
“ถ้านายน้อยต้องการสิ่งใดไม่ว่าอะไรข้าก็จะให้”
หวูอู๋ยี่ได้ขยับตัวมาข้างหน้าเมื่อซือหยูลังเลและกอดเขา
“ทำเพื่อเซี่ยนเอ๋อเถอะ”
นางขมขื่นจากข้างในนางกำลังจะทิ้งครั้งแรกของตัวเองไปเพื่อสตรีอื่น ซือหยูถอนหายใจและกดนางลงกับพื้น ทั้งสองสอดประสานกัน เสียงครางเบาๆดังไปชั่วเวลาหนึ่ง
…
ผ่านไปครึ่งชั่วยามซือหยูหยิบขนนกสีขาวออกมา มันคือขนนกที่เซี่ยนเอ๋อเจอจากซากของราชาภูติ และวิชาการรักษาจุดกำเนิดพลังก็ถูกบันทึกเอาไว้ด้วย
พลังหยินจำนวนมากและวารีเทวะของราชาภูติเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่และมันจะใช้วิธีนี้ได้ก็ต่อเมื่อจุดกำเนิดพลังของเขาถูกทำลายจนไม่เหลือสิ่งใด ดังนั้นวิชานี้จึงไร้ประโยชน์ในตอนที่เขาถูกจักรพรรดิโลหิตทำลายแก้วไปหนึ่งดวง
ซือหยูสวมเสื้อผ้าและหลับตาชี้นำทางหยินไปยังจุดกำเนิดพลังที่ถูกทำลายจุดกำเนิดพลังของเขาถูกแทงจนทะลุ ไม่ว่าพลังวิญญาณใดจะเข้าไป มันก็พร้อมที่จะไหลออกมา
จุดกำเนิดพลังที่ถูกแทงทะลุทำให้เขามิอาจเก็บสะสมพลังจนสร้างแก้วพลังขึ้นมาได้สิ่งที่เขาต้องทำในขั้นแรกคือการก่อร่างและบุผนังเก็บพลังให้ครบถ้วน
พลังหยินนั้นมีผลในการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่เพราะเหตุนี้ ผู้บ่มเพาะพลังที่ชั่วช้ามากมายจึงได้ใช้มันในการเก็บสะสมพลัง พลังหยินจึงเป็นพลังที่สำคัญที่จะทำให้เขาได้พลังกลับมาอีกครั้ง
หวูอู๋ยี่นั้นอายุยี่สิบห้าปีนางสงวนกายไว้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องจึงทำให้มีพลังหยินอยู่มาก เขาทำพาพลังหยินของนางไปยังจุดกำเนิดพลังที่ถูกทำลาย
จุดกำเนิดพลังของคนธรรมดามีขนาดเท่ากำปั้นการสร้างขึ้นมาใหม่จะต้องสร้างจุดกำเนิดพลังใหม่เหนือจุดเดิม แต่พื้นที่ในช่องท้องของเขามีจำกัด เขาจึงไม่มีพื้นที่มากพอในการสร้างมันขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องสร้างจุดกำเนิดพลังใหม่ล้อมรอบจุดกำเนิดพลังเดิม มันเหมือนกับการห่อเนื้อบดด้วยแผ่นเกี๊ยว! เขาต้องปกคลุมผิวจุดกำเนิดพลังเก่าด้วยพลังหยิน เมื่อปิดมันหมดแล้ว จุดกำเนิดพลังใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นที่นั่น
ซือหยูนำทางพลังหยินไปอย่างระมัดระวังเขารู้ว่าจะต้องไม่ใช้พลังหยินอันล้ำค่าอย่างสูญเปล่า
เวลาผ่านเลยไปเขาได้ใช้พลังหยินของหวูอู๋ยี่จนหมดเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยาม แต่เขาก็ต้องถอนหายใจเบาๆเมื่อพบว่าพลังหยินทั้งหมดของนางปกปิดจุดกำเนิดพลังของเขาได้ไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วน นั่นหมายความว่าเขาต้องการพลังหยินจากสตรีบริสุทธิ์อย่างหวูอู๋ยี่อีกร้อยคน
เขามีตำแหน่งใหญ่ในฐานะเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์และก็มีอำนาจอยู่มากถ้าอยู่ในโลกภายนอก เขาคงหาสตรีที่เต็มใจจะเสนอร่างกายให้กับเขามากกว่าร้อยคนได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ก้นบึ้งมังกร มีหญิงสาวอยู่ที่นี่ไม่ถึงหมื่นคน
ในหมื่นคนนี้คงมีไม่ถึงพันคนที่ยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ เขาคงจะหาผู้หญิงร้อยคนที่เต็มใจเสนอร่างกายให้เขาได้แน่นอน
วิชานี้คือเหตุผลในเบื้องลึกที่บางวิชาต้องการสตรีที่มีกายาหยินที่สูงส่งนอกจากผู้ที่บ่มเพาะวิชาที่ชั่วร้ายที่บังคับฝืนใจสตรี…คนธรรมดาๆจะหาสตรีบริสุทธิ์ที่เต็มใจจะมอบร่างกายให้ได้ยังไงกัน? ซือหยูถอนหายใจ การใช้วิธีนี้นั้นช่างยากลำบากนัก
“ซือหยูทำไมไม่ลองกับข้าล่ะ?”
เสียงอ่อนโยนเหนียมอายที่เบาราวกับเสียงยุงดังขึ้นมา
เขาเงยหน้ามองและพบองค์หญิงหยุนหยานที่มาอยู่ข้างๆอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสำนักหลิวเซี่ยนทำให้นางเลือกจะปิดตัวอยู่ในตระกูลหยุนและไม่กล้าจะเผยตัวต่อผู้คน
ซือหยูตกใจมากเขามองรอบๆและพบว่าหวูอู๋ยี่ได้ลงจากภูเขาไปแล้ว นางเหลือไว้เพียงคราบโลหิตบนพื้น
องค์หญิงหยุนหยานไม่กล้าจะมองซือหยูตรงๆนางพยักหน้า
“นางบอกทุกอย่างกับข้าแล้วข้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้ายังมีพลังหยินเหลืออยู่เพราะไม่ได้ถูกเอาไปหมดในครั้งนั้น มันคงจะช่วยเจ้าได้บ้าง”
ซือหยูลังเลเมื่อได้ยินนางและองค์หญิงหยุนหยานก็ได้ปลดเปลื้องผ้าเอนกายเข้าหาซือหยูในตอนนั้นเอง นางพูดเบาๆ
“เริ่มกันเถอะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรา เจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะเจ็บหรอก”
ซือหยูรู้สึกหนักอึ้งในใจเมื่อนางพูดออกมาเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและจรดร่างนางลงกับพื้น เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาก็เริ่มใช้พลังหยินของนาง
พลังยินของนางนั้นด้อยกว่าหวูอู๋ยี่อย่างมากแต่ซือหยูก็ใช้มันอย่างระวัง และเมื่อใช้จนหมดก็มีสตรีอีกสองคนปรากฏตัวต่อหน้าเขา!
“ท่านจ้าวคณะ?เฟิงเซี่ยน?”
ซือหยูตกตะลึง
เฟิงเซี่ยนยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ข้าไม่มีพลังหยินเหลืออยู่แล้วแต่อาจารย์ข้ายังพอมีอยู่บ้าง เจ้าไม่ต้องเก็บมันเอาไว้หรอก”
นางเดินลงจากภูเขาช้าๆเมื่อพูดจบนางปรากฏตัวเพียงเพื่ออยู่เคียงข้างจ้าวคณะวิหคเพลิงที่ไม่มีความกล้ามากพอ
จ้าวคณะวิหคเพลิงหน้าแดงเมื่อพูดเบาๆ
“เอาล่ะข้าจะให้เจ้าได้เสพร่างนี้อีกครั้ง”
…
พลังหยินของนางมิได้มีอยู่มากและคุณภาพของพลังก็เหนือกว่าองค์หญิงหยุนหยานเพียงเล็กน้อย ซือหยูดวงตาเป็นกังวล เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสร้างฐานพลังขึ้นใหม่ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ เขารู้สึกว่าเมื่อเวลาผ่านไป พลังหยินที่เขาได้รับมาจะเริ่มสลายไปแล้ว
พอถึงตอนนั้นก็มีสตรีอีกสองคนมาหาเขา…
“ท่านหยูโหรว?ม่ออู๋?”
ซือหยูตกตะลึงอีกครั้งสีหน้าของเขาหม่นหมองและรีบโบกมือให้พวกนางกลับไป
“โปรดลงไปจากที่นี่เถอะพวกเรามิได้ใกล้ชิดต่อกัน ข้ารับพลังหยินของพวกท่านไม่ได้หรอก”
ใบหน้างดงามของหยูโหรวแดงระเรื่อผิวขาวของนางราวกับได้สะท้อนกับอาทิตย์อัสดง นางชวนให้หลงใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ