ตอนที่ 720

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.720 – เนตรเงินล้างอสูร

 

“ข้าน่าจะช่วยเจ้าได้เจ้าลืมไปแล้วรึว่าทำไมลู่จุนถึงอยากได้ตัวข้านัก?”

  

หยูโหรวสางผมของนางขณะที่พูดอย่างอ่อนโยน

  

นางพูดต่อ

  

“ข้ามีกายาหยินที่มีพลังอยู่มากข้ามีพลังหยินที่เทียบเท่าสตรีบริสุทธิ์ร้อยคน ถ้าเจ้าไม่อยากให้มีสตรีใดเสนอตัวมามากไปกว่านี้ เจ้าก็ไม่ควรจะลังเลอีก”

  

ซือหยูคิดย้อนกลับไปลู่จุนจากพันธมิตรร้อยดินแดนได้ใช้เวลาร่วมสิบปีเพื่อจับตัวหยูโหรว นั่นก็เพราะว่านางมีกายาหยินที่มีพลังมหาศาล

  

ซือหยูเลิกคิ้วเมื่อคิดได้ว่าหยูโหรวมีร่างกายเช่นนั้นจริงม่ออู๋ขมวดคิ้วขณะที่ซือหยูลังเล

  

“ทำไมบุรุษอย่างเจ้าถึงตาขาวนัก?หลับตาแล้วหุบปากไปซะ”

  

ซือหยูเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับให้แก่ทั้งคู่

  

“แม่นางบุญคุณต่อท่านยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ต่อให้จะแก่เฒ่าฟันฟางหลุดร่อนก็มิอาจลืมเลือน”

  

เขาพูดและหลับตาปล่อยให้หยูโหรวเป็นคนเริ่มไม่นานก็มีร่างอันเรียบเนียนและอบอุ่นเข้ามาหลอมรวมกับเขา เมื่อทั้งคู่ร่วมรักกันได้ครู่หนึ่งซือหยูก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แม้ว่าพลังหยินนี้จะไม่ได้อ่อนด้อย แต่มันก็เพียงเทียบเท่าหวูอู๋ยี่เท่านั้น

  

เขาลืมตาช้าๆและพบว่าสตรีที่อยู่บนตัวของเขากลับเป็นคนอื่น!

  

“ม่ออู๋!”

  

ซือหยูตกตะลึงคนที่เข้ามาในอ้อมกอดของเขาเมื่อครู่มิใช่หยูโหรวแต่เป็นม่ออู๋!

  

“อะไรกัน?เจ้ารังเกียจข้าขนาดนั้นเชียวรึ?”

  

ม่ออู๋เลิกคิ้วและทำใบหน้าร้ายๆนางหน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก

  

หยูโหรวที่อยู่ข้างๆถอนหายใจเบาๆ

  

“ม่อเอ๋อเจ้าไปได้แล้วล่ะ ถ้าไม่มีสิ่งใดติดค้างในใจเจ้า เจ้าก็บ่มเพาะอย่างสงบสุขได้แล้วล่ะ”

  

นางถอดเสื้อผ้าขณะที่พูดและเข้าไปที่อ้อมกอดของซือหยู

  

ลมหายใจของนางหอมหวานยิ่งนัก

  

“ข้ากับศิษย์ข้าลงเอยต้องมอบร่างกายให้เจ้าในวันนี้”

  

ผ่านไปอีกนานหยูโหรวได้ลงจากภูเขาไปทั้งที่แก้มยังแดงอยู่ และนางทำให้ซือหยูได้พลังหยินไปเป็นจำนวนมาก!

  

พลังหยินของนางเป็นอย่างที่นางกล่าวไว้มันเหนือกว่าผู้หญิงธรรมดามากกว่าร้อยคน พลังหยินเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของซือหยูราวกับน้ำหลาก มันปกปิดทุกระเบียดนิ้วจนหมด!

  

ครู่ก่อนเขายังกังวลอยู่เลยว่าเขาจะได้พลังหยินมากพอหรือไม่ แต่ตอนนี้เขามีเกินพอแล้ว! ซือหยูดูดซับพลังหยินจนหมดเมื่อผ่านไปสามชั่วยาม

  

ถ้าหากมีคนมองในร่างกายของเขาก็จะพบว่าจุดกำเนิดพลังที่เสียหายได้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังหยินที่หนาแน่นจนมองไม่เห็น

  

“ข้าปิดมันด้วยพลังหยินเสร็จแล้ว!ต่อไปก็ต้องใช้วารีเทวะของราชาภูติ! ตอนนั้นพลังหยินก็จะหลายเป็นจุดกำเนิดพลังของจริง!”

  

ซือหยูพลิกฝ่ามือเรียกขวดที่มีวารีหลายหยดข้างในออกมา

  

มันคือวารีเทวะของราชาภูติที่เซี่ยนเอ๋อไม่คิดจะใช้เขาไม่รู้ว่ามันมีส่วนประกอบอย่างไรบ้าง แม้ว่าจะให้หวูอู๋ยี่ตรวจสอบมันอยู่นาน เขาก็ไม่ได้อะไรเลย

  

สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือวารีเทวะนี้จะทำให้ฐานพลังของผู้ใช้เลื่อนไปอีกขั้นตามที่มันเขียนไว้ในขนนก มันยังมีพลังที่เหนือจินตนาการถ้าหากหลอมรวมกับธาตุหยิน

  

ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดซือหยูไม่ลังเลอีก เขาใช้หยดวารีเทวะหนึ่งหยดทันที มันเข้าผ่านสายโลหิตของเขาไปยังพลังหยินที่ปกคลุมจุดกำเนิดพลัง

  

เมื่อหยดวารีเทพเข้าสู่พลังหยินด้านนอกมันก็เข้าไปหลอมรวมกันราวกับน้ำมันหยดลงน้ำ พลังหยินได้ปั่นป่วนและปะทุออกมา มันกระจายไปทั่วจนแม้แต่วารีเทวะเองก็กำลังจะกระจายออก!

  

พลังหยินที่ซือหยูก่อร่างด้วยความยากลำบากแทบจะแตกสลายในพริบตาเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากส่วนลึกที่สุดของดวงวิญญาณ มันเจ็บปวดจนทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว แม้แต่ในกระดูกก็เจ็บแปลบ!

  

“อ๊ากกกกกกกก!”

  

เสียงร้องของซือหยูที่ดังไปทั่วก้นบึ้งมังกรทำให้คนมากมายตกใจคนเหล่านั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…

  

“นั่นเสียงของเจ้าพันธมิตรซือรึ?เกิดอะไรขึ้น?”

  

“เขาเจอกับอันตรายรึ?”

  

เหล่าคนรีบพุ่งไปหาเขาด้วยความเป็นห่วงซือหยูล้มลงไปกองกับพื้นและกลิ้งไปมาเพื่อทนรับความเจ็บปวด

  

แต่นอกจากความเจ็บปวดจะไม่ลดลงเขายังรู้อีกว่ามันเจ็บยิ่งกว่าเดิม! เขารู้สึกว่าท้องกำลังจะถูกฉีกกระชากออกมา! มันคือความเจ็บปวดแสนสาหัสที่รุนแรงเกินไป!

  

“ข้าต้องทน!นี่คือขั้นสำคัญในการสร้างมันขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างจะสูญเปล่าถ้ายอมแพ้ตอนนี้ การเสียสละของพวกนางจะไร้ค่าและจะไม่มีใครไปช่วยเซี่ยนเอ๋อได้อีกแล้ว”

  

ซือหยูกัดฟันทน

  

เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชาความเจ็บปวดเริ่มลดลง ร่างของซือหยูอ่อนกำลังลงและอยู่ในสภาพอ่อนแอเมื่อความเจ็บปวดหายไปจนหมด ราวกับว่าความเจ็บปวดนั้นดึงเอาพลังของเขาไปจนหมด

  

ซือหยูรอจนในท้องของเขากลับมาสงบลงก่อนจะมองดูจุดกำเนิดพลังเขาพบว่าจุดกำเนิดพลังเดิมที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังหยินไปหายไป และจุดกำเนิดพลังใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาแทนที่

  

มันยังคงมีขนาดเท่ากำปั้นและดูเหมือนกับจุดกำเนิดพลังเก่าของเขาทุกประการแต่เมื่อเขามองเข้าไปที่ภายในก็พบสิ่งที่ทำให้ตกตะลึง

  

แก้วพลังชีวิตสามดวงที่แตกสลายในจุดกำเนิดพลังเก่าได้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยวารีเทวะของราชาภูติและตอนนี้มันก็กลายเป็นแก้วที่เต็มจนล้น! นั่นหมายความว่าเขาจะกลายเป็นภูติเมื่อใดก็ได้!

  

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจที่สุดเห็นจะเป็นจุดกำเนิดพลังอีกจุดที่ขนาดเท่าครึ่งกำปั้นที่อยู่ระหว่างแก้วพลังชีวิตทั้งสามดวงดูเหมือนว่าจะมีจุดกำเนิดพลังอีกจุดที่เล็กกว่าเกิดขึ้นในจุดกำเนิดพลังใหม่ของเขา และมันก็มีแก้วพลังชีวิตอีกสามดวงที่เหมือนกันเป๊ะ!

  

ปรากฏการณ์นี้ได้ถูกเขียนเอาไว้ในขนนกของราชาภูติมันเขียนว่าจุดกำเนิดพลังเล็กคือจุดกำเนิดพลังเดิมที่เสียหาย เป็นเพราะมันถูกบีบอัดและบังคับให้อยู่ในจุดกำเนิดพลังใหม่นั่นเอง!

  

จุดกำเนิดพลังชั้นนอกจะเรียกว่าจุดกำเนิดสวรรค์ขณะที่จุดกำเนิดเล็กจะเรียกว่าจุดกำเนิดธรณี มันไม่ต่างกับซือหยูได้จุดกำเนิดพลังใหม่มาเฉยๆ!

  

ซือในตอนนี้จะมีพลังชีวิตในปริมาณที่เหนือกว่าคนทั่วไปและถ้าหากใช้วิชาที่เคยใช้ในอดีต วิชาของเขาก็น่าจะมีพลังมากกว่าเดิมอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว แต่ก็น่าเสียดายที่เขาต้องใช้วารีเทวะของราชาภูติไปทั้งหมด นั่นหมายความว่าเขาจะสร้างจุดกำเนิดพลังเช่นนี้ให้กับคนอื่นไม่ได้แล้ว

  

เขารู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อกำหมัดพลังนี้ทำให้เขามั่นใจขึ้นว่าจะช่วยเซี่ยนเอ๋อมาได้ แต่เขาก็รู้ว่าการได้พลังกลับมานั้นยังคงไม่เพียงพอ

  

“ยี่เอ๋อเรียกผู้เฒ่าฉิวมาพบข้าหน่อย…”

  

ซือหยูสั่ง

  

หวูอู๋ยี่ที่อยู่หน้าภูเขายิ้มนางหน้าแดงราวกับกลีบกุหลาบ ใบหน้านางเปล่งประกายอย่างมีชีวิตชีวา นางกลายเป็นอีกคนที่แปลกไปหลังจากที่ได้สูญเสียความบริสุทธิ์ และดูเหมือนว่านางจะพอใจเสียด้วย อย่างน้อยก็บอกได้จากสีหน้าของนาง

  

หวูอู๋ยี่เข้าไปหาผู้เฒ่าฉิวขณะนั้น ซือหยูก็ถือกระบี่ปราบมังกรด้วยมือซ้าย ขณะที่มุกเงินสีหม่นได้ปรากฏในมือขวา

  

“เศษสมบัติภูติกับมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าขั้นต้น…”

  

ซือหยูพูดเบาๆ

  

เหตุที่มุกเงินเลี่ยงสายฟ้ายังคงอยู่ในขั้นต้นก็เพราะมันขาดคุณสมบัติวิญญาณเพื่อที่จะกลายเป็นมุกแบบสมบูรณ์สิ่งที่ขาดหายไปก็คือเศษสมบัติภูติ

  

เศษสมบัติภูติเป็นของล้ำค่าตั้งแต่ครั้งโบราณที่ภูติมิอาจหาได้ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดจะทำลายภูติเพื่อสกัดเอาวัตถุดิบออกมาแน่นอน แต่ตอนนี้มันมีความหมายกับซือหยูมาก เขาจึงเลือกที่จะทำลายเศษสมบัติภูติ

  

“หวูอู๋ยี่บอกว่าจะต้องใช้พลังจิตวิญญาณสกัดคุณสมบัติวิญญาณออกมาคนที่มีพรสวรรค์ในวิญญาณเท่านั้นถึงจะหลอมรวมคุณสมบัติวิญญาณในมุกเงินขั้นต้นได้ มันต้องเอาวิญญาณออกจากร่างเมื่อทำขั้นตอนนั้น ถึงมันจะยากอย่างมากสำหรับคนอื่น แต่กับข้านั้นง่ายดายนัก…”

  

ซือหยูบ่มเพาะโอรสสวรรค์จ้องนภามานานเขาสามารถนำดวงวิญญาณออกจากร่างได้ง่ายๆ ตามปกติมันคือความสามารถที่มีแต่จ้าวเทวะเท่านั้นที่จะทำได้!

  

ซือหยูเริ่มขยับมือไปมาวิญญาณของเขาได้ออกมาผ่านหน้าผาก จากนั้นจึงขยับมือไปยังกระบี่ปราบมังกร

  

มือของเขาเข้าไปยังภายในของกระบี่เขาสัมผัสบางอย่างที่เยือกเย็นและลื่นราวกับโคลน

  

เมื่อวัตถุดิบนั้นรู้สึกได้ถึงอันตรายมันเริ่มพยายามจะหนีจากการคว้าของซือหยู

  

“อย่าเปลืองแรงเจ้าเลยน่า…”

  

ซือหยูส่ายหน้า

  

เขากำมือและกระชากมันออกมามันมีรูปร่างเหมือนมังกรที่ยาวหนึ่งศอก

  

“มังกรรึ?”

  

ซือหยูเลิกคิ้ว

  

เขาไม่คิดว่าคุณสมบัติวิญญาณของกระบี่ปราบมังกรจะมาในรูปลักษณ์ของมังกร!ซือหยูลังเลก่อนจะวางมันลงในมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าขั้นต้น

  

มุกเงินเลี่ยงสายฟ้าที่หม่นแสงเปล่งประกายขึ้นมาทันทีแสงของมันเปล่งประกายทั่วก้นบึ้งมังกร ซือหยูรู้สึกราวกับถือดวงอาทิตย์ไว้ในมือ มันให้ความรู้สึกลี้ลับ

  

“มุกเงินเลี่ยงสายฟ้ารึ?”

  

ผู้เฒ่าฉิวฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วนางมาถึงที่นี่โดยหวูอู๋ยี่ต้องพยุงช่วง นางอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าในสภาพสมบูรณ์

  

มาอีกหลายคนทีมาที่นี่เพราะเสียงกรีดร้องของซือหยูก่อนหน้านี้…

  

“ฐานพลังของเจ้าพันธมิตรซือกลับมาแล้วแต่ทำไมข้าถึงมองไม่เห็นเล่า? ดูเหมือนว่าเขาเป็นกึ่งภูติ แต่ก็ดูเหมือนเป็นภูติด้วย…”

  

“ตราบที่ท่านเจ้าพันธมิตรซือฆ่าพวกภูติได้ในฝ่ามือเดียวใครจะสนเล่าว่าเขาจะเป็นภูติหรือกึ่งภูติ!”

  

“เจ้าไม่ได้พูดผิดเลยพวกเราเชื่อว่าเจ้าพันธมิตรซือจะต้องชิงตัวภรรยาเขาคืนมาได้แน่!”

  

ซือหยูที่อยู่บนยอดเขานั่งตรงข้ามกับผู้เฒ่าฉิว

  

“ท่านผู้เฒ่าข้าขอโทษที่มิอาจปกป้องท่านได้ในวันนั้น…”

  

ซือหยูมองแก้มที่ซูบลงของนางและกล่าวขออภัย

  

ผู้เฒ่าฉิวโบกมืออย่างไม่ถือสา

  

“เจ้าช่วยข้ามามากมายหลายครานักจะขอบคุณเจ้าอย่างไรก็คงไม่พอ ข้าจะมาโทษเจ้ากับเรื่องนั้นได้อย่างไร? แต่ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังเถอะ”

  

จากนั้นนางจึงถามออกมา

  

“เจ้าตั้งใจจะบ่มเพาะเนตรเงินล้างอสูรจริงๆสินะ?”

  

ซือหยูโบกมือวัตถุดิบทั้งสามชนิดได้ปรากฏตรงหน้านาง นั่นคือสมุนไพรบาดาล โลหิตมังกร และมุกเงินเลี่ยงสายฟ้า

  

วัตถุดิบแต่ละอย่างนั้นเป็นของที่หายากอย่างที่สุดและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมทั้งหมดในคราเดียวแม้แต่ที่จิวโจว ซือหยูใช้เวลาอย่างยาวนานในการค้นหามันกว่าจะรวบรวมจนครบ

  

“เรื่องที่ข้าจะทำต่อไปขึ้นอยู่กับว่าดวงตาของข้าจะกลับมามองเห็นอีกครั้งหรือไม่โปรดชี้แนะวิธีบ่มเพาะเนตรเงินล้างอสูรกับข้าด้วย”

  

ซือหยูพูดอย่างจริงใจ

  

ดวงตาของเขาเชื่อมโยงกับพลังเกือบทั้งหมดของหม้อเก้ามังกรซึ่งเขาไม่ได้ใช้พลังเหล่านั้นมานานดังนั้นเขาจะต้องนำการมองเห็นกลับมาให้ได้

  

ผู้เฒ่าฉิวพยักหน้า

  

“ดีแต่ข้าจะต้องบอกเจ้าให้รู้ก่อน ในทีแรก ข้าคิดว่าเจ้าคงรวบรวมของเหล่านี้ไม่ได้ ข้าเลยไม่อธิบายไปมากกว่านั้น…”

  

“เนตรเงินล้างอสูรเป็นแค่ม้วนคัมภีร์ไม่สมบูรณ์ที่ข้าได้มาโดยบังเอิญมันคือวิชาเนตรที่ลึกลับซับซ้อนที่มีเสี้ยวพลังโลกาพิโรธที่จะกำจัดสวรรค์พิโรธที่เหลือในดวงตาของเจ้าได้ แต่ปัญหาก็คือวิชานี้มาจากพวกแก่นแท้วิญญาณ พูดตรงๆก็คือไม่ใช่วิชาของมนุษย์”

  

นางถอนหายใจ

  

“ไม่มีใครรู้ว่าผลหลังจากที่มนุษย์บ่มเพาะแล้วจะเป็นอย่างไรไม่มีใครเคยทำมาก่อน อยู่ที่เจ้าว่าจะตัดสินใจอย่างไร”

  

ซือหยูลืมตากว้างขึ้นมาเล็กน้อยเพราะแก่นแท้วิญญาณนั้นไร้เทียมทานอย่างมาก และสิ่งที่ติดตรึงใจของซือหยูก็คือเมื่อแก่นแท้วิญญาณตายในดินแดนพรสวรรค์ อสูรเนรมิตรหลายคนได้เข้าไปตามหามัน แต่ก็ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้

  

และถ้าวิชานี้เป็นวิชาของแก่นแท้วิญญาณมันก็คงจะมีผลข้างเคียงอยู่มาก พวกมนุษย์มีวิญญาณที่แตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่มีวิชาใดที่จะบ่มเพาะได้ทั้งสองเผ่าพันธุ์

  

และถ้าหากมีใครบ่มเพาะวิชาของอีกเผ่าพันธุ์สำเร็จมันก็จะส่งผลกับร่างกายอย่างมากแน่นอน แต่ซือหยูจำต้องเผชิญกับผลข้างเคียงเหล่านั้นเพื่อฟื้นพลังของหม้อเก้ามังกรกลับมา

  

ซือหยูเงียบไปนานก่อนจะพยักหน้าด้วยความหนักแน่น

  

“ข้าไม่มีทางเลือกหรอกท่านผู้เฒ่าข้าจะบ่มเพาะมัน”

  

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะได้พลังควบคุมมิติและเวลากลับมาเช่นเดียวกับฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ที่ดวงตาของเขามองไม่เห็น หม้อเก้ามังกรได้หลั่งวารีออกมาหลายหยดแล้ว เขาสงสัยจริงๆว่าพลังที่ถูกผนึกเอาไว้ของเขาจะเป็นอย่างไร

  

ไม่ว่าจะอย่างไรซือหยูก็ต้องเอาการมองเห็นกลับมา!