ตอนที่ 454 เปลี่ยนไปรักคนอื่น / ตอนที่ 455 ตกลงอยากหรือไม่อยาก

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 454 เปลี่ยนไปรักคนอื่น

 

 

           ‘เมื่อกี้นี้เขายังคิดว่าตัวเองอยู่ในคอนโดกับซือเหยี่ยนอยู่เลย’

 

 

           เจียงมู่เฉินเด้งตัวขึ้นมาเห็นว่าบนตัวไม่มีเสื้อใส่อยู่ ทั้งยังเห็นท้องฟ้าข้างนอกเป็นสีดำมืดอีกด้วย เขาร้อนใจทันที “ทำไมนายไม่เรียกฉันล่ะ ฉันนอนไปนานเท่าไหร่แล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางร้อนรนแบบนั้นของอีกฝ่ายก็รู้สึกตลก เขาหาเสื้อของตัวเองจากตู้เสื้อผ้าด้านข้างส่งให้เจียงมู่เฉิน

 

 

           “เอาไปใส่ก่อน แล้วลงไปกินข้าวกัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบใส่เสื้อของซือเหยี่ยนทันที ซือเหยี่ยนสูงกว่าเขานิดหน่อย ทั้งยังล่ำกว่าเขานิดหน่อยด้วย

 

 

           เสื้อเชิ้ตอยู่บนตัวเขาดูหลวมทีเดียว แต่ว่าก็ยังดี เขาหมุนข้อมือได้ตามใจถือว่าพอดีตัว

 

 

           เจียงมู่เฉินใส่เสื้อรีบร้อยแล้ว ก็รีบกระโดดลงจากเตียง ส่องกระจกจัดการเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองสักพัก

 

 

           จนกระทั่งตัวเองรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วถึงได้วางมือ

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนอยู่ข้างหลังเขา ท่าทางตื่นตระหนกนี้ช่างน่าขำไม่เบา

 

 

           รู้จักกับเจียงมู่เฉินมานานขนาดนี้ จะเคยเห็นเขาตื่นตระหนกขนาดนี้เมื่อไหร่กัน

 

 

           ซือเหยี่ยนเอื้อมมือไปคว้าเขาไว้ “โอเคแล้ว หล่อมากแล้ว”

 

 

           เวลานี้เองเจียงมู่เฉินถึงได้ออกไปกับซือเหยี่ยน

 

 

           ลงมาชั้นล่าง ก็เห็นเหวินฮุ่ยกับคุณพ่อซืออยู่ชั้นล่างกันพร้อมหน้าแล้ว เจียงมู่เฉินลำบากใจนิดหน่อย ตัวเองมาบ้านพ่อแม่ซือเหยี่ยนครั้งแรก ก็ยังต้องให้พวกเขารอ รู้สึกเกรงใจจริงๆ

 

 

           เหวินฮุ่ยกลับไม่ได้คิดอะไร เพียงแค่รู้สึกเสื้อเชิ้ตของซือเหยี่ยนใส่อยู่บนตัวเฉินเฉินก็เหมาะสมมากเหมือนกัน

 

 

           เธอยิ้มตาหยีด้วยความรู้สึกที่ยิ่งรักใคร่เอ็นดู เจียงมู่เฉินเห็นแล้วหัวใจดวงน้อยๆ ก็สั่นระรัวไปหมด

 

 

           ซือเหยี่ยนเองก็ค้นพบสายตารักใคร่เอ็นดูที่ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ของเธอ ก็กระแอมไอเบาๆ ด้วยความไม่สบายใจ

 

 

           เวลานี้เองเหวินฮุ่ยถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เก็บสายตาเข้าไปทันที

 

 

           อาหารทุกอย่างบนโต๊ะเป็นฝีมือของซือเหยี่ยนเองทั้งหมด เจียงมู่เฉินมองแวบแรก ก็รู้สึกแปลกไม่เบา อาหารทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของที่เขาชอบกินทั้งนั้น

 

 

           ยังไม่ได้ทันมองซือเหยี่ยน ก็ได้ยินเหวินฮุ่ยเอ่ยขึ้น “เฉินเฉิน นี่เป็นอาหารที่เสี่ยวเหยี่ยนตั้งใจทำเพื่อเราเป็นพิเศษเลยนะ”

 

 

           ถึงแม้เจียงมู่เฉินจะเดาถูก แต่ว่าได้ยินเหวินฮุ่ยพูดขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกเขินนิดหน่อยอยู่ดี

 

 

           ถึงอย่างไรต่อหน้าพ่อแม่คนเขา พูดอย่างนี้ ไม่ว่าจะมากจะน้อยก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก เขายื่นมือไปหยิบตะเกียบด้วยความอึดอัดใจ

 

 

           เจียงมู่เฉินกินอาหารมื้อนี้อย่างอ่อนแรงทั้งกายใจ ไม่ใช่เพราะพ่อแม่ซือเหยี่ยนกลั่นแกล้งเขา แต่ตรงกันข้ามดีกับเขาเกินไปแล้ว ดีจนเขารู้สึกใจแป่ว

 

 

           กว่าจะกินอาหารเสร็จไม่ใช่ง่ายๆ เหวินฮุ่ยกับคุณพ่อซือออกไปเดินเล่นกันแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินก็กินจนอิ่มนิดหน่อย เขานั่งบนเก้าอี้มองดูซือเหยี่ยนกำลังล้างจานอยู่ตรงนั้น อดจะเอ่ยถามเสียงต่ำไม่ได้ “นายอยู่บ้านล้างจานมาตั้งแต่เล็กๆ เลยเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขา “ทำไมเหรอ จู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอามือเท้าคาง “ฉันก็แค่รู้สึกว่านายทำอาหารเป็น ล้างจานได้ หาเงินเก่ง ผู้ชายที่ดีขนาดนี้จะไปหาได้จากที่ไหน…

 

 

           …แต่ดันมาโดนแมวตาบอดที่เจอหนูตาย[1]อย่างฉันหาเจอจนได้”

 

 

           มือซือเหยี่ยนที่ล้างจานอยู่หยุดชะงักไป เขายกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน “รู้ว่าผมค่าตัวสูง ยังไม่รู้จักจับตาดูอีก ระวังจะโดนคนข้างตัวมาโฉบเอาไป คุณจะร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินยืดเหยียดร่างกาย “นายอยากปีนกำแพงเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหน้าลง แสงไฟตกกระทบที่ใบหน้าด้านข้างของเขา

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยต่อ “อย่างอื่นก็ไม่ได้มั่นใจอะไร แต่มาชอบคุณชายแล้ว อยากจะเปลี่ยนไปรักคนอื่น ไม่มีทางจะเป็นไปได้หรอก”

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “คุณชายคนหน้าตาดี หุ่นดี ปรับตัวเก่ง อยู่บนเตียงก็ปล่อยให้นายจับพลิกกลับไปกลับมาได้ตามใจ ยังไม่ขัดขืนนายอีก คนแบบนี้นายจะไปหาจากที่ไหน”

 

 

           ซือเหยี่ยนล้างจานเสร็จพอดี เช็ดมือแล้ว เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยราวกับเห็นด้วยกับคำพูดของเจียงมู่เฉิน

 

 

           “อืม พูดได้ไม่เลวนี่”

 

 

 

 

[1] แมวตาบอดที่เจอหนูตาย เป็นการเปรียบเปรยว่ามีโชคเข้าข้าง 

 

 

 

 

ตอนที่ 455 ตกลงอยากหรือไม่อยาก

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นเขาพยักหน้า ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็ออกโรงทันที “นายว่านายมีคนอย่างคุณชายอยู่ด้วยแล้ว ยังมีเวลาคิดจะไปหาคนอื่น อยากจะปีนกำแพงเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินไปอยู่ต่อหน้า ไม่พูดพร่ำทำเพลงอุ้มเขาขึ้นมา

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดในใจ ไม่ว่าอย่างไรตัวเองก็เป็นหนุ่มบึกบึนคนหนึ่ง ไม่มีอะไรก็โดนซือเหยี่ยนอุ้มเหมือนเป็นของเล่น อุ้มขึ้นมาแบบนี้เหมาะสมแล้วจริงๆ เหรอ

 

 

           เขายังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ซือเหยี่ยนก็ผลักเปิดประตู อุ้มเขาเข้าห้องไป

 

 

           เสียงเตือนในใจของเจียงมู่เฉินดังขึ้น “ไม่นะ ไม่กลับบ้านเหรอ นายขึ้นมาทำอะไร”

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ แววตาแฝงเจตนาไม่บริสุทธิ์ “ลืมบอกคุณไป ตอนที่คุณนอนอยู่ ผมตกลงว่าคืนนี้จะค้างที่นี่แล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉิน “???”

 

 

           ‘ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้’

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่ได้ให้โอกาสเขาได้ถามต่อ วางเขาลงบนเตียง แล้วตามมาขึ้นคร่อมทันที

 

 

           ขาของเจียงมู่เฉินถูกกดทับเอาไว้ จะหนีก็หนีไม่พ้น เขาทำได้เพียงใช้มือดันซือเหยี่ยนออก “อย่าสิ พี่ชาย…นี่อยู่บ้านนาย มีคนมาได้ยินไม่เหมาะมากเลยนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องกลัว พ่อแม่ผมเข้าใจพวกเราได้”

 

 

           ถ้ายึดตามสมองที่คิดภาพแปลกๆ นั้นของเหวินฮุ่ย คงจะคิดว่าตอนบ่ายพวกเขาสองคนป๊าบๆๆ กันไปแล้ว

 

 

           ตอนนี้มากังวล อาจจะสายเกินไปสักหน่อยแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะอวยซือเหยี่ยนว่าหน้าไม่อาย หรือจะอวยว่าพ่อแม่ซือเหยี่ยนเปิดกว้างดี

 

 

           เขาอยากจะร้องไห้จริงๆ มีการเจอผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายแบบนี้ด้วยเหรอ

 

 

           ตอนบ่ายมอมเหล้าเขาจนเมาก็ช่างเถอะ กินข้าวเสร็จแล้วยังอยากจะจับกดเขาอีก

 

 

           ‘อะไรกัน อยากจะสร้างให้เขาเป็นคนแรกของโลกที่เข้าพบผู้ใหญ่วันเดียวก็ส่งขึ้นเตียงแล้วเหรอ’

 

 

           “พี่ชาย พวกเราหารือกันสักหน่อย อย่าทำแบบนี้ได้ไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัว แสดงท่าทีไม่สมัครใจด้วย

 

 

           เจียงมู่เฉินได้กลิ่นความอันตราย รีบเอามือยันซือเหยี่ยนไว้ “นายฟังฉันก่อน ฉันเพิ่งจะกินข้าวมา ออกกำลังกายหนักๆ ไม่ได้ แบบนั้นจะไม่ดีกับร่างกาย…

 

 

           …นายตัดใจจากฉันไม่ลง เพราะความต้องการของนายไม่ได้ปลดปล่อยใช่ไหมล่ะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำตาโตอยากจะปลุกจิตสำนึกเพียงนิดที่ซือเหยี่ยนยังพอมีเก็บไว้

 

 

           แต่จะทำอย่างไรได้ เวลานี้ซือเหยี่ยนไม่ต้องการจิตสำนึกแล้ว

 

 

           เขาฉวยโอกาสขณะที่เจียงมู่เฉินกำลังดีดลูกคิดในหัว พูดพร่ำไม่หยุดอยู่นั้น คร่อมตัวเขาทันที

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก กำลังจะเตรียมพูด ก็ถูกซือเหยี่ยนประกบปิดทางเอาไว้ ผลสุดท้ายพูดออกมาไม่ได้สักคำ ถูกซือเหยี่ยนจูบจนนึกอะไรขึ้นมาไม่ได้แล้ว

 

 

           จูบกันอยู่ตั้งนาน ในที่สุดซือเหยี่ยนก็ปล่อยมือ เขายังไม่ถอยออกห่าง แต่แนบชิดไปกับริมฝีปากแดงระเรื่อของเจียงมู่เฉิน ก่อนจะเอ่ย “รอพ่อแม่คุณเห็นด้วยแล้ว พวกเราไปหาที่จดทะเบียนกันเป็นยังไงบ้าง”

 

 

           เจียงมู่เฉินตกตะลึง ไม่กล้าจะเชื่อ ซือเหยี่ยนถามเขาเรื่องนี้อีกครั้ง

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาอึ้งไป ก็อดจะกัดเขาสักหน่อยไม่ได้ เป็นยังไงบ้าง ดีไหม“

 

 

           เจียงมู่เฉินดึงซือเหยี่ยนออก จ้องมองดวงตาสีดำขลับของเขา “ยังไงกัน อยากจะจดทะเบียนกับฉันขนาดนี้เชียว”

 

 

           ดวงตาสีดำขลับฉายสะท้อนความจริงจัง เขาก้มหน้าลงจูบเจียงมู่เฉิน ก่อนจะเอ่ย “อยากสิ”

 

 

           เห็นเขามีท่าทีจริงจัง เจียงมู่เฉินก็อดกลั้นความอยากหัวเราะของตัวเองไว้ มองซือเหยี่ยนด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง “ถ้าฉันไม่อยากล่ะ”

 

 

           สีหน้าซือเหยี่ยนเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดเมื่อครู่นี้ของเจียงมู่เฉิน

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นแบบนี้แล้วก็เอ่ยถามต่ออีก “ถ้าฉันไม่อยากไปหาประเทศที่เหมาะสมประเทศหนึ่งจดทะเบียนกับนายล่ะ”

 

 

           ครั้งนี้ซือเหยี่ยนเงียบงันไม่ถึงสองนาที ก็มองเขาด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “ถ้าคุณไม่อยาก ผมก็ไม่อยาก”

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดมุมปากล่างขึ้นอีก นัยน์ตาดอกท้อทอประกายแสงดาว “แล้วถ้าหากว่าฉันอยากอีกแล้วล่ะ”

 

 

           เมื่อซือเหยี่ยนเห็นท่าทางเขาแบบนั้น ก็เข้าใจได้ในบัดดล เจ้าหมอนี่จงใจ

 

 

           เขาก้มหน้ากดจูบเจียงมู่เฉินอย่างหนักหน่วง เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม “ตกลงอยากหรือไม่อยาก”