ตอนที่ 456 ถูกเมินแล้ว / ตอนที่ 457 กระชากใจไปแล้ว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 456 ถูกเมินแล้ว

 

 

           “อยากๆๆ โคตรอยากเลย” เจียงมู่เฉินเอ่ยออกมาด้วยลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะ

 

 

           ได้ยินคำพูดนี้ นัยน์ตาซือเหยี่ยนถึงได้ทอประกายรอยยิ้ม ถึงอย่างไรต่อให้เจียงมู่เฉินไม่ยินยอม เขาก็จะมัดอีกฝ่ายไปด้วยอยู่ดี

 

 

           เจียงมู่เฉินเอามือผลักเขาออก “นายปล่อยฉันก่อน ฉันเจ็บเอว”

 

 

           ซือเหยี่ยนกดเอวเขาไว้จนใกล้จะหักแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าซือเหยี่ยนกินอะไรโตมาก พละกำลังเหมือนกระทิงไม่มีผิด

 

 

           คนละชั้นกับเมื่อก่อนโดยสมบูรณ์

 

 

           เมื่อก่อนพวกเขาสองคนถือว่าสูสีพอกัน ตอนนี้เป็นยังไง โดนซือเหยี่ยนบดขยี้โดยสมบูรณ์

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาร้องว่าเจ็บ ในที่สุดจึงปล่อยมือ เขายังไม่ลืมจะนวดคลึงช่วงเอวให้เจียงมู่เฉินด้วย

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นการกระทำของเขา รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ยังพอมีจิตสำนึก ไม่ใช่ดึงกางเกงขึ้นแล้วก็วิ่งหนี

 

 

           ทั้งสองคนวุ่นวายกันไปมาอยู่ในห้องพักหนึ่ง เจียงมู่เฉินเดิมทีจะเตรียมออกไปเดินเล่น แต่พอคิดว่าถ้าหากบังเอิญเจอพ่อแม่ซือเหยี่ยนขึ้นมา คงจะเลิ่กลั่กกันน่าดู

 

 

           ด้วยเหตุนี้คิดไปคิดมา สุดท้ายก็ยกเท้าถีบใส่ซือเหยี่ยนไปทีหนึ่ง “เปิดทีวี ดูหนังกัน”

 

 

           ทีวีในห้องนอนของซือเหยี่ยน โดยพื้นฐานไม่เคยเปิดมาก่อน

 

 

           เขาเปิดอยู่ตั้งนานก็เปิดไม่ได้สักที เจียงมู่เฉินถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ “ซือเหยี่ยน นี่ไม่ใช่บ้านของนายเหรอ ทีวีก็เปิดไม่เป็น”

 

 

           ซือเหยี่ยนถูกดูหมิ่น ความลำบากใจปรากฏในใบหน้า รีบเดินเข้าไปหาสวิตช์เปิดปิด ไม่รู้ว่าเพราะเจียงมู่เฉินดูหมิ่นเขาไปเมื่อครู่นี้หรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะเปิดได้จริงๆ

 

 

           เขาโยนรีโมทด้านข้างส่งให้เจียงมู่เฉิน

 

 

           เจียงมู่เฉินรับต่อมา ทันทีหลังจากนั้นก็เปิดทีวี หาหนังบล็อกบัสเตอร์เรื่องหนึ่งดู แล้วเอนหลังนอนเอ้อระเหยอยู่บนโซฟาดูทีวี

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินพอเอนหลังนอน ก็ไม่สนใจตัวเองแล้ว อดจะยื่นมือไปสะกิดเจียงมู่เฉินไม่ได้

 

 

           เจียงมู่เฉินกำลังดูหนังอยู่ เขาผลักมือของซือเหยี่ยนออกด้วยความหงุดหงิด

 

 

           ซือเหยี่ยนมองมือของตัวเองที่ถูกปัดตก แล้วก็มองเจียงมู่เฉินอีก คิดอย่างจริงจัง ตัวเองตอนนี้ถูกเฉินเฉินเมินแล้วเหรอ

 

 

           เขาหรี่ตาลงมองคนที่ตีกันอุตลุดในทีวี…

 

 

           ‘หรือว่าหนังเรื่องนี้จะยังน่าดูกว่าเขาอีก’

 

 

           เพราะว่ากำลังดูหนังอยู่ เจียงมู่เฉินปิดไฟในห้องนอนทั้งหมด ข้างในมืดสลัว เหลือเพียงแสงสว่างจากในทีวีเท่านั้น

 

 

           แสงสว่างนั้นกำลังสาดส่องอยู่บนใบหน้างามละเอียดได้รูปของเจียงมู่เฉิน ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ยั่วยวนในยามนี้

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว รู้สึกอยากจะหาความรู้สึกมีตัวตนทีละนิดๆ ให้ตัวเอง เขาอดจะยื่นมือไปดึงเจียงมู่เฉินมาไม่ได้ เสียงต่ำเอ่ยเรียก “เฉินเฉิน…”

 

 

           เจียงมู่เฉินเดี๋ยวโดนเขาสะกิด เดี๋ยวโดนเขาเรียก รำคาญจนไม่ไหว จึงผลักเขาไปข้างหน้าเสียเลย

 

 

           ซือเหยี่ยนตะลึงงัน เขาขบกรามทันทีหลังจากนั้น เมื่อทำแล้วก็ทำให้ถึงที่สุด เขาจึงพลิกตัวมาขึ้นคร่อมกดร่างเจียงมู่เฉินไว้

 

 

           เวลานี้เองเจียงมู่เฉินถึงรู้สึกถึงจุดวิกฤต เขาเห็นใบหน้าของซือเหยี่ยนในระยะที่ใกล้มาก แล้วก็อดจะกลืนน้ำลายไม่ได้ “พี่ พี่ใหญ่ นี่นายจะทำอะไร”

 

 

           ‘ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ’

 

 

           ‘สายไปแล้ว ประธานซือตัดสินใจจะลุกฮือขึ้นแล้ว’

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงต่ำ “หนังน่าดูมาก?”

 

 

           เจียงมู่เฉินยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาพยักหน้ารับโดยตรง “น่าดู…ไม่น่าดู ไม่น่าดู นายน่าดูกว่า”

 

 

           เขาเพิ่งจะพูดคำว่า ‘น่าดู’ สองคำนี้ออกมา แววตาซือเหยี่ยนก็เปลี่ยนโดยฉับพลัน เจียงมู่เฉินรีบแก้คำพูดใหม่ทันที

 

 

           “หึ” ซือเหยี่ยนทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “ไม่น่าดู แล้วคุณยังดูใจจดใจจ่อขนาดนี้เชียว”

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ เขาดูใจจดใจจ่อหน่อยแล้วมันยังไง เปิดทีวีมาก็เพื่อให้ใจจดใจจ่อดูไม่ใช่หรือไง

 

 

           ถ้าไม่ติดว่าซือเหยี่ยนกดมือเขาไว้อยู่ เจียงมู่เฉินอยากจะยกมือขึ้นมากดที่หัวตัวเองจริงๆ

 

 

           รู้สึกว่าเขาตามจังหวะของสมองที่โลดแล่นของซือเหยี่ยนไม่ทันเลยสักนิด

 

 

           “งั้นไม่ได้ นายก็ปิดทิ้ง ฉันไม่ดูแล้ว?” เจียงมู่เฉินเอ่ยเสนอเสียงอ่อน

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัว

 

 

           “ดูก็ไม่ได้ ไม่ดูก็ไม่ได้ นายว่ามาทำไมนายถึงเอาใจยากขนาดนี้”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นแววตายามโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของเขา แล้วก้มหน้าลงกดจูบเข้าไป

 

 

           

 

 

ตอนที่ 457 กระชากใจไปแล้ว

 

 

เจียงมู่เฉินตะลึงงัน เขาเข้าสู่สภาวะสู้รบแล้ว เตรียมด่าซือเหยี่ยนว่า ‘นายไปตายซะ’ ผลสุดท้ายคาดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนจะก้มหน้าลงจูบเขา

 

 

‘นี่ถือว่าผิดกติกาแล้วมั้ง ผิดกติกากันชัดเจนมากเลยนะ’

 

 

เจียงมู่เฉินโดนเขาจูบกะทันหัน ไฟเดือดดาลที่มีทั้งใจได้ระบายออกมาทั้งหมดแล้ว เพียงชั่วขณะก็พูดอะไรไม่ออกสักอย่าง

 

 

นัยน์ตาดอกท้อคู่นี้ของเขาจ้องมองซือเหยี่ยนอย่างแทบไม่เชื่อสายตา ซือเหยี่ยนกลับโน้มเข้ามาจูบที่ดวงตาของเขา

 

 

จิตใต้สำนึกสั่งให้เจียงมู่เฉินหลับตาลง กลับยังรู้สึกว่าการกระทำเมื่อครู่นี้ของซือเหยี่ยนกระชากใจไปแล้ว

 

 

เขาคุณชายเจียงจะเคยถูกคนทำแบบนี้ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน 

 

 

‘นายอยากขึ้นก็ขึ้นสิ จูบดวงตาเขาหมายความว่ายังไงกัน’

 

 

ใบหน้าเจียงมู่เฉินฉายแววความอึดอัดใจอย่างช่วยไม่ได้ เขารีบเอามือผลักมือซือเหยี่ยนออก “ถ้านายจูบฉันอีก ฉันจะโกรธนายแล้ว”

 

 

ซือเหยี่ยนถือโอกาสถอยออก เจียงมู่เฉินรีบวิ่งออกมาจากโซฟา

 

 

ในห้องนั้นมืดมิดเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นว่าใบหูของเจียงมู่เฉินปรากฏสีแดงขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ สีแดงนั้นยังลุกลามขึ้นไปยังต้นคอของเจียงมู่เฉินอย่างไม่ขาดสาย

 

 

เล่นจ้ำจี้บนเตียงกับซือเหยี่ยนมาตั้งหลายครั้งขนาดนั้น เจียงมู่เฉินผู้ที่หน้าด้านไร้ยางอายมาแต่ไหนแต่ไร คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะเขินอายขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก

 

 

ในห้องนอนใหญ่ขนาดนี้ ออกจากโซฟาไป ก็เหลือเพียงแค่เตียงแล้ว

 

 

เจียงมู่เฉินมองดูเตียงหลังใหญ่นั้น รู้สึกถึงอันตรายมากทีเดียว

 

 

เดินวนไปรอบหนึ่ง ก็พบว่าไม่มีบริเวณไหนไม่อันตราย ถึงอย่างไรคบกับซือเหยี่ยน ตรงไหนก็กลายเป็นสถานที่ที่โดนซือเหยี่ยนจับกดได้ทั้งนั้น

 

 

เจียงมู่เฉินหาที่หลบไม่ได้ ก็เอ่ยเสียงหยาบๆ “ฉันง่วงแล้ว อยากนอน”

 

 

ซือเหยี่ยนพยักหน้า คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้เดินตามเข้ามา แต่นั่งอยู่บนโซฟา

 

 

เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเงียบๆ รู้สึกว่าท่าทีตอบสนองของซือเหยี่ยนแบบนี้ไม่ปกติ

 

 

เขาแอบสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ ก็พบว่าซือเหยี่ยนไม่มีความเคลื่อนไหวมาตลอด เวลานี้ถึงได้รู้สึกพ้นความอันตราย

 

 

เจียงมู่เฉินดึงเปิดผ้าห่มออก เอนตัวนอนลงไป พอหลังแตะเตียงก็หลับตาแกล้งหลับ

 

 

‘ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ถึงแม้ว่าจะโรคจิตไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะลงมือกับคนที่นอนหลับหรอกใช่ไหม’ คิดได้อย่างนี้ เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าซือเหยี่ยนควรจะยังมีขอบเขตอยู่บ้าง

 

 

แต่พอนอนอยู่บนเตียง เจียงมู่เฉินหลับตาอยู่ตั้งนาน ก็ไม่มีความง่วงอะไร

 

 

‘ตอนบ่ายเพิ่งจะตื่นนอนมา นี่เพิ่งจะหนึ่งชั่วโมงกว่าเอง จะนอนหลับลงได้ที่ไหนกัน’

 

 

เขาลืมตามาก็เห็นซือเหยี่ยนยังฝังตัวอยู่ในโซฟาดูทีวี ในใจคันยุกยิก ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง “นายปิดทีวีจะได้ไหม ไม่ได้ยินที่ฉันบอกว่าอยากจะนอนแล้วเหรอ”

 

 

ซือเหยี่ยนขบขัน แต่กลับยังเอื้อมมือไปปิดทีวีให้

 

 

เจียงมู่เฉินเห็นเขาปิดทีวี ถึงได้กลับนอนลงไปด้วยความพึงพอใจ

 

 

ซือเหยี่ยนยืนขึ้นมาจากโซฟา เดินมุ่งหน้ามาทางเตียง เจียงมู่เฉินได้ยินเสียงก็รีบตามองเขาทันที “นายมาตรงนี้ทำไม”

 

 

ซือเหยี่ยนมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความผิด “ผมไม่มาตรงนี้ แล้วจะไปไหน”

 

 

เจียงมู่เฉินเอ่ยถามออกมาก็รู้สึกเลิ่กลั่ก ที่นี่คือห้องนอนของซือเหยี่ยน เขาไม่มาที่นี่ แล้วจะไปไหน

 

 

คิดมาอย่างนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร หลับตาลงไม่มองซือเหยี่ยน

 

 

ซือเหยี่ยนเองก็ไม่รีบร้อน ค่อยๆ ใช้น้ำอุ่นตุ๋นเจียงมู่เฉิน นอนอยู่ข้างกายไม่ไหวติงอยู่อย่างนี้ เหมือนจะนอนแล้วจริงๆ

 

 

เจียงมู่เฉินนอนอยู่ข้างๆ เดิมทีคิดว่าซือเหยี่ยนจะทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ใส่เขา ผลปรากฏว่าป้องกันมาตั้งนานก็ไม่เห็นว่าจะลงมือทำอะไร

 

 

เจียงมู่เฉินนอนอยู่นานสองนาน ก็รู้สึกง่วงพอควรแล้ว ตาลืมไม่ค่อยจะขึ้นแล้ว

 

 

ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น จู่ๆ ก็โดนคนขึ้นคร่อมทับเขาไว้

 

 

เจียงมู่เฉินตกใจกลัวจนลืมตาขึ้นมา ก็เห็นซือเหยี่ยนคร่อมทับตัวเองอยู่

 

 

“นาย นายนอนแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

 

ซือเหยี่ยนยิ้วหัวเราะเบาๆ “เฉินเฉิน เนื้อมาส่งถึงปากแล้ว จะมีเหตุผลให้ไม่กินที่ไหนกัน”

 

 

ด้วยเหตุนี้ ซือเหยี่ยนร่างกายผนึกกำลัง เริ่มการกินเนื้ออย่างจริงจัง