ตอนที่ 1053 การแสดงของศิลปิน

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

หยางโปหยิบกระบี่คมกริบที่ยังคงสั่นอยู่บนพื้นขึ้นมาและอดที่จะยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ว่ากระบี่คมกริบเล่มนี้ทำมาจากวัสดุอะไร ถึงได้รู้สึกหนักเวลาถือไว้ในมือ
  หยางโปสั่นเล็กน้อย กระบี่คมกริบสั่นจนเกิดเสียง ” ซิ่วซิ่ว ” แต่เวลากวัดแกว่งกลับไม่มีเสียงอื่นใด !
  ทำให้หยางโปรู้สึกประหลาดใจมาก เขาคิดไม่ถึงว่าแค่การขู่กรรโชกเพื่อเรียกร้องเอาทรัพย์สินและผลประโยชน์ กลับได้กระบี่เล่มงามแบบนี้เล่มหนึ่งมา เขาเห็นว่ามีอักขระสองตัวอยู่บนตัวของกระบี่ เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นตัวอักษร ” สันสกฤต ” นี่น่าจะเป็นชื่อของกระบี่ !
  โจวเซี่ยงเฉิงพาโจวซินเดินออกประตูไป ทั้งสองคนเดินออกมาได้ไกลมาก โจวเซี่ยงเฉิงได้หยิบหนังสืออีก 2 เล่มออกมาดูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เขาพบว่าหนังสือทั้งสองเล่มไม่ได้เสียหายเลยแม้แต่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
  โจวซินยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกไม่พอใจเอามากๆ ” พ่อปล่อยเขาไปง่ายๆได้ยังไง ? ขนาดเราสองคนต่างก็อยู่ด้วยกัน ยังถูกเขาแบล็คเมล์เลย เราจะเอาหน้าตระกูลโจวไปไว้ไหน ? ”
  โจวเซี่ยงเฉิงหันกลับไปมองหน้าโจวซิน และส่ายหัวให้เล็กน้อย ” แกเห็นเขาแค่คนเดียวหรือไง
  ไม่ได้สังเกตเห็นอีกคนเลยหรือไง ? ”
  โจวซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ในที่เกิดเหตุมีแค่พวกเราสามคน แล้วจะมีใครอีก ? ”
  “ ที่แกไม่ได้สังเกตเห็นนั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มี พลังของคนคนนั้นถูกซ่อนไว้ แต่ฉันก็ยังค้นพบมัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ซ่อนตัวอยู่นั้นมีวรยุทธ์ที่สูงกว่าของฉันมาก ! ” โจวเซี่ยงเฉิงกล่าว
  โจวซินตกใจนิ่งอึ้งไปทันที “ พ่อ มันจะเป็นไปได้ไง ! ในตระกูลของพวกเขาไม่มีผู้ฝึกพลังยุทธ์อยู่แล้ว ยังจะมีใครที่มีขั้นวรยุทธ์สูงกว่าพ่อไปอีกได้ยังไงกัน ? นอกจากนี้ ทำไมพ่อถึงต้องมอบกระบี่สันสกฤตให้เขาไปด้วย ? ”
  โจวเซี่ยงเฉิงเงยหน้ามองโจวซิน ” การฝึกฝนของแกคงยังต่ำไป ถึงสัมผัสเรื่องปกติไม่ได้ ที่มาของสันสกฤตลึกลับซับซ้อน คุณปู่ของแกได้มันมาโดยบังเอิญ ฉันออกจากเขามาครั้งนี้ หนึ่งคือพาแกกลับ สองคือต้องการเอากระบี่นี้มาทิ้ง ! ”
  ดวงตาของโจวซินเบิกกว้าง เขามองหน้าผู้เป็นพ่อ จู่ๆก็แปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาดูเหมือนจะเข้าใจความหมายคำพูดของพ่อ ที่พาเขากลับไปเพียงแค่ผ่านทางมา ประเด็นหลักที่สำคัญคือนำกระบี่สันสกฤตออกมาทิ้ง !
  คิดไม่ถึงว่าพ่อจะนำกระบี่หยกเล่มนี้ลงจากเขามาทิ้งด้วยตัวเอง มันน่าประหลาดใจจริงๆ !
  หยางโปคาดเดาไปว่าอีกฝ่ายอาจเห็นความเก่งกาจของเขา ถึงได้ยอมเสียหน้านำกระบี่หยกมาแลกกับตำราลับ ดังนั้น เขาจึงใช้กระบี่หยกมาฝึกฝนวิชากระบี่เทียนหลัวอย่างมีความสุข จนตัวเองถึงรู้สึกพอใจ จากนั้นถึงได้กลับไปพักที่ห้อง
  ต่อมา ชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านไปอย่างเรียบง่ายและสมบูรณ์แบบ หยางโปฝึกฝนวิชากระบี่เทียนหลัวในระหว่างวันและฝึกลมปราณหยินชี่จิงในช่วงกลางคืน เพราะเหยียนหรูหยูกลับมาแล้ว
  หยางโปจึงต้องแข่งกันแย่งแหล่งพลังกับเหยียนหรูหยู
  ตาอ้วนหลิวและลู่เจียเฟยเดินทางไปภาคใต้ ทั้งสองคนก่อร่างสร้างธุรกิจของตัวเอง ทางหยางโปเองก็ลงทุนเงินจำนวนหนึ่ง
  ลัวย่าวหัวหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน ไม่มาหาเขาด้วยเช่นกัน อยู่บ้านทุกวันไม่ยอมออกไปไหน
  หลินหลินอยู่ที่บ้านทั้งวันไม่มีอะไรทำ หลังจากอยู่ได้สองสามวัน ก็ออกไปทำงาน เธอมีธุรกิจของตัวเองจำเป็นที่ต้องดูแลมัน
  หยางโปรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะแตะขอบวรยุทธ์ขั้นเลียนชี่จิง แต่ในขั้นตอนนี้ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางที่จะก้าวข้ามไปได้ ไอลีนโนเวล
  เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปถามเหยียนหรูหยู คิดไม่ถึงว่าเหยียนหรูหยูจะเพียงแค่ชำเลืองมองเขา ” ขยันฝึกฝน อย่าไปคิดมาก ”
  หยางโปถึงกับนิ่งอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ” คุณเหยียน คุณก็รู้ว่าการฝึกฝนนั้นยาวนานมาก
  แต่ละก้าวที่ผ่านไปไม่รู้ว่าจุดจบจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ”
  “ ถ้าอย่างนั้นนายจะไม่ฝึกก็ได้ ” เหยียนหรูหยูขึ้นเสียงใส่
  หยางโปถึงกับสำลักพูดไม่ออกไปทันที
  โชคดีที่ลัวย่าวหัวเดินเข้ามาขอคำแนะนำจากเขาในเวลานี้พอดี
  หยางโปได้ตอบคำถามของเขา ลัวย่าวหัวได้ชายตามองไปที่หยางโป แล้วเหลือบมองเหยียนหรูหยูอีกครั้ง ” ช่วงนี้ฉันจะประสาทอยู่แล้ว พวกนายไม่ออกไปข้างนอกกันบ้างเลยหรือไง ? ”
  “ แค่ไม่กี่วัน อนาคตวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ! ” หยางโปกล่าว
  “ ฉันอยู่บ้านมาสิบกว่าวันแล้ว โอเคไหม ? แม้แต่แม่ยังไล่ฉันออกบ้านให้ไปตากแดด นายคิดว่าฉันมาหานายเพราะคิดถึงนายหรือไง ? ” ลัวย่าวหัวบ่นใหญ่
  หยางโปเหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว ” ข้างนอกมีเรื่องอะไร ออกไปแล้วจะทำอะไรได้ ? ”
  ” มีเรื่องสนุกๆให้ทำตั้งมากมาย นายไม่รู้เลยหรือไง เมื่อเร็วๆนี้ มีคณะศิลปินญี่ปุ่นมาเปิดการแสดงที่ตี้จิง ได้ยินมาว่าน่าดูมาก นายอยากจะไปดูหน่อยไหม ? ” ลัวย่าวหัวกล่าว
  “ คณะศิลปินของประเทศญี่ปุ่น ? ” หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงเกิร์ลกรุ๊ปหลายๆวงในประเทศญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างชอบความน่ารักคิกขุ
  “ เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายไปดูเอง ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
  หยางโปหันไปมองเหยียนหรูหยู ” แล้วคุณล่ะ ? ”
  เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ ฉันไม่ไป พวกคุณไปเถอะ ! ”
  “ ไปด้วยกันเถอะ ได้ยินมาว่ามันสนุกมากเลยนะ ! ” ลัวย่าวหัวเอ่ยปากชวน ในที่สุดเขาก็เข้าใจความร้ายกาจของคนอย่างเยว่จวิ้นเหยาและเหยียนหรูหยูแล้ว เวลาพูดคุยกับพวกเธอ
  เขาจะกลับกลายเป็นคนที่อ่อนโยนมาก จะเคลื่อนไหวมือเท้าทียังไม่กล้า !
  ถ้าเป็นแต่ก่อน ลัวย่าวหัวคงเข้าไปลากตัวเหยียนหรูหยูไปแล้ว
  เหยียนหรูหยูยักคิ้ว และพยักหน้าให้
  ลัวย่าวหัวไม่ได้จัดการเรื่องนี้ไว้ เขาจึงออกไปคุยโทรศัพท์ขอให้คนอื่นซื้อตั๋วให้ทันที
  หยางโปไม่ใส่ใจ พวกเขาพากันขึ้นไปนั่งบนรถ ในเมื่อลัวย่าวหัวเป็นคนชวน เขาก็ต้องจัดการมันได้
  เมื่อทั้งหมดมาถึงที่โรงละคร การแสดงสดก็ได้ดำเนินไปกว่าครึ่งเรื่องแล้ว
  หยางโปเห็นกลุ่มเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสั้นกำลังกระโดดโลดเต้นและร้องเพลงอยู่บนเวที บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ทางด้านลัวย่าวหัวที่ยังไม่ทันนั่งลง ก็เริ่มโบกไม้โบกมือแล้ว
  หยางโปมองสำรวจดูสภาพในงาน จู่ๆก็รู้สึกพูดไม่ออก จัดการแสดงแบบนี้เหมาะจริงๆแล้วงั้นเหรอ ?
  เหยียนหรูหยูหันซ้ายหันขวา และนั่งลงอย่างว่าง่าย สายตาจับจ้องไปที่เวทีโดยไม่พูดอะไร
  แต่หยางโปรู้สึกประหลาดใจมาก คนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมอย่างลัวย่าวหัวจะชอบไม่ว่า แต่ทำไมเหยียนหรูหยูถึงชอบการแสดงแบบนี้ด้วยนะ ? เมื่อเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ หยางโปก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงทำได้เพียงนั่งลงรับชมการแสดงด้วย
  ไม่นาน การแสดงรอบนี้ก็จบลง พิธีกรขึ้นเวทีและรายงานการแสดงในรอบต่อไป นี่เป็นการแสดงวิชากระบี่ ของนักแสดงจิโร่ สึคาฮาระที่มาจากศาลเจ้าคาชิมะจิงกู
  สำหรับการแสดงประเภทนี้ หยางโปไม่เก็บเอามาใส่ใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันแตกต่างกันไปมากจากครั้งก่อนที่ไปญี่ปุ่น ถึงขนาดนำหญ้าวิเศษมาปลูกไว้ในบ้าน แค่เขาล้อมรั้วเหล็กกั้นไว้ไม่ให้คนในบ้านจับต้องก็พอแล้ว เขารู้สึกว่าการแสดงวิชากระบี่พวกนี้ มากสุดก็แค่มีความสวยงาม
  ไม่นาน ชายหนุ่มสวมชุดขาวของญี่ปุ่นก็เดินขึ้นมา เขาถือฝักด้วยมือซ้ายแล้วมือขวาจับด้ามไว้
  เดินมาหยุดอยู่กลางเวทีชักกระบี่ออกมา !
  หยางโปเห็นแสงสีขาววาบวับหนึ่ง ทันทีที่ชักกระบี่ออกมา ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ตั้งกระบี่ตรง !
  มีเสียงปรบมือในงานดังขึ้น ลัวย่าวหัวปรบมืออย่างแรง เพราะท่วงท่าที่ชักกระบี่ออกมานั้นเท่ห์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ทุกคนกระพริบตา กระบี่ได้ถูกชักออกมาจากฝัก ดูเย่อหยิ่งและอวดดี ! ยิ่งมองไม่ชัดมันก็ยิ่งดูลึกลับน่าค้นหา !
  ดวงตาของหยางโปกลับเบิกกว้าง เพราะเขาเห็นชัดเจนว่าในช่วงขณะที่ชักกระบี่ออกมานั้น
  ดูเหมือนจะมีจังหวะที่อธิบายไม่ถูก ที่ทำให้คนมีอาการตกใจสั่นไปทั้งตัว !