เหยียนหรูหยูเพิ่งตื่นนอน มีสีหน้าท่าทีงัวเงีย ใบหน้าขาวสวยละมุมภายใต้แสงอาทิตย์ ผมหน้าม้าม้วนงอเล็กน้อย เกี้ยวอยู่ข้างหู ลดความเย็นชาลงและ แลดูน่ารักขึ้นมาก
เหยียนหรูหยูได้ยินคำร้องขอของหยางโปก็เงยหน้าขึ้นมองเขา ” คุณอยากเรียนวิชากระบี่ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ผมอยากเรียนวิชากระบี่สักแขนงหนึ่ง ”
เหยียนหรูหยูจ้องมองหยางโป ” มวยเทียนหลัวที่ฉันสอนคุณ ก็สามารถฝึกใช้กับกระบี่ได้ ผลลัพธ์ที่ได้แย่หน่อยก็เท่านั้น ฉันจะสอนวิชากระบี่เทียนหลัวอีกแขนงหนึ่งให้คุณก็แล้วกัน ”
หยางโปจ้องมองเหยียนหรูหยู ” วิชากระบี่เทียนหลัว มวยเทียนหลัวกับกระจกเทียนหลัว ทั้งหมดนี้คงไม่ใช่ความลับที่ไม่สามารถเผยแพร่แก่บุคคลอื่นได้ของตระกูลฉินของคุณหรอกนะ ? ”
เหยียนหรูหยูเงยหน้าขึ้น “ คุณไม่ยินดีที่จะเรียน ? ”
“ ไม่ ผมยินดี ! ” หยางโปรีบกล่าว
ทั้งสองมาที่สวนดอกไม้ที่อยู่ทางด้านหลังใหม่อีกครั้ง หยางโปยื่นกระบี่ให้ เหยียนหรูหยูรับกระบี่มาและเริ่มร่ายรำไปมา
เหยียนหรูหยูแต่งกายด้วยชุดสีขาวร่ายรำกระบี่อยู่ท่ามกลางดอกไม้ ในท่าที่สวยงาม ขึ้นร่ายรำอย่างคล่องแคล่วสวยงาม แต่หยางโปกลับรู้สึกหนาวสะท้านและเย็นยะเยือกท่ามกลางกระบี่ที่กวัดแกว่งไปมา
ไม่นาน เหยียนหรูหยูก็เก็บกระบี่ และหันไปมองหน้าหยางโป “ คุณจำได้ไหม ? ”
หยางโปอยากเรียนรู้และทำตามเหตุการณ์ในละครกำลังภายในมาก และบอกว่าเขาจำได้ทั้งหมดแล้ว แต่ตอนนี้เขาจ้องมองท่วงท่าของวิชากระบี่ ถึงแม้จะเบิกตากว้าง และเปิดเนตรดู แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ดูแล้วไม่เข้าใจ เขาจึงทำได้เพียงต้องพูดความจริงและพูดไปตามตรง ” มีหลายอย่างที่ไม่ค่อยเข้าใจ ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้า และส่งกระบี่คืนไปให้
หยางโปทำตามท่วงท่าก่อนหน้านี้ของเหยียนหรูหยูและฝึกฝนใหม่อีกครั้ง ในขณะที่ทางด้านเหยียนหรูหยูก็คอยแนะนำท่วงท่าให้แก่เขาและคอยตอบคำถาม
เมื่อฝึกฝนมาได้สองรอบ หยางโปเหมือนจะเรียนรู้วิชากระบี่ได้ทั้งหมดแล้ว เขาสัมผัสได้ว่าวิชากระบี่นี้ดูซับซ้อนเอามากๆ ทุกกระบวนท่าดูเหมือนจะสามารถถอดและประกอบเข้าด้วยกันได้ใหม่หมด ยิ่งไปกว่านั้นลำดับของกระบวนท่าก็ตีมั่วซั่วได้ด้วยเช่นกัน
หยางโปเก็บกระบี่และหันมองไปที่เหยียนหรูหยู “ ผมสงสัยเกี่ยวกับคำถามนี้มาตลอด ในเมื่อพวกคุณมาจากตระกูลฉิน ทำไมคุณถึงไม่ได้แซ่ฉิน ? ”
ไม่รอให้หยางโปพูดจบ เขาก็สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นยะเยือกที่ปะทะเข้ามา เขารีบก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว และเห็นแสงกระบี่ส่องแสงเป็นประกาย แสงสีเงินแวววับพาดผ่านเข้ามา
หยางโปตกใจมาก “ ต่อให้คุณไม่อยากตอบ ก็ไม่ควรทำแบบนี้หรือเปล่า ? ”
เหยียนหรูหยูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ หันหลังกลับเข้าบ้านไปทันที เธอยังพักผ่อนไม่เพียงพอ
ยังคงต้องการพักผ่อนอยู่ ไอลีนโนเวล
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องฝึกฝนต่อไป
เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเรียนรู้วิชากระบี่สักแขนงหนึ่งมาโดยตลอด อย่างน้อยเมื่อถือกระบี่หยก จะได้ไม่ต้องเก้ๆกังๆ ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เรียนรู้วิชากระบี่แขนงหนึ่งสักที แต่เขากลับรู้สึกสูญเสียพลังไปเล็กน้อย เพราะวิชากระบี่ชุดนี้มันดูเหมือนค่อนข้างจะเกินความสามารถที่เขาจะเข้าใจได้ หรือว่าตอนนี้เขาได้รับการฝึกฝนที่ไม่เพียงพอ จึงเป็นเรื่องยากที่จะแสดงศักยภาพพลังของวิชากระบี่ทั้งชุดออกมาได้
หยางโปฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง
หยางโปถือกระบี่หยกและฝึกฝนเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่กำลังจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีลมแรงพัดมาจากด้านหลัง เขารีบหลบไปซ่อนทางด้านข้างทันที
หยางโปมองย้อนกลับไป ก็เห็นว่าโจวซินพ่อลูกยืนอยู่ข้างหลังเขาจริงๆ
อาการบาดเจ็บของโจวซินยังไม่หายดี ยังมีผ้าพันแผลบางส่วนอยู่บนตัว โจวเซี่ยงเฉิงก็มีอาการบาดเจ็บบนร่างกายเหมือนกัน ทั้งสองยืนตรงข้ามหยางโป และจ้องมองมาที่หยางโป
หยางโปมองดูพวกเขาพ่อลูก แต่ไม่ได้พูดอะไร
โจวซินจ้องไปที่หยางโป “ ต้องเป็นคุณแน่นอน ที่พรากโอกาสและโชคชะตาของผมไป ! ไม่อย่างนั้น คนป่าเถื่อนอย่างคุณที่เกือบจะละทางโลกมุ่งสู่ทางธรรม จะมีวิชาดาบที่สูงส่งได้ยังไง ? ”
หยางโปฉีกยิ้มและหันไปมองโจวเซี่ยงเฉิง แต่ไม่ได้พูดอะไร
โจวเซี่ยงเฉิงโบกมือและส่งสัญญาณไม่ให้โจวซินพูด เขามองไปที่หยางโป ” โจวซินพูดถูกไหม ? ”
“ ในเมื่อพวกคุณคิดว่านี่เป็นโอกาสและโชคชะตาที่ได้รับจากทะเลสาบซีหู ถ้าอย่างนั้น พวกคุณลองคิดดู ทำไมผมถึงได้รับวิชากระบี่แขนงหนึ่งที่ทะเลสาบซีหูได้ล่ะ ? เป็นไปได้ไหมที่ตอนนั้นสายฟ้าฟาดใส่ศีรษะของผม จากนั้นผมก็เข้าใจวิชากระบี่แขนงหนึ่งแล้วงั้นเหรอ ? ” หยางโปพูด
โจวเซี่ยงเฉิงผงะไปครู่หนึ่ง “ พูดมาตามตรง คุณไปเรียนรู้วิชากระบี่ที่เฉียบแหลมแบบนี้มาจากไหน ? ”
หยางโปเมินเขา เอาแต่ร่ายรำกระบี่แล้วพูดว่า ” ที่นี่ไม่ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ทั้งสองท่านเชิญกลับไปเถอะ ! ”
“ คนไร้ยางอายอย่างคุณ ขโมยโอกาสและโชคชะตาของผมไป ผมไม่ปล่อยคุณไปแน่ ! ” โจวซินจ้องมองหยางโปเขม็ง ดูเหมือนไม่สามารถระงับความโกรธภายในใจของเขาได้
โจวเซี่ยงเฉิงจ้องมองหยางโปเขม็ง ” เกรงว่าคุณยังไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของตระกูลโจวเรา ถึงแม้คุณจะรู้จักกับจินอันซือไท่บนภูเขาเอ๋อเหม่ย คงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าตอนนี้คุณส่งมอบตำราลับวิชาเรียกลมฟ้ามาให้ ผมก็จะถือว่าเรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป ! ”
หยางโปมองหน้าโจวเซี่ยงเฉิง ” ครั้งก่อนคุณก็พูดแบบนี้ แล้วผลลัพธ์ล่ะ ? ”
โจวเซี่ยงเฉิงจ้องเขม็ง แต่ท้ายที่สุด เขาก็เป็นชายวัยสี่สิบห้าสิบปีแล้ว จึงไม่ได้คิดโจมตีเขาตามอารมณ์ที่เดือดพลุกพล่าน “ ในเมื่อคุณไม่คิดที่จะส่งมอบมันมาให้ ในอนาคตคงจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่ ”
หยางโปเหลือบมองโจวเซี่ยงเฉิง ” คุณควรถามโจวซินเพื่อทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ โจวซินคิดจะทำร้ายผมก่อน ผมได้ตำราเล่มนี้มาก็ไม่เข้าใจเนื้อหา ต่อให้พวกเราทะเลาะกันอยู่ที่นี่อีกมากแค่ไหน มันก็ไม่มีผลอะไร ผมคิดว่า สู้คุณเอาสิ่งของที่มีค่าเทียบเท่ากัน มาแลกกับของที่นี่จากผมดีกว่า ”
โจวเซี่ยงเฉิงจ้องมองหยางโป ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าทำเช่นนี้มันดีกว่าหน่อย เพราะอย่างไรเสียโจวซินก็อยู่ข้างกายเขา หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นจริงๆ กลัวว่าอาจจะไม่มีทางปกป้องโจวซินได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก โจวเซี่ยงเฉิงก็ยังคงส่ายหน้า “ คุณส่งมอบวิชาเรียกลมฝนให้ผม ผมก็จะไม่ถือสาเอาความแล้ว ถ้าไม่ยอมให้ เกรงว่าเราคงต้องเป็นศัตรูกันแล้ว ! ”
หยางโปมองโจวเซี่ยงเฉิง และลังเลใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นชาวยุทธ และไม่กลัวอีกฝ่าย แต่ถ้าครอบครัวและเพื่อนสนิทของเขาประสบพบเจอเรื่องแบบนี้ คิดว่ามันอาจจะไม่ปลอดภัย
หยางโปลังเลใจไม่น้อย เขามองไปทางโจวเซี่ยงเฉิงและเห็นว่า โจวเซี่ยงเฉิงถือกระบี่เล่มหนึ่งอยู่ในมือ เขายิ้มและกล่าวว่า ” เอาแบบนี้ละกัน ส่งกระบี่ในมือของคุณมาให้ผม แล้วผมจะมอบตำราลับและยังมีตำราเวทย์ฟูลู่ทั้งหมดให้คุณ ! ”
โจวเซี่ยงเฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะเสนอข้อเสนอเช่นนี้ แต่ถึงเขาจะรู้สึกลังเลใจไม่น้อย แต่ก็โยนกระบี่ในมือทิ้งไปทันที
กระบี่คมกริบสอดเข้าไปที่ปลายเท้าของหยางโปพอดี หยางโปฉีกยิ้มจางๆโยนหนังสือทั้งสองเล่มออกไปโดยไม่ลังเล
โจวเซี่ยงเฉิงหยิบหนังสือทั้งสองเล่มขึ้นมา พลิกดูสองสามหน้า และพยักหน้าช้าๆ เขาหันหลังกลับมาดึงตัวโจวซิน กระโดดข้ามกำแพงออกไป โจวซินถึงกับไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไร
หยางโปมองดูพวกเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกชื่นชมยินดีอยู่ไม่น้อย โชคดีที่พวกเขาเคลียร์ความคับข้องใจที่มีต่อกันได้ ถ้าหากเขาไม่อยู่บ้าน พ่อแม่และญาติพี่น้องของเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้
ไม่รู้ว่าเหยียนหรูหยูเดินมาจากทางไหน เธอเหลือบมองไปทางที่ทั้งสองคนเดินจากไป
“ วิชาเรียกลมฝน ? ”
หยางโปพยักหน้า ยิ้มและกล่าว่า “ ผมยังเหลือเก็บไว้อยู่ คุณอยากอ่านดูหน่อยไหม ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้าและเดินกลับเข้าบ้านไปทันที “ ไม่สนใจ ! ”