RC:บทที่ 630 ช่วยราชามังกร

 

หลินเฟิงไม่ได้มองไปที่สัตว์ประหลาดตนนั้น เขาเอาแต่นั่งพักอย่างอ่อนแรง

 

แม้ว่าการระเบิดในตอนนี้จะทำให้โลกสั่นสะเทือน แต่มันก็ใช้พลังวิญญาณและความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาไปเกือบหมด

 

ตอนนี้มันจำเป็นจริง ๆ ที่เขาจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อฟื้นความแข็งแกร่งจากศึกใหญ่ทั้งสองยก ไม่งั้นถ้ามีสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาอีกคงไม่ดีแน่

 

และในส่วนที่เหลือนี้ หลินเฟิงยังกล่าวชื่นชมนมังกรหลากสีของเขา: “เยี่ยม นายทำได้ดีมาก!”

 

ใบหน้าของมังกรหลากสีที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ  “เจ้านายข้าเป็นถึงหนึ่งในราชาอสูรวิญญาณ บนสิบอันดับแรกเลยนะ”

 

หลินเฟิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้:“ ถ้านายเจ๋งสุด ๆ จริง ๆ ก็ลองคิดหาวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ให้หน่อยสิ”

 

เมื่อได้ยินคำถามนี้มังกรคุนหลากสีก็หดคอลง และไม่พูดอีกต่อไป

 

หลินเฟิงกลอกตาของเขาและถอนหายใจ: “เห้อ ฉันไม่รู้ว่าจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร”

 

“แล้วสัตว์ประหลาดตัวนั้นมันคืออะไร มันสัตว์วิญญาณใช่ไหม ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องสัตว์วิญญาณที่แปลกประหลาด แบบนี้เลยหละ”

 

ในเวลานี้มังกรดำลังเลที่จะพูด: “นายท่าน ข้าสงสัยว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่เหนือธรรมชาติหรือเปล่า”

 

สัตว์ประหลาดเหนือธรรมชาติ? เมื่อได้ยินคำนี้หลินเฟิงรู้สึกว่า ขนของเขาเริ่มลุกขึ้นอย่างกะทันหัน หลังของเขายืดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ มันไม่ใช่ปีศาจหรือภูตผีแบบนั้นแน่นอน มันไม่ใช้ปีศาจปลาหมึกตัวใหญ่แบบนั้นหรอก”

 

“แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้ มันเหมือนครอบงำจนดูไม่เหลือเค้าเดิมแล้วไม่ใช่เหรอ?”

 

มังกรดำกล่าวต่อว่า: “ข้าก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้นัก สัตว์ประหลาดเหนือธรรมชาตินั้น เป็นเพียงแค่คำทั่วไป ในความเป็นจริงแล้วมันยังมีอีกหลายเผ่าพันธุ์”

 

“ปีศาจหนวดยึบยับ ที่นายท่านเคยเห็นมันเป็นหนึ่งสายพันธุ์ชั้นนำของปีศาจนอกโลก แต่ยังมีปีศาจนอกโลกอีกมากมายเลยนะนอกจากนั้นแล้ว”

 

“บางส่วนถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว บางส่วนถูกปิดผนึกเอาไว้ และสถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นหนึ่งจุดที่ถูกปิดผนึก”

 

หลินเฟิงพยักหน้า: “เป็นเช่นนั้นนี้เอง”

 

หลังจากนั้นไม่นานหลินเฟิงก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้สัตว์ประหลาด เปลวไฟในหมวกของสัตว์ประหลาดได้ดับลงไปแล้ว และร่างสูงก็ล้มลงกับพื้นเต็มไปด้วยร่องรอยของลมหายใจที่น่าเศร้า

 

หลินเฟิงพยายามมองไปข้างในหมวกที่ขฯะเดียวกันวงวนสีดำก้พุดขึ้น

 

“นี่คืออสูรทหารม้า”

 

อสูรทหารม้า?

 

หลินเฟิงตะลึงเล็กน้อย ดูเหมือนว่านี่จะเป็นชื่อเผ่าพันธุ์ของสัตว์ประหลาดตัวนี้

 

แต่เมื่อเขาต้องการถามคำถามต่อไป วงวนสีดำก็ไม่มีคำตอบใด ๆ กลับมา

 

เมื่อมองไปที่ซากศพของอสูรทหารม้า หลินเฟิงก็รู้สึกตื่นเต้นเล็ก ๆ พร้อมกับลมเย็น ๆ ที่พัดใส่หน้า

 

ความแข็งแกร่งของสายพันธุ์นี้ คือพลังที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับมัน

จากนั้นผลลัพธ์ของการต่อสู้เห็นได้ชัดว่าต้องมีอสูรทหารม้าชนิดอื่น ๆ อยู่อีกและความแข็งแกร่งนั้นอาจมากกว่านี้อีก!

 

หลินเฟิงมองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัว สักครู่เขารู้สึกไม่มีจุดสิ้นสุดอีกครั้ง เขาอาจจะเดินไปเจอทหารม้าเหล็กกลุ่มใหญ่ได้ทุกเมื่อ

 

มันไม่ถูกต้องที่จะอยู่ที่นี่ในตอนนี้ ถ้าสายพันธุ์ของปีศาจพวกนั้นมีปฏิกิริยากับสมาชิกที่ตายไป อยู่ที่นี่ก็คงเหมือนรอความตาย

 

ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขามุ่งหน้าไปในทิศทางที่แน่นอน

 

ระหว่างทาง เขารักษาสมาธิในระดับสูงอยู่เสมอ ความตึงเครียดทางจิตใจของเขาเกือบจะทำให้เขาล่องลอยออกไปอยู่แล้ว

 

ความจริงแล้ว เขาต้องต่อสู้กับปีศาจประเภทอื่น ๆ ประมานห้าตนเห็นจะได้

 

แต่โชคดีที่พวกนั้นเป็นเพียงทหารชั้นล่างไม่เหมือนกับตัวแรกที่เขาสู้ด้วย ความแข็งแกร่งสูงสุดยังไม่เกินระดับ SS ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหลินเฟิงทำให้สามารถแก้ไขตัวปัญหาเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

 

ในขณะที่เขาเดินไปอย่างไร้จุดหมาย เขารู้สึกสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้ว่าเขาควรตามหาราชามังกรทั้งสองก่อน อย่างไรก็ตามหากโลกแห่งความมืดนี้กว้างใหญ่ และขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียว แล้วเขาจะหาราชามังกรนั้นได้เมื่อไหร่?

 

เมื่อเขาเดินไปตามทาง ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง เขาจึงชะลอความเร็วลงและแอบฟังอยู่เงียบ ๆ แถวนั้น

 

ไม่ไกลจากจุกที่เขาแอบอยู่นัก มีปีศาจจำนวนมากกว่า 7 หรือ 8 ชนิด กำลังรวมกลุ่มกันอยู่ หลินเฟิงไม่รู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกัน

 

แต่หลินเฟิงไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งกับพวกมันอยู่แล่ว เนื่องจากอีกฝ่ายก็ไม่ได้พบตัวเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จจะเดินอ้อมออกไป

 

เมื่อเขากำลังจะออกตัวไปนั้น ทันใดนั้นเมื่อเขามองผ่านรอยแตกของกำแพง เขาเห็นร่างที่คุ้นเคยของ

 

ราชินีมังกร!

 

ในตอนนี้ราชินีมังกรกำลังนั่งอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความระแวดระวังและไม่ยอมใคร เธอใช้พลังวิญญาณมากเกินไปเพื่อสร้างม่านพลังผนึกเวทมนตร์ของตระกูลมังกรเพื่อจัดการกับปีศาจกลุ่มใหญ่จนเหลือแค่นี้

 

ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้หลงเหลืออยู่แล้ว

 

พวกปีศาจส่งเสียงแหบ ๆ ออกมา “ราชามังกรอีกตัว … ”

 

“ฆ่ามัน!” ปีศาจที่กล้ามเป็นมัด ๆ มีท่าทีที่ดุร้ายมันถือมีดขนาดยักษ์ไว้ในมือ มันจับมีดแล่เนื้อนั้นเอาไว้แน่นแล้วฟาดไปร่างของราชินีมังกรอย่างดุเดือด

 

“สามหาว!” ราชีนีมังกรตะโกนขึ้น อยู่ ๆ ก็มีแสงดาบพุ่งเข้าใส่มีดแล่เนื้อเล่มยักษ์นั้น จนมันกระเด็นออกไปพร้อมกับหัวของปีศาจกล้ามเป็นมัด ๆ ตัวนั้น

 

ถ้ามันเหวี่ยงดาบนั้นออกไปได้สำเร็จคงจะปริชีพเจ้าแห่งมังกรที่ไร้เรี่ยวแรงได้ไม่ยาก

 

หมวกเหล็กสีดำเข้มที่ถูกตัดขาดออกมาจากตัวกำลังกลิ้งอยู่ในทุ้งหญ้า และต้นหญ้าหลายต้นก็ล้มลงตามแรงของร่างสูงใหญ่ที่ไร้หัวร่างนั้น

 

ทันใดนั้นปีศาจตนอื่น ๆ ก็ตักใจกลัวและถอยหลังไปเล็กน้อย

 

ผู้นำของเหลาปีศาจหน้ากล่าวว่า “ราชามังกรต้องถูกฆ่าด้วยราชาเท่านั้น”

 

มันชี้ดาบไปที่ราชินีมังกรและออกคำสั่ง: “จับมันมา!”

 

ปีศาจหลายตัวล้อมรอบราชินีมังกรเอาไว้ทันใดนั้นพลังที่หน้ากลัวก็ก่อตัวขึ้น

 

ราชินีมังกรพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ร่างกายนันก็อ่อนแอมาก ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยซ้ำ

 

ในเวลานี้สายลมที่รุนแรงพัดผ่านมาถึงใบหน้าของราชินีมังกร พลังที่วัดได้นั้นอยู่ใน ระดับ SSS

 

อยู่ ๆ ร่างของเหล่าปีศาจก็แข็งและล้มลงในความเงียบสงัด ร่างที่ล้มลงไปกับพื้นนั้น หมวกเหล็กของพวกมันถูกผ่าแยกออกเป็นหลายชิ้น

 

“รอจังหวะนี้อยู่แล้ว!” หลินเฟิงก้มลงต่อหน้าราชินีมังกรและพูดเบา ๆ

 

มือของเขามีใบมีดนับร้อยที่มองไม่เห็น ทักษะนี้มาจากชิป SSS บางตัวมีความสามารถในการผ่าที่ทรงพลังมาก

 

“หลินเฟิง?” การปรากฏตัวของหลินเฟิงนั้น ทำให้ราชินีมังกรรู้สึกประหลาดใจ

 

“ให้ผมได้จัดการเถอะ.” หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและดวงตาของเขา จ้องมองหัวหน้าปีศาจ

 

ที่ผ่านมาเขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆ เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดแบบนี้ เขาก็กลัวจนหัวหด

 

แต่ตอนนี้เขาแตกต่างออกไปจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง เขาต้องปกป้องราชินีมังกรที่อยุ่ด้านหลังของเขา

 

“มันเป็นมนุษย์ … ” หัวหน้าปีศาจกระซิบก่อนที่จะออกคำสั่ง “จับมัน!”

 

ทันใดนั้นปีศาจตนอื่น ๆ ก็รีบวิ่งเข้าหาหลินเฟิงทันที

 

จากแรงผลักดันของพวกปีศาจ หลินเฟิงเข้าใจทันทีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่พวกลูกกระจ็อก

 

รอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปาก และมีเสียงที่พึมพำในลำคอขอเขา: “ระบำเพลิงแค้น!!”

 

เขาเลี้ยวหลังอย่างรวดเร็ว ด้วยการเคลื่อนไหวที่หลากหลายทวงท่า มันเต็มไปด้วยความหมายและพลังที่ที่เฉียบคม ที่เปี่ยมไปด้วยความความสามารถ

 

ทันใดนั้นกระแสอากาศที่ลุกโชติช่วงไปด้วยเปลวเพลิง ไฟนั้นลุกท้วมออกมาเหมือนกับพายุหมุน เปลวเพลิงหลายดวงบินออกปัดป้องการโจมตีได้ทั้งหมด