ตอนที่ 602 อิสระแห่งความรัก / ตอนที่ 603 อุบัติเหตุทางรถยนต์

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 602 อิสระแห่งความรัก

 

 

           ในสุดท้าย ทุกอย่างที่ซูซานต้องการจะพูดกลายเป็นเพียงเสียงทอดถอนใจ

 

 

           ช่างเถอะ อาจจะพูดได้ว่าเธอไม่มีวาสนาที่จะได้อยู่กับกงจวิ้นฉือล่ะมั้ง

 

 

           “ลูกน่ะ แม่ไม่รู้จะทำยังไงกับลูกจริงๆ” พ่อแม่ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนรักลูกของตัวเอง และซูซานก็ยิ่งรักฉู่เจียเสวียน

 

 

           เธอในฐานะแม่ เธอหวังเพียงฉู่เจียเสวียนจะมีความสุข ตราบใดที่คนคนนั้นดีกับเธอและเธอมีความสุข ก็เป็นความสุขที่สุดของเธอแล้ว

 

 

           “แม่คะ หนูรู้ว่าแม่ดีกับหนูที่สุดเลย” ฉู่เจียเสวียนยื่นมือโอบคอของซูซานด้วยความซาบซึ้ง ซุกไซ้ใบหน้าอยู่ที่คอของซูซาน หัวเราะด้วยสีหน้ามีความสุข

 

 

           ค่ำคืนนอกหน้าต่างเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง สายลมยามราตรีพัดเอื่อย ต้นไม้ในกระถางบนระเบียงหน้าต่างเต้นระบำอยู่ในสายลม ผ้าม่านพริ้วไหว

 

 

           ทันใดนั้น ฉู่เจียเสวียนก็รู้สึกสงบอย่างประหลาด

 

 

           อารมณ์ที่มืดมนก่อนหน้านี้หายตัวไปในทันที ชั่วครู่หนึ่ง เธอดูเหมือนสว่างไสวขึ้นมาทันใดและภายในจิตใจก็ชัดเจน

 

 

           เช้าวันรุ่งขึ้น แสงสีทองพุ่งทะลุเมฆ สาดส่องประปรายอยู่บนพื้นดิน มันทะลุผ่านกิ่งไม้และใบไม้ทิ้งให้เป็นเงากระดำกระด่าง

 

 

           ฤดูหนาวยิ่งล้ำลึกขึ้นทุกที เสื้อตัวนอกบนตัวของผู้คนเริ่มหนาขึ้น และจมูกของทุกคนก็เย็นเยียบจนกลายเป็นสีแดง

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนออกมาจากวิลล่าแล้ว ก็รีบขับรถไปยังโรงพยาบาลโดยตรง

 

 

           ขับรถไปได้ครึ่งชั่วโมง จู่ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม ดูเหมือนว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะมาแล้ว อากาศแบบนี้อยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนตามใจจริงๆ

 

 

           คุณแม่เผยมองดูท้องฟ้าที่มืดลง เธอเดินไปที่หน้าต่างอย่างเอาใจใส่ ปิดหน้าต่างที่เปิดอยู่

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเพิ่มความเร็วรถเล็กน้อย ต้องการที่จะรีบไปโรงพยาบาลก่อนเกิดพายุ

 

 

           เมื่อเธอจอดรถเธอ ก็รีบไปที่ห้องผู้ป่วยของเผยหนานเจวี๋ย ลมฝนมาอย่างรวดเร็วจริงๆ เธอกังวลว่าเผยหนานเจวี๋ยจะได้รับลมหนาวจนไม่สบาย

 

 

           ไม่ทันเคาะประตู เธอก็ผลักประตูเข้าไปทันที เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้ามองไปที่ประตู เขารู้ว่าคนที่มาจะต้องเป็นฉู่เจียเสวียนอย่างแน่นอน

 

 

           คุณแม่เผยเพิ่งจะปิดหน้าต่างบานสุดท้ายพอดี พายุฝนก็มาแล้ว หยาดฝนเม็ดใหญ่เริ่มร่วงลงเสียงดัง “เปาะแปะ” สุดท้ายพายุฝนฟ้าคะนองก็ตกรุนแรงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

 

           “เธอมาแล้วเหรอ” คุณแม่เผยหมุนตัวมา เห็นฉู่เจียเสวียนแล้วก็ยิ้มเอ่ย

 

 

           “คุณน้าเผย” ฉู่เจียเสวียนเรียกอย่างนอบน้อม เธอไม่คิดว่าคุณแม่เผยจะอยู่ด้วย

 

 

           “นั่งสิ” คุณแม่เผยเอ่ย ระยะหลังนี้ฉู่เจียเสวียนอยู่ดูแลเผยหนานเจวี๋ยที่โรงพยาบาลตลอด ทำให้เธอวางใจไม่น้อย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า วางกระติกน้ำร้อนในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา

 

 

           ดวงตาทั้งคู่ของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องอยู่ที่ฉู่เจียเสวียนตลอดเวลา ความร้อนแรงในแววตานั้นทำให้คุณแม่เผยที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้วยิ้มทันที

 

 

           “เจียเสวียน ช่วงหลังนี้ต้องลำบากเธอแล้ว” คุณแม่เผยกล่าว สายตาที่มองฉู่เจียเสวียนไม่มีความเหยียดหยามเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 

 

           “ไม่เป็นไรค่ะ เผยหนานเจวี๋ยบาดเจ็บเพราะฉัน ที่ฉันดูแลเขามันสมควรอยู่แล้ว” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยยิ้มจางๆ เธอประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทีที่คุณแม่เผยมีต่อเธอ ทั้งๆ ที่เธอเคยเยาะเย้ยเธอในอดีต

 

 

           “เธอนี่มีน้ำใจจริงๆ เอาล่ะ เดี๋ยวฉันยังมีธุระ ขอตัวกลับก่อนล่ะ”

 

 

สุดท้ายเธอหาเหตุผลจากไปเพื่อให้พื้นที่แก่พวกเขา

 

 

           มองดูประตูปิดลง เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นทันที “มานี่” เขายื่นมือพร้อมพูดกับฉู่เจียเสวียนที่นั่งอยู่บนโซฟา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว แต่ก็ยังเดินเข้าไป หยุดยืนอยู่ข้างเขา

 

 

           “จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วยัง” เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้า แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีความร้อนแรง

 

 

           “ฉันบอกเลิกเขาแล้ว แต่ว่าเขาไม่เห็นด้วย ฉันเป็นห่วงเขา” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยอย่างเป็นห่วง

 

 

           เธอกลัวจริงๆ ว่ากงจวิ้นฉือจะรับไม่ไหว

 

 

           “ไม่เห็นด้วย? ความรักคืออิสระนะ” เผยหนานเจวี๋ยดีใจ พวกเขาเลิกกันจริงๆ แล้ว เช่นนี้เขาก็สามารถคบกับเธอได้อย่างเปิดเผยแล้ว

 

 

 

 

       ตอนที่ 603 อุบัติเหตุทางรถยนต์

 

 

           “ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังเถอะ กงจวิ้นฉือทางนั้นฉันจะหาเวลาไปคุยกับเขาเอง” ฉู่เจียเสวียนเอ่ย ตอนนี้เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก

 

 

           “คุณกินแล้วยัง ฉันเอาโจ๊กมาให้คุณ จะกินสักหน่อยไหม”

 

 

           “ได้” เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า แววตาเปี่ยมรอยยิ้ม

 

 

           ลมฝนนอกหน้าต่างยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าขมุกขมัว ยืนอยู่ข้างในก็มองเห็นถนนได้ไม่ชัดเจนเลย

 

 

           รถราบนถนนแล่นช้าเป็นพิเศษ ไฟหน้ารถส่องสลับไปมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ฝนตกหนัก

 

 

           “ขับเร็วหน่อย ใกล้จะสายแล้ว” กงจวิ้นฉือมองดูเวลา เอ่ยปากรบเร้า เขามีประชุมสำคัญต้องเข้าร่วม

 

 

           หลังจากพูดจบแล้ว เขาหันมองพายุลมนอกหน้าต่าง เขายังไม่สามารถยอมรับความจริงที่ฉู่เจียเสวียนต้องการจะเลิกกับเขาได้

 

 

           “ประธานกงครับ ถนนเส้นนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ตอนนี้ยังฝนตกหนักขนาดนี้ ผมกลัวว่า…” คนขับรถเอ่ยปาก ที่ตรงนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตอนนี้สภาพอากาศยังโหดร้ายขนาดนี้ ถ้าจู่ๆ เร่งความเร็วล่ะก็ เขากลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ

 

 

           “ไม่มีปัญหาหรอก” ตอนนี้กงจวิ้นฉือไม่ใส่ใจเรื่องอื่นแล้ว เขาเพียงต้องการไปถึงบริษัทโดยเร็ว

 

 

           เห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวของกงจวิ้นฉืออย่างนี้แล้ว ก็ได้แต่เร่งความเร็วรถ หวังว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้น และหวังว่าจะไม่มีรถที่จู่ๆ พุ่งออกมาจากสายฝนกระหน่ำ     

 

 

           คิดสิ่งใดสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ ขณะเข้าโค้ง คนขับรถเห็นรถเล็กคันหนึ่งขับตัดถนน เขาหักพวงมาลัยกะทันหัน แต่ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นในชั่วขณะนั้นเอง

 

 

           เสียง “ปัง” ดังสนั่นหวั่นไหว รถสองคันประสานงาทำให้เกิดแรงเฉื่อยรุนแรง กงจวิ้นฉือรู้สึกเพียงดวงตาดับวูบ ระยะหลังนี้เพราะความเครียดในใจของเขาทำให้ร่างกายของเขารับอาหารไม่ได้นานแล้ว ไม่นานเขาก็หมดสติไป

 

 

           ทันใดนั้นฉู่เจียเสวียนที่อยู่ในโรงพยาบาลรู้สึกแน่นหน้าอก รู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด เธอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งและไม่เข้าใจว่าทำไมความรู้สึกนี้ถึงเกิดขึ้น

 

 

           เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเลือนลาง

 

 

           “เป็นอะไรไป” เผยหนานเจวี๋ยมองดูฉู่เจียเสวียนที่ขมวดคิ้วเข้าหากัน เอ่ยถามเสียงเบา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า ความรู้สึกไม่สบายใจโดยไม่มีสาเหตุของเธอแบบนี้ พูดออกมาแล้วคงทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะล่ะมั้ง

 

 

           หันไปดูฝนที่ตกอยู่นอกหน้าต่างอย่างต่อเนื่อง น้ำฝนบนหน้าต่างก็เหมือนกับสายธารที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย

 

 

           ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น เธอสะดุ้งโหยง มองดูสายเรียกเข้า เธอรีบกดรับสายทันที “ฮัลโหล”

 

 

           “ขอโทษนะครับ ใช่คุณหนูฉู่หรือเปล่า” เสียงไม่คุ้นหูดังขึ้นมาจากปลายสาย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว “ใช่ค่ะ นี่มันมือถือของกงจวิ้นฉือไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

           “รบกวนคุณมาที่โรงพยาบาลหน่อยเถอะครับ ตอนนี้คุณกงกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยกับฉู่เจียเสวียน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนรู้สึกเพียงในสมองของเธอส่งเสียง “วิ๊งๆ” หลังจากได้ยินว่าคุณกงอยู่ในห้องฉุกเฉิน เธอก็ไม่ได้ยินเรื่องอื่นแล้ว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่มีท่าทางสติหลุดลอย เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนหันมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความงงงวย โทรศัพท์มือถือร่วงหล่นจากมือของเธอสู่พื้น

 

 

           “ฉันขอออกไปหน่อย คุณพักผ่อนเถอะ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยด้วยแววตาเลื่อนลอย พูดจบก็หมุนตัวจากไป

 

 

           กงจวิ้นฉือที่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้อย่างไรกัน แต่ในเวลานี้เขากำลังได้รับการช่วยเหลืออยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้จริงๆ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่สามารถยอมรับอุบัติเหตุที่กะทันหันแบบนี้ได้ เมื่อวันเขายังดีๆ อยู่เลย

 

 

           ตอนนี้ ร่างกายของเผยหนานเจวี๋ยยังไม่หายดี กงจวิ้นฉือก็มาเกิดเรื่องอีก สวรรค์ ท่านจงใจล้อเล่นกับฉันใช่ไหม

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเร่งรุดไปยังห้องฉุกเฉิน มีผู้ช่วยคนหนึ่งตามหลังเธอ เผยหนานเจวี๋ยไม่วางใจให้เธอไปตามลำพัง ดังนั้นจึงให้ผู้ช่วยตามเธอไป