ตอนที่ 600 ใจแข็งหน่อย / ตอนที่ 601 รักเธอขนาดนั้น

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 600 ใจแข็งหน่อย

 

 

           หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอพูดต่อ “ร่างกายของเขาอ่อนแอมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าเขาก็ยังไปช่วยฉัน เธอรู้ไหมถ้าคืนนั้นเผยหนานเจวี๋ยไปช้าสักหน่อย ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้ฉันจะยังนั่งอยู่ตรงหน้าเธอได้หรือเปล่า”

 

 

           คิดถึงคืนนั้น หัวใจของฉู่เจียเสวียนก็ซาบซึ้ง ไม่ทันรอให้ถังถังเอ่ยปาก เธอพูดต่อ “ตอนนี้เขาเจ็บตัวเพราะฉันหลายครั้งแล้ว เสี่ยงชีวิตช่วยฉันหลายครั้ง ทุกครั้งที่ฉันเจอกับเรื่องลำบาก เขาก็เป็นคนที่ปรากฏตัวอยู่ข้างกายฉัน…”

 

 

           “ถังถัง…เธอเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นของฉันใช่ไหม” ฉู่เจียเสวียนพูดไปพูดมาก็เริ่มสะอื้น

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยดีกับเธอเกินไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขารักเธอ ทำไมเขาต้องเสี่ยงชีวิตช่วยเธอด้วย

 

 

           เธอรู้ว่ากงจวิ้นฉือก็เคยช่วยเธอ แต่ว่าคนเราก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น เธอไม่ได้ชอบกงจวิ้นฉือแบบคู่รักหนุ่มสาว และหัวใจก็มีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถมีคนที่สองได้

 

 

           สภาพอากาศนอกหน้าต่างมืดลงอย่างช้าๆ ในฤดูหนาวเวลากลางวันค่อนข้างสั้น ดังนั้นไฟถนนจึงเปิดเมื่อห้าโมงครึ่ง

 

 

           ถังถังมองไปที่ฉู่เจียเสวียนอย่างเงียบๆ และฟังเธออย่างเงียบๆ

 

 

           ได้ยินฉู่เจียเสวียนพูดความในใจออกมาแล้ว ตลอดระยะเวลามานี้ ฉู่เจียเสวียนข่มเอาไว้จนทุกข์ทรมานเกินไปแล้ว

 

 

           ทั้งๆ ที่อยากรักแต่กลับไม่กล้ารัก เวียนว่ายอยู่ในวังวนแห่งรัก ไม่สามารถดิ้นรนได้ พยายามว่ายต่อไปก็ไม่ถึงฝั่ง

 

 

           เธอต้องการที่ระบาย ต้องการใครสักคนที่จะปรับทุกข์ได้ และคนคนนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นถังถังแล้ว

 

 

           “เจียเสวียน ฉันไม่รู้ว่าต้องพูดเรื่องนี้ยังไง ถ้าเธอคิดว่านี่คือชีวิตที่เธออยากได้ งั้นเธอก็ทำต่อไปเถอะ” ถังถังเอ่ยเสียงเบา ยื่นมือออกไปกุมมือของเธอเพื่อสนับสนุนเธอ

 

 

           ในความรัก มีเพียงรักกับไม่รัก มันไม่เคยมีข้อแก้ตัวอื่นๆ

 

 

           “ฉันก็แค่รู้สึกผิดต่อกงจวิ้นฉือ ที่ฉันเดินอยู่บนเส้นทางนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความช่วยเหลือจากเขา ถ้าหากไม่มีเขา ก็ไม่มีฉันในวันนี้” ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนพูดถึงกงจวิ้นฉือ ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

 

 

           “ในเมื่อตอนนี้เธอก็ตัดสินใจแล้ว ก็ต้องใจแข็ง อย่าให้ความหวังอะไรกับเขาอีก ตัดความคิดถึงเขาให้เร็ว” ในเมื่อตอนนี้ฉู่เจียเสวียนตัดสินใจแล้ว ก็ควรจะใจแข็งหน่อย

 

 

           แต่ว่าเธอก็เห็นใจกงจวิ้นฉือ ทั้งสองคนต่างเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เธออยากให้พวกเขามีความสุข แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างขัดกับความคาดหวังแล้ว

 

 

           เช่นนั้นเธอก็ทำได้เพียงอวยพร

 

 

           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า หลังจากได้คุยกับถังถังแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก

 

 

           “เธอว่าฉันทำกับเขาเกินไปหรือเปล่า” เพียงนึกถึงแววตาสิ้นหวังของกงจวิ้นฉือในวันนี้ ฉู่เจียเสวียนก็ปวดใจ

 

 

           “เกินไปสิ” ถังถังตอบโดยไม่คิด “แต่ว่าเธอตัดสินใจแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอจะไม่วางไพ่ใบสุดท้ายกับเขาเพียงเพราะคำว่าเกินไป?”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนส่ายหัว เธอไม่ควรจะเสียใจกับเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว

 

 

           “งั้นก็จบแล้วสิ? อย่ากังวลเลย เขาจะเดินออกมาได้เอง แต่ว่าเจียเสวียน ฉันยังต้องเตือนสติเธอนะ ตอนนี้เธอถูกเขาทำร้ายมาแล้วครั้งนึง ถ้าหากเธออยากจะอยู่กับเขา คิดให้ถี่ถ้วนจะดีที่สุด” ในฐานะเพื่อนที่ดี หากเธอต้องการตามหาความสุข เธอจะไม่ขัดขวางเธออยู่แล้ว

 

 

           เพียงแต่ เธอหวังว่าเธอจะคิดให้ละเอียดว่าเธอต้องการจะอยู่ด้วยกันกับเผยหนานเจวี๋ยหรือเปล่า

 

 

           “เธอต้องคิดให้ดี เป็นเพราะว่าเผยหนานเจวี๋ยช่วยเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็เลยรู้สึกผิดหรือเปล่า ก็เหมือนกับตอนนั้นที่เธอรู้สึกผิดกับกงจวิ้นฉือ ก็เลยยอมรับเขา ฉันไม่อยากให้เธอมีความคิดแบบนี้ ในฐานะเพื่อน นี่คือคำแนะนำที่จริงใจจากฉัน” ถังถังมองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ยปากด้วยความจริงใจ

 

 

           เธอหวังว่าครั้งนี้เธอจะคิดอย่างละเอียดจริงๆ อย่าโง่แบบนั้นอีก บางครั้งการตอบแทนบุญคุณมีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวเองไปตอบแทน

 

 

           หากรักด้วยใจจริงก็อุทิศตัวเองให้อีกฝ่าย หากไม่ใช่แล้วมันก็เป็นเพียงความสงสาร

 

 

 

 

       ตอนที่ 601 รักเธอขนาดนั้น

 

 

           หลังจากทั้งสองคนปรึกษากันในร้านกาแฟครู่ใหญ่แล้ว ฉู่เจียเสวียนรับปากถังถังว่าจะคิดให้ถี่ถ้วนว่าอยากอยู่กับเผยหนานเจวี๋ยหรือเปล่า

 

 

           ขณะที่พวกเธอออกมาจากร้านกาแฟ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ราตรีคืบคลานเข้ามาแล้ว

 

 

           ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ทอประกายสุกใส พระจันทร์เสี้ยวปล่อยแสงเยือกเย็นลงสู่พื้นโลก

 

 

           หลังจากทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้ว ก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

 

 

           เมื่อฉู่เจียเสวียนกลับถึงวิลล่าแล้วก็ไม่เห็นเงาของซูซานตามที่คาดไว้ “แม่คะ หนูกลับมาแล้ว…”

 

 

           เธอโยนกระเป๋าในที่โซฟา เธอล้มตัวลงบนโซฟาด้วยความอ่อนล้า ทันใดนั้นร่างกายก็สบายขึ้นมาก

 

 

           ไม่ได้ยินเสียงตอบรับของซูซาน ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย ลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วเดินไปยังห้องครัว หันมองอยู่รอบหนึ่ง พบว่าไม่เห็นเงาของซูซาน อดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้ว

 

 

           หรือว่าจะอยู่ข้างบนนะ? คิดดังนี้ ก็เดินขึ้นไปข้างบน “แม่คะ แม่อยู่ที่ไหน”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเดินพลางเรียกพลาง แต่ว่ายังคงไม่มีเสียงตอบรับจากซูซาน ในใจของเธอตื่นตระหนก เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น “แม่คะ…”

 

 

           ในที่สุด เสียงของซูซานก็ดังมากจากในห้อง “แม่อยู่ในห้อง”

 

 

           ได้ยินเสียงตอบรับแล้ว เธอก็โล่งใจ เธอตกใจแทบแย่ เธอนึกว่าแม่จะเกิดเรื่องเสียอีก ปกติแล้วอยู่ในห้องรับแขกไม่ใช่หรือ ทำไมคืนนี้ถึงมาอยู่ในห้องล่ะ

 

 

           เธอเคาะประตู สุดท้ายก็ผลักประตูเข้าไป เห็นว่าซูซานกำลังเก็บเสื้อผ้า “แม่ หนูตกใจแทบแย่ หนูนึกว่าแม่เกิดเรื่องแล้วซะอีก”

 

 

ซูซานเงยหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้ม “แม่จะมีเรื่องอะไรได้ แม่ก็แค่เก็บเสื้อแค่นั้น หิวหรือเปล่า แม่เหลือน้ำแกงให้ลูกอยู่ในครัว”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า เดินมานั่งข้างซูซาน “หนูกินข้าวกับถังถังแล้ว”

 

 

           เอื้อมมือช่วยซูซานพับเสื้อผ้า ฉู่เจียเสวียนมองดูเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูซาน ไม่รู้ว่าจะต้องบอกเธอเรื่องเธอกับกงจวิ้นฉืออย่างไรดี

 

 

           ซูซานเคยพูดแล้วว่า ความหวังที่สูงสุดของเธอก็คือการได้เห็นเธอแต่งงานกับกงจวิ้นฉือ

 

 

           เงยหน้าขึ้น เห็นท่าทางเหมือนฉู่เจียเสวียนมีเรื่องในใจ ซูซานขมวดคิ้วเอ่ย “ลูกมีอะไรคุยกับแม่เหรอ”

 

 

           ผู้เป็นแม่ย่อมรู้ใจของลูกตัวเอง แม้ฉู่เจียเสวียนไม่ได้พูดอะไร เพียงเธอมองอาการของฉู่เจียเสวียนก็รู้แล้วว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับเธอ

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง พยักหน้ากับซูซาน “แม่คะ หนูเลิกกับกงจวิ้นฉือแล้ว พวกเราไม่เหมาะสมกัน”

 

 

           “อะไรนะ” มือที่เก็บเสื้อผ้าของซูซานชะงักกลางอากาศ มองฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าซูซานจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เอ่ยยิ้มกับเธอ “แม่คะ หนูเชื่อว่าแม่จะต้องดูออกว่าหนูไม่ชอบเขาใช่ไหมคะ”

 

 

           ซูซานเม้มปาก แววตาที่มองเธอเจือปนความซับซ้อน

 

 

           “ทำไมถึงกะทันหันแบบนี้ ไหนบอกว่าเดือนพฤษภาจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว…” ซูซานเอ่ย ดวงตาเผยความเสียดายเล็กน้อย

 

 

           ทั้งๆ ที่เธอกับกงจวิ้นฉือเหมาะสมกับขนาดนั้น เขาก็รักเธอขนาดนั้น…

 

 

           ยื่นมือกุมมือของซูซาน เธอเอ่ยปากด้วยความตื่นเต้น “แม่คะ หนูไม่อยากโกหกแม่ หนูไม่ได้ชอบเขา หนูไม่อยากทำให้เขาเหนื่อยใจอีก จวิ้นฉือเป็นผู้ชายที่ดีขนาดนั้น ไม่ควรเหนื่อยใจเพราะหนู”

 

 

           “อีกอย่าง หนูเชื่อว่าตอนนี้แม่ดูออกแล้วว่าหนูชอบใคร” ฉู่เจียเสวียนมองตาของซูซานโดยตรง แต่ละคำที่เอ่ยออกมาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

 

 

           ซูซานมองฉู่เจียเสวียนโดยตรง แน่นอนเธอรู้ว่าเธอชอบใคร แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยคนนั้นเคยทำร้ายเธอขนาดนี้ เธอจะวางใจปล่อยให้ฉู่เจียเสวียนอยู่กับเขาได้อย่างไร

 

 

           แม้ว่าเขาจะยื่นมือช่วยเหลือฉู่เจียเสวียนหลายครั้ง…

 

 

           มองดูสีหน้าที่เป็นกังวลของซูซาน ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “แม่คะ เชื่อหนู หนูรู้ว่าหนูต้องการอะไร”