ยามที่นายน้อยอยู่ในห้อง เขาเหลือบมองสตรีผู้นั้นอยู่สองครั้ง ถึงไม่ได้เห็นนางอย่างชัดเจน แต่ดูจากรูปร่างแล้วจะต้องเป็นหญิงที่งดงามอย่างแน่นอน
นางมีความสามารถถึงขนาดทำให้นายน้อยนำกลับมาที่ตำหนักได้ สตรีผู้นี้จะต้องมิใช่ธรรมดา
ตอนนี้ยิ่งลอบพบปะกับบุรุษอื่นลับหลังนายน้อยหรือ?
พ่อบ้านชรารู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องรีบกลับไปรายงานท่านอ๋องและพระชายา เพราะยามนี้ฝ่าบาทยังประทับอยู่ในตำหนักของพวกเขา หากว่าถูกฝ่าบาทพบเรื่องที่ไม่ควรนี้เข้าละก็ เกียรติยศของตำหนักหย่งเฉิงอ๋องของพวกเขาก็คงไม่มีเหลือแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็รีบไปที่โถงหน้าโดยทันที
………………………………………..
ซูเม่ยถูกหย่งเฉิงอ๋องไล่ไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชน ป้ายวิญญาณของเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายตั้งตระหง่านอยู่เรียงราย สายเลือดที่หย่งเฉิงอ๋องสืบทอดมานี่ หากนับขึ้นไปทั้งสิบแปดรุ่นแล้วล้วนเป็นผู้สูงศักดิ์ด้วยกันทั้งนั้น หลายปีมานี้พวกเขาไม่เคยถูกรบกวนด้วยเรื่องใดๆ มาก่อนเลย
ต้นบรรพชนที่อยู่ในอันดับแรกของบันทึกสายตระกูลนั้น ยังคล้ายจะเป็นถึงชั้นเซียนมาแล้วเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้ในใจของเขามีแต่ตู๋กูซิงหลัน ที่นอกศาลบรรพชนล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทของหย่งเฉิงอ๋อง แต่ละคนล้วนเบิกตาจนโตกว้าง เกรงว่าเขาจะหาทางวิ่งหนีไป
หากซูเม่ยคิดจะปลอมตัวก็ยังยาก
……………………………………
ภายในโถงหน้า หัวใจของหย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยายังไม่ทันจะสงบลง ก็เห็นพ่อบ้านชรารีบร้อนวิ่งเข้ามาทางนี้ กระซิบกระซาบที่ริมหูอยู่หลายประโยค
” ไอ้ ไอ้ลูกทรพีมีแม่เป็นสุนัข มันถึงกลับกล้า กล้าเอาสตรีกลับมา ทั้งยังขังไว้บนเตียงอยู่ในห้อง? ” หย่งเฉิงอ๋องโกรธเสียจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
พระชายาจับผ้าเช็ดหน้าในมือฟาดใส่หน้าเขา ” ท่านอ๋อง ท่านด่าใครกันเหอะ? “
มีแม่เป็นสุนัขอะไรกัน คำพูดพวกนี้ท่านพูดออกมาได้หรือ?
ฮูหยินอย่าได้มีโทสะ ข้าแค่ว่าไปตามอามารณ์เท่านั้นหรอก” หย่งเฉิงอ๋องตบอกระบายอามารณ์ ” เจ้าดูเอาเถอะ ก่อนหน้านี้มันไปร่ายเสน่ห์ใส่ฝ่าบาทเอาไว้ก่อน ตอนนี้ก็พาหญิงสาวกลับมา นี่มิใช่ว่าคิดจะสวมหมวกชายชู้ใบใหญ่ให้กัยฝ่าบาทหรืออย่างไร? “
พระชายาได้ยินแล้ว ผ้าเช็ดหน้าในมือก็ถูกบิดจนแน่นกว่าเดิม นางกัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ” อย่าได้โทษบุตรของท่านเสียทั้งหมด หากว่าลูกชายข้าสามารถเติบโตอย่างคนปกติ ไหนเลยจะทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้? “
หย่งเฉิงอ๋องทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด เขาร้อนใจจนต้องย่ำเท้าไปมา ” เอาเถอะๆๆๆ โทษข้า ต้องโทษข้า ฮูหยินโปรดอย่าได้ร้องไห้ “
เขาทางหนึ่งปลอบประโลมพระชายา ทางหนึ่งก็กล่าวว่า ” ฮูหยิน เจ้าลูกทรพีนำสตรีกลับมาก็แล้วไปเถอะ กลับนำคนที่ไม่รู้จักสำนึกตนถึงกลับกล้าลอบพบปะคนอื่นในตำหนักหย่งเฉิงอ๋อง”
” เจ้าอย่าพึ่งร้อนใจ ให้ข้าไปดูเสียก่อน หากว่านางเป็นหญิงเลวแพศยาจริงๆ ข้าจะขับไล่นางออกไปทันที”
” ท่านยังรู้จักแยกแยะสตรีดีเลวได้ด้วยหรือ? ” พระยาชาถลึงเนตรจ้องเขาอย่างเสียอารมรณ์ไม่ได้ ” ข้าก็จะไปดูด้วย ดูสิว่าเป็นนางมารยั่วสวาทมาจากไหนกัน แม้แต่บุตรชายของข้ายังสามารถยั่วยวนจนหลงใหลไปได้ “
ในสายตาของหย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยา เกรงว่าในโลกนี้คงจะไม่มีผู้ใดที่งดงามไปกว่าเจ้าลูกทรพีของพวกเขาไปได้แล้ว
ประเด็นสำคัญคือยามนี้ฝ่าบาทยังประทับอยู่ที่นี่ แผนเฉพาะหน้าย่อมไม่อาจให้ฝ่าบาททรงรู้ ว่าลูกทรพีถึงกับปลูกหญ้าเขียวเอาไว้บนพระเศียรแล้ว
ว่าแล้ว พระชายาก็เสด็จนำไปก่อนก้าวหนึ่ง
หย่งเฉิงอ๋องรีบติดตามไป ทั้งยังสั่งให้พ่อบ้านเรียกองครักษ์อีกหลายคนตามมาด้วย
………………………………………
ภายในห้อง จีเฉวียนมิได้ทรงมีท่าทีคิดจะเสด็จจากไป
ดวงเนตรหงส์ยังคงมุ่งแต่จดจ้องตู๋กูซิงหลันอยู่เช่นเดิม ” ติดตามเรากลับวัง “
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม บาดแผลของนางก็ดูแล้วหนักหนาอยู่มาก บาดแผลเช่นนี้ใช้น้ำอ่างเดียวล้างจะสะอาดได้อย่างไร จะต้องกลับไปให้หมอหลวงจัดการให้ดี
” อาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ยังไม่ดีขึ้น ข้า…” ตู๋กูซิงหลันคิดแต่เพียงว่ารอให้บาดแผลของตู๋กูจุนดีขึ้นสักหน่อยค่อยกลับเข้าวังไป
” เราส่งหมอหลวงไปที่จวนตระกูลตู๋กูแล้ว มีผู้ชำนาญการดูแล เขาย่อมไม่เป็นอะไร ” จีเฉวียนตรัส ” เขาเป็นแม่ทัพผู้พิชิต ไม่ได้อ่อนแอเช่นเจ้า “
” อีกไม่นานก็จะสิ้นปีแล้ว ในวังจะต้องมีงานเลี้ยงพระราชทาน เจ้าเป็นไทเฮา ย่อมไม่อาจขาดไปได้”
พอพูดถึงวังหลวง ตู๋กูซิงหลันก็คิดถึงอันหร่วนและอันหว่านจือขึ้นมา
เห็นนางไม่กล่าววาจา จีเฉวียนก็ถือว่านางรับปากอย่างเงียบงัน
เขาขมวดพระขนงขึ้นมา ยื่นพระหัตถ์ไปโอบตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ที่ด้านนอกมีลม จึงทรงใช้ฉลองพระองค์คลุมห่อนางเอาไว้ทั้งตัว เดิมทีนางก็เป็นสตรีร่างเล็ก พอใส่เสื้อคลุมลงไปก็คลุมมิดไปกว่าครึ่งตัว
ที่ด้านนอกห้อง หย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยารีบรุดมา พ่อบ้านชราก็นำเหล่าองครักษ์มาอีกทั้ง ทั้งหมดดูคึกคักดุจพยัคฆ์และราชสีห์
หย่งเฉิงอ๋องยืนอยู่นอกประตู เมื่อครู่เขาได้ยินเสียงบุรุษดังออกมาอย่างชัดเจน พอมองเห็นว่าประตูยังถูกลงดานเอาไว้ หน้าต่างก็ถูกปิดแน่น คนที่อยู่ด้านในจะต้องกระทำเรื่องที่ไม่อาจพบหน้าผู้คนได้อยู่เป็นแน่
เขาก็ยิ่งมีโทสะ เจ้าลูกตัวร้ายทำไมถึงได้มีสายตามืดบอด! ไปพาใครที่ไหนกลับมากัน!
เขาขมวดคิ้วแน่น กระแอมในลำคอ มาถึงก็ยกเท้ากระทืบลงไปบนประตู
ขาของเขาพึ่งจะยกขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงผลั่วะจากด้านใน จากนั้นบานประตูที่เปิดออกก็ลอยลงมาทับ
” ท่านอ๋อง! ” พระชายารีบปรี่เข้าไป นางพยายามใช้แรงงัดบานประตู แต่บานประตูนั้นหนักมาก นางพึ่งจะขยับได้เพียงเล็กน้อย เรี่ยวแรงก็หมดลง จนบานประตูกระแทกลงมาอีกครั้งอย่างแรง
หย่งเฉิงอ๋องแทบจะกระอักเลือดคั่งในปอดออกมา ” ฮูหยิน เจ้าฟังก่อน ไปรออยู่ที่ด้านข้างเถอะ “
พระชายาปิดผ้าเช็ดหน้าในมือ น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจแทบหยาดหยด แต่นางก็ยังคงเชื่อฟังถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง
เหล่าองครักษ์เร่งรุดเข้ามาช่วนกันยกบานประตูที่ทับท่านอ๋องออกไป หย่งเฉิงอ๋องสูดลมหายใจเข้าไปอึกหนึ่ง พอลุกขึ้นได้ก็เตรียมจะหันไปตะโกนด่าคน
สายตาของเขากวาดมองเข้าไป กลับเห็นฮ่องเต้ประทับยืนอยู่ด้วยสายพระเนตรเย็นชาดุจน้ำแข็ง
คำพูดที่ได้เอ่อมาถึงลำคอของเขาต้องกลืนกลับลงท้องไป
เขาได้แต่หันกลับไปถลึงตาใส่พ่อบ้านชรา นี่มันอะไรกัน บุรุษที่อยู่ภายในห้องไยจึงกลายเป็นฝ่าบาทไปได้?
สีหน้าของพ่อบ้านชราก็ตกตะลึงไปเช่นกัน องครักษ์ทั้งหมดก็ตระหนกจนพากันถอยกรูด คุกเข่าลงไปบนพื้น แม้แต่ศีรษะก็ยังไม่กล้าเงยขึ้นมา
พระชายาเองก็ประหลาดพระทัย ผ้าเช็ดหน้าในหัตถ์เกือบจะตกลงไปบนพื้น นางมองจ้องไปฝ่าบาท และ ส…สตรีที่อยู่ในอ้อมพระพาหา
ฉลองพระองค์นั้นคลุมร่างเอาไว้กว่าครึ่ง จึงไม่มีโอกาสมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน
เพียงเห็นแค่รูปร่างที่บอบบาง เส้นผมยาวสลวยทิ้งตัวลงมา หากว่าตามความรู้สึกแบบสตรีของพระชายา นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าจะต้องเป็นนางแพศยาน้อยแน่นอน
นางไม่กล้ากล่าวออกมา เพียงแต่ลากหย่างเฉิงอ๋องถอยออกไปด้านข้าง
หย่งเฉิงอ๋องมองดูฝ่าบาท แล้วก็หันไปมองดูคนในอ้อมพระพาหา เขาก็รู้สึกว่าท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มราวกับมีพายุ
สตรีที่เจ้าลูกทรพีพากลับมาถูกฝ่าบาทพบเห็นเข้าเสียแล้ว ไม่เพียงพบเห็น ดูจากสีพระหักตร์ของฝ่าบาท ท่าทางประหนึ่งจะกวาดล้างประหารให้หมดบ้าน
เมื่อโดนสวมหมวกเขียวเป็นชายชู้เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นบุรุษคนใดก็ล้วนรับไม่ได้ อย่าว่าแต่ผู้ที่เป็นประมุขของประเทศเลย
” ฝ่าบาท สตรีผู้นี้เป็นหญิงเลวร้าย ขอพระองค์ประทานตัวนางให้กระหม่อมจัดการเถอะพะยะค่ะ กระหม่อมจะต้องทำให้เป็นที่พอพระทัยให้จงได้ ” หย่งเฉิงอ๋องยืนกล่าวอยู่ด้านข้าง
พอได้ทรงฟังแล้ว จีเฉวียนก็แย้มสรวลเย็นออกมา ” ใช่สิ หญิงร้าย “
นางชั่วร้ายนัก ร้ายกาจไปจนถึงในกระดูก ร้ายเสียจนเขาไม่รู้จะลงโทษนางอย่างไรดี ได้แต่พากลับไป ขังเอาไว้ ไม่ให้นางมีโอกาสออกมานอกวังโดยง่ายได้อีก
ตู๋กูซิงหลัน “………..” นี่คล้ายกับว่าทุกคนเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ เกิดอะไรขึ้นกัน?
พอเห็นฝ่าบาททรงเห็นด้วยกับเขา หย่งเฉิงอ่องก็รับตอบว่า ” ฝ่าบาท สตรีที่เลวร้ายผู้หนึ่ง ไม่สมควรจะแปดเปื้อนพระหัตถ์ของพระองค์ ขอให้หม่อมฉันจัดการเถอะพะยะค่ะ”
เขาพูดจบแล้ว บรรดาองครักษ์ในตำหนักก็พากันขยับเข้ามา