กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 908
ภายในเผ่าเพลิงฟ้า
เหวินเส่าอี๋นั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน
รองลงมาคือรองหัวหน้าเผ่า คือ ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายและผู้พิทักษ์ฝั่งขวา รวมไปถึงผู้อาวุโส
ในตำแหน่งตรงกลาง ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งแปดคนกำลังท่องคาถาพร้อมกัน เพื่อให้เวทมนตร์คาถาของเผ่าตัวเองไหลเข้าไปในลูกแก้วขนาดใหญ่
ภายในลูกแก้วมีภาพเงาของคนปรากฏขึ้นอย่างพร่ามัว
มันดูไม่ชัดเจน
จากการกระตุ้นของเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลาย ทำให้ภาพนั้นปรากฏชัดขึ้นเล็กน้อย ทว่าก็ยังดูไม่ออก
เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยจากตำแหน่งที่ไกลออกไป
ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว……
เป็นเวลาครึ่งเดือนเต็มๆ ด้วยเวทมนตร์คาถาอันศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเพลิงฟ้า ยังคงไม่สามารถรู้ได้ว่ามู่หน่วนนั้นคือกู้ชูหน่วนหรือไม่
เมื่อพิจารณาจากหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว มู่หน่วนและกู้ชูหน่วนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายกัน แม้แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็รับนางเป็นเจ้านาย เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนจะมาเข้าร่างของมู่หน่วน
พวกนางทั้งสองคนอาจเป็นคนคนเดียวกัน
หากมู่หน่วนคือกู้ชูหน่วน เช่นนั้นเขาจะต้องให้นางได้ชดใช้ออกมาเป็นสายเลือด
เมื่อนึกถึงฉากที่เผ่าเพลิงฟ้าถูกทำลายล้างและรวมไปถึงการตายที่เจ็บปวดทรมานของท่านพ่อของเขา แววตาของเหวินเส่าอี๋ยิ่เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
เขาเป็นคนที่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองมาโดยตลอด ทว่าเมื่อมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกู้ชูหน่วน ให้เขาเฉยเมยแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางทำได้
กู้ชูหน่วนทำเรื่องเจ็บปวดไว้กับเขามากมายเหลือเกิน……
ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายกล่าว “ภายใต้การท่องคาถาเวทมนตร์ของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งแปด หากนางเป็นคนปกติก็จะทำให้มีภาพในอดีตปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ทว่าผู้หญิงคนนี้……ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งเดือนเต็ม แต่กลับไม่สามารถปรากฏขึ้นมาได้”
คาถาอาคมนี้ไม่สามารถสวดขึ้นมาได้โดยพลการ
เพราะจำเป็นต้องเสียสละอย่างมหาศาล
จำเป็นต้องใช้เลือดสดจำนวนมาก
และอายุของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งแปดคนที่ทำการท่องเวทมนตร์คาถาต้องลดลงมากกว่าสิบปี รวมไปถึงพละกำลังในร่างกายจะเสื่อมถอยไปมาก
หากไม่จำเป็น แม้แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมของเผ่าเพลิงฟ้า ก็ไม่อาจท่องคาถาอาคมออกมาโดยไม่จำเป็น
ผู้พิทักษ์ฝั่งขวากล่าวว่า “ยิ่งไม่สามารถตรวจสองได้ เช่นนั้นก็แสดงว่านางไม่ธรรมดา หรือนางอาจเป็นหัวหน้าเผ่าหยกที่ทำลายล้างสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้าของเรา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ปรากฏรัศมีอาฆาตขึ้นเล็กน้อย
แต่ละคนล้วนอดไม่ได้ที่จะฉีกเนื้อหนังของผู้หญิงที่อยู่ในลูกแก้ว และทุบกระดูกของนางให้ละเอียดเป็นเถ้าถ่าน
รองหัวหน้าเผ่าอายุราวๆ สี่สิบปี รูปร่างหน้าตาดี และท่าทางของเขาแสดงออกถึงการครอบงำและความชอบธรรมที่อธิบายไม่ได้
สองมือของเขาผนึกเข้าหากันและปากท่องคาถาอาคมพึมพำ จากนั้นอักษรรูนที่แปลกตาก็ปรากฏขึ้นและเคลื่อนไปยังลูกแก้ว
ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายกล่าวด้วยความตกตะลึง “รองหัวหน้าเผ่า ห้ามทำเช่นนี้เด็ดขาด ท่านเป็นถึงรองหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า เหตุใดถึงต้องยอมสละอายุสิบปีของตัวเองเพื่อท่องเวทมนตร์คาถาเพื่อกระตุ้นลูกแก้วเพียงแค่ลูกเดียวด้วย……”
“ภารกิจของเผ่าเพลิงฟ้าในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งคือการกำจัดเผ่าหยก เพื่อแก้แค้นให้กับเผ่าเพลิงฟ้าทุกคนในสำนักใหญ่ที่ต้องตายอย่างน่าสลดภายใต้เงื้อมมือของเผ่าหยก หากสามารถรู้ได้ว่าคนร้ายคือใคร อย่าว่าแต่อายุขัยสิบปีเลย ต่อให้เป็นยี่สิบปี ห้าสิบปี แม้แต่ชีวิตของข้าก็สามารถสละได้โดยไม่เสียดาย”
“รองหัวหน้าเผ่า……”
ทุกคนต่างไม่ยอม และอธิษฐานให้กับเขา
เห็นได้ชัดว่าสถานะของรองหัวหน้าเผ่าในเผ่าเพลิงฟ้านั้นสำคัญมากเพียงใด เขาเป็นที่เคารพยกย่องอย่างมาก
เมื่อมีรองหัวหน้าเผ่าเข้าร่วม ในที่สุดภาพที่ปรากฏบนลูกแก้วก็ชัดเจนขึ้น
มู่หน่วนที่ปรากฏในลูกแก้วนั้นมีดวงวิญญาณเป็นสามเส้น ดวงวิญญาณสามเส้นนั้นคือกู้ชูหน่วน
ซี๊ด…..
ทุกคนต่างพากันสูดลมหายใจ และเงียบสงัดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เลือดทั่วร่างกายของเหวินเส่าอี๋เดือดพล่าน แววตาที่อ่อนโยนแต่เดิมนั้นกลับเต็มไปด้วยความอาฆาตสังหาร ใครที่ได้เข้าใกล้เขาจะต้องสั่นสะท้านด้วยความเยือกเย็น
เขาคาดเดาไม่ผิด
ดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนเข้ามาอยู่ในร่างกายของมู่หน่วนจริงๆ ด้วย
ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายกล่าวด้วยความโกรธ “ดวงวิญญาณของหัวหน้าเผ่าหยกกลับเลือกร่างกายของนาง นางคิดอยากจะเกิดใหม่อย่างนั้นหรือ? ยิ่งนางคิดเช่นนั้น พวกข้าก็ยิ่งอยากทำลายนาง ให้นางไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดไป”
ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายกล่าวอย่างนอบน้อม “หัวหน้าเผ่าได้โปรดออกคำสั่งให้ตามไล่ฆ่ามู่หน่วนด้วยเถอะขอรับ”
ผู้อาวุโสคนอื่นต่างก็เห็นด้วยในการไล่ล่าเพื่อฆ่ากู้ชูหน่วน
ยังไม่ทันที่เหวินเส่าอี๋จะอ้าปากพูดอะไร ทันใดนั้นรองหัวหน้าเผ่าก็กล่าวขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนว่าร่างกายของมู่หน่วนจะมีสิ่งผิดปกติ ดวงจิตของนางได้ดับไปแล้ว แปลกมาก ดวงจิตดับไปแล้วแต่เหตุใดถึงยังมีชีวิตอยู่?”
“หรือเป็นเพราะดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนเข้าไปอยู่ในร่างของนาง และควบคุมร่างกายของนาง”
“ไม่เหมือน วิญญาณนั้นดูสงบอย่างมาก ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียว และอาศัยอยู่บนหน้าผากของนางอย่างสงบ”
เช่นนั้นเป็นเพราะอะไร?
โดยปกติแล้วหากดวงจิตดับไปแล้วจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก
แต่มู่หน่วนกลับยังคงมีชีวิตอยู่
รองหัวหน้าต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับร่างกายของกู้ชูหน่วน เขาท่องคาถาเพิ่มกำลังอย่างไม่หยุดหย่อน
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งแปดก็ต่างท่องคาถาอาคมอย่างไม่ลดละ
ทว่า……พวกเขาไม่เพียงล้มเหลวในการสืบค้น แต่กลับเห็นร่างกายของกู้ชูหน่วนค่อยๆ เลือนหายไป และสุดท้าย……แม้แต่ลูกแก้วที่เป็นหนึ่งในสมบัติของเผ่าเพลิงฟ้าก็แตกสลาย
“เพล้ง……”
ลูกแก้วแตกออกเป็นสี่ส่วน ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งแปดและรองหัวหน้าเผ่าต่างได้รับบาดเจ็บและกระอักเลือดออกมา
“รองหัวหน้าเผ่า……”
“ผู้อาวุโสทั้งหลาย…..”
รองหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสทั้งแปดโบกมือ เพื่อบอกให้พวกเขาไม่ต้องเป็นกังวล จากนั้นนั่งขัดสมาธิเพื่อใช้กำลังภายในรักษาอาการบาดเจ็บให้ตัวเอง เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจึงรู้สึกดีขึ้น
“ลูกแก้วนี้ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับเจ็ดก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะทำลายลงได้ ร่างกายของมู่หน่วนมีอะไรผิดปกติกันแน่ เหตุใดถึงสามารถทำลายลูกแก้วลงได้? หรือว่าความสามารถที่แท้จริงของมู่หน่วนจะมีมากกว่าระดับเจ็ด?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างก็พูดกระซิบกัน มีเพียงเหวินเส่าอี๋เท่านั้นที่ยังคงจ้องมองลูกแก้วอย่างจดจ่อ
ระดับเจ็ด……
กู้ชูหน่วนเคยมีกำลังความสามารถถึงขั้นนสูงสุดระดับเจ็ด
ความสามารถของนางสามารถทำลายลูกแก้วให้แตกลงได้
ทว่ามู่หน่วนก็คือมู่หน่วน กู้ชูหน่วนก็คือกู้ชูหน่วน
แม้ว่าดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนจะอยู่ในร่างของนาง เช่นนั้นร่างกายของนางคงไม่เพิ่มขึ้นไปถึงชั้นสูงสุดระดับเจ็ดได้อย่างแน่นอน
นอกเสียจาก นั่นคือร่างกายเดิมของกู้ชูหน่วน
เหวินเส่าอี๋เริ่มเกิดความสับสน
ร่างกายเดิมของกู้ชูหน่วนอยู่ที่เผ่าหยก และเก็บรักษาดูแลไว้โดยผู้อาวุโสของเผ่าหยก เหตุใดถึงมาปรากฏขึ้นที่นี่ได้
อีกทั้ง…..หน้าตาของพวกนางสองคนก็ไม่เหมือนกัน
ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าร่างกายของนางมีความผิดปกติ
ทว่าไม่ว่าจะแปลกและผิดปกติอย่างไร
ตราบใดที่ร่างกายของนางมีดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วน เช่นนั้นนางสมควรตาย
คนของเผ่าเพลิงฟ้าขอร้องให้ออกคำสั่งอีกครั้ง แม้แต่รองหัวหน้าเผ่าก็ขอร้องให้ออกไล่ล่าฆ่าสังหารกู้ชูหน่วน
เหวินเส่าอี๋ถามออกไปอย่างเป็นกันเอง “รองหัวหน้าเผ่า เจ้าว่า ดวงวิญญาณจะรู้สึกเจ็บหรือไม่?”
“เอ่อ…..หากสามารถรวบรวมดวงวิญญาณทั้งหมดครบแล้วก็จะรู้ได้เอง หากยังไม่สามารถรวบรวมดวงวิญญาณได้ครบ เช่นนั้นก็เป็นเพียงดวงวิญญาณที่กระจัดกระจาย ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น”
มุมปากของเหวินเส่าอี๋ปรากฏความเกลียดชังที่คับแค้น ภายนอกของเขาดูอ่อนโยนและสุภาพ เป็นมิตรและจริงใจ แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกเสียวสันหลัง
“หากฆ่านางโดยตรงคงไม่ดีเท่าไร นางต้องการรวบรวมดวงวิญญาณทั้งหมดเพื่อไปเกิดใหม่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะช่วยนางรวบรวมดวงวิญญาณ จากนั้นค่อยลงมือฆ่านาง และทำลายความหวังของนางทั้งหมด”
“หัวหน้าเผ่า หากนางรวบรวมดวงวิญญาณและได้เกิดใหม่ จากนั้นกำลังความสามารถของนางกลับไปถึงขั้นสูงสุดระดับเจ็ด พวกข้าเกรงว่าจะเป็นการยากในการจัดการกับนาง”
“นางไม่มีทางฟื้นกำลังความสามารถกลับไปถึงขั้นสูงสุดระดับเจ็ดได้อีก หลังจากที่ดวงวิญญาณทั้งหมดหลอมรวมเข้าด้วยกัน การจะฟื้นกำลังความสามารถนั้น อย่างน้อยจำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวัน ในหนึ่งถึงสองวันนี้ ข้าจะเป็นคนลงมือจัดการทำลายนางให้สิ้นซากด้วยตัวข้าเอง”
ทุกคนในเผ่าต่างไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก
กู้ชูหน่วนถล่มทำลายสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้า เช่นนั้นก็ควรทำให้นางไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้อีกตลอดไปไม่เป็นการดีกว่าหรือ
เหตุใดต้องทำให้เรื่องยุ่งยากซับซ้อนเช่นนั้น
หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น ทำให้กู้ชูหน่วนสามารถฟื้นกำลังความสามารถขึ้นมาได้ ถึงตอนนั้น……