ภัยพิบัติสายฟ้าปีศาจ

เสาปีศาจทองคำทำลายฝ่ามือร่วงกราวลงอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นก็ฟาดลงบนแขนของร่างสายฟ้าปีศาจที่ยกไขว้กันอย่างหนักหน่วง ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน

ตู้ม!

ทันทีที่เกิดการปะทะเกิดก็สร้างเสียงดังสนั่น ร่างสายฟ้าปีศาจใหญ่โตก็ดิ่งพสุธาลงจากท้องฟ้า ทำให้ภูเขาสองลูกเบื้องล่างถล่มยับใต้เท้านั่น ร่างใหญ่โตขนาดพันจั้งจมลงไปบนพื้นลึกจนถึงเอว รอยแตกขนาดใหญ่แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว…

ดวงตานับไม่ถ้วนราวกับจะถลนออกมานอกเบ้าเลยทีเดียว

บนท้องฟ้า ร่างเทพสุริยะยืนอยู่บนเส้นขอบฟ้า สาดสายตาน่าเกรงขามมายังร่างสายฟ้าปีศาจที่จมอยู่ในพื้นดิน พร้อมกับเสียงเยาะเย้ยของมู่เฉินก้องกังวานราวฟ้าร้อง

“ดูเหมือนเป็นแกนะที่เล่นเป็นเด็กที่นี่”

ใบหน้าของฉิงหลิงเขียวคล้ำอยู่ในร่างสายฟ้าปีศาจ เขาไม่คิดเลยว่าร่างเทห์สวรรค์ที่มู่เฉินชำระจะทรงพลังขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ที่ปะทะกัน พลังงานที่ส่งมาในตัวทำให้กระทั่งเขายังรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

ร่างเทห์สวรรค์ที่มู่เฉินชำระย่อมไม่ใช่ธรรมดาแน่ แต่ฉิงหลิงไม่สามารถบอกต้นกำเนิดที่แน่นอนของร่างเทพสุริยะด้วยจากการตัดสินจากตัวเอง

“เร็วไปที่แกจะดีใจ!”

แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาฉิงหลิงก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่นอน เขาแค่นเสียงออกมา ร่างสายฟ้าปีศาจตบฝ่ามือลงบนพื้น แผ่นโลกถูกบดขยี้จากแรงกระแทก เศษหินดินนับไม่ถ้วนปลิวว่อน ขณะร่างสายฟ้าปีศาจทะยานตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง

ร่างเทห์สวรรค์ใหญ่โตสองร่างยืนประจันหน้ากัน

บนศีรษะของร่างสายฟ้าปีศาจ ฉิงหลิงเผยตัวออกมาพร้อมกับมีสีหน้ามืดครึ้มขณะมองร่างเทพสุริยะที่ดูราวพระพุทธรูปด้วยสายตาเย็นชา เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างควบคุมไม่ได้

“ร่างเทห์สวรรค์ที่เจ้านั่นชำระคืออะไรกัน? ด้วยพลังระดับจื้อจุนขั้นสองกลับมีพลังมากกว่า แม้แต่ร่างสายฟ้าปีศาจของข้ายังสู้ไม่ได้” สายตาของฉิงหลิงเปล่งประกาย

“ฉิงหลิง เจ้าสู้ไม่ได้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสองงั้นเรอะ?” เวลาเดียวกัน เสียงคำรามก็ดังมาจากบนท้องฟ้า

เสียงคำรามนั้นอัดแน่นด้ยความโกรธคลั่ง ซึ่งมาจากฉิงเทียนกังที่กำลังห้ำหั่นอย่างดุเดือดกับจิ่วโยว เห็นชัดว่าเขาก็สังเกตเห็นสถานการณ์เบื้องล่างด้วย

ผลการต่อสู้นี้ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

พอได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของฉิงเทียนกัง ใบหน้าของฉิงหลิงก็เปลี่ยนสี จากนั้นก็มองมู่เฉินอย่างอาฆาต เขาสูดหายใจลึกค่อยๆ สงบสีหน้าลง

เมื่อมองสีหน้าของอีกฝ่าย มู่เฉินก็ขมวดคิ้วก่อนจะเคลื่อนไปปรากฏบนศีรษะของร่างเทพสุริยะ ดวงตาดำจับจ้องไปที่ฉิงหลิง

“มู่เฉิน แกน่าสะพรึงจริงๆ ที่ประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมช่วงนี้แกถึงดังเป็นพลุแตกในอาณาเขตกงเวทสวรรค์” ฉิงหลิงจ้องมู่เฉินพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำดังออกมา

“แต่…การต่อสู้ในวันนี้พวกแกต้องเป็นฝ่ายแพ้!”

ไอเย็นเยือกพวยพุ่งในดวงตาของฉิงหลิง “เพราะพวกข้าได้เปรียบเรื่องภูมิประเทศ!”

พอได้ยินคำพูดนั่น ดวงตามู่เฉินก็หดเกร็งลง

ฉิงหลิงวาดตราประทับเร็วรี่ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วกระแทกลงบนอากาศทันที ขณะที่ฝ่ามือตบลงไปเสียงลึกต่ำก็ดังไปทั่วสวรรค์และโลก

“ดินแดนสายฟ้าปีศาจ สายฟ้าปีศาจประลัย!”

เมื่อเสียงลึกต่ำของฉิงหลิงสะท้อนทั่วฟ้าดิน มู่เฉินก็เกร็งตัว สายตาอัดแน่นด้วยความระแวดระวัง เขาไม่เคยประมาทฉิงหลิงเลยสักนิด โดยเฉพาะเรื่องที่อีกฝ่ายพูดว่าได้เปรียบในชัยภูมิสงครามนี้เป็นเรื่องจริง

ตู้ม! ตู้ม!

เหมือนจะมีเสียงฟ้าคำรนดังแว่วมาแต่ไกล ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองยังขอบฟ้า พยายามหาที่มาของเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

พื้นดินโยกคลอนเริ่มทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

มู่เฉินมองท้องฟ้าเช่นกัน ทว่าอึดใจสีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน เขารีบก้มมองพื้นดิน เนื่องจากเขาตระหนักได้ว่าเสียงฟ้าคำรนเหล่านั้นมาจากพื้นดิน!

“ระวัง!” เขาตะโกนไปยังกองทัพทั้งหลายของอาณาเขตกงเวทสวรรค์

ตู้ม!

ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกน พื้นดินก็ฉีกออก เสาสายฟ้าสีเทาดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับมังกรเกรี้ยวกราดกางเขี้ยวเล็บขณะทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้า

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ในช่วงไม่กี่อึดใจ สายฟ้าสีเทาดำก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้า เสาสายฟ้ามองเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ห่างออกไปเป็นพันลี้

ช่างเป็นฉากตระการตาอย่างแท้จริง

ฉิงหลิงยืนอยู่บนร่างสายฟ้าปีศาจ ภายใต้การล้อมรอบของเสาสายฟ้าสีเทาดำนับไม่ถ้วน ทำให้ดูราวกับเงาปีศาจ ดวงตาคู่นั้นเย็นเยือกยิ่งนัก

เขาวาดตราประทับอีกครั้ง เวลาเดียวกันฝ่ามือของร่างสายฟ้าปีศาจก็ประสานกัน

ครืน!

เมื่อสิ้นเสียงพูด สายฟ้าสีเทาดำนับไม่ถ้วนก็บิดตัวไปมาระหว่างฟ้าดิน ก่อนจะรวมตัวกันอย่างป่าเถื่อนระหว่างฝ่ามือของร่างสายฟ้าปีศาจ

เปรี้ยง!

สายฟ้าน่าสะพรึงโหมกระหน่ำเกิดเสียงดังลั่น ทำให้สีหน้าของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง เนื่องจากพวกเขารู้สึกถึงพลังทำลายล้างที่กระจายตัวออกมา

พลังนี้สามารถสังหารได้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามในพริบตา!

นี่คือการโจมตีถึงตายแน่นอน!

บนท้องฟ้าสูง ร่างสองร่างถอยห่างทันทีที่ปะทะกัน จิ่วโยวเผยตัวออก สีหน้าของนางเปลี่ยนไป เมื่อมองลงมา ไอเย็นเยือกกำจายบนใบหน้าทันที

“ฮ่าๆ ผู้บัญชาการจิ่วโยว คิดว่าเป็นเรื่องง่ายรึไงที่จะเอาชนะสำนักสายฟ้าปีศาจของข้า? ครั้งนี้ข้าจะให้พวกเจ้าจ่ายอย่างสาสมในเมื่ออยากมาอวดเบ่งใส่!” ฉิงเทียนกังหัวเราะออกมา

“ท่าทางแกคงอยากตายจริงๆ!” ไอเย็นเยือกน่ากลัวพุ่งพรวดออกจากร่างจิ่วโยว เสียงของนางเย็นเยือกกรีดถึงไขกระดูกเลยทีเดียว

“หึ ต่อให้เจ้าเป็นเทพอสูรก็มีขุมพลังแค่จื้อจุนขั้นสี่ สามารถสู้กับข้าได้สูสีเท่านั้น ตอนนี้เจ้าก็ทำได้เพียงแค่มองเด็กนั่นสลายเป็นธุลี!” ฉิงเทียนกังแค่นเสียง

จิ่วโยวสูดหายใจลึก แสงอันตรายไม่สิ้นสุดพลุ่งพล่านออกมาจากดวงตา นางค่อยๆ กำหมัดแน่น เสียงเย็นเยือกที่เปล่งออกหยุดเสียงหัวเราะของฉิงเทียนกังไว้ในทันที

“ใครบอกเจ้าว่าข้ามีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่น่ะ?”

แสงสีดำพวยพุ่งออกมาจากดวงตาของจิ่วโยว นางก้าวย่างไปข้างหน้า พายุคลื่นหลิงกวาดอาละวาดรุนแรงขณะร่างแสงของวิหคอนธโลกันตร์เบื้องหลังขยายขนาดขึ้น

ร่างของนางสั่นไหวเบาๆ ขณะที่ปีกสง่างามคู่ใหญ่สยายออกที่แผ่นหลัง เมื่อปีกคลี่ออกอย่างนุ่มนวล ก็ทำให้นางดูราวกับเทพธิดายาตราขึ้นมาจากใต้พิภพ

“ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า?!” สีหน้าของฉิงเทียนกังเปลี่ยนไปรุนแรง เขาไม่คิดเลยว่าจิ่วโยวจะทนจนถึงตอนนี้และเผยพลังที่แท้จริงออกมา!

แม้ตัวเขาจะมีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าเหมือนกัน แต่ก่อนหน้าจิ่วโยวสามารถสู้ได้อย่างทัดเทียมด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่เท่านั้น ตอนนี้พลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย เขาสู้นางไม่ได้แน่นอน!

“ต่อให้เจ้ามีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ก็ฝันไปเถอะที่จะช่วยไอ้เด็กนั่น!” ดวงตาของฉิงเทียนกังวูบไหวด้วยแสงป่าเถื่อน จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะบ้างคลั่ง เขากระทืบเท้าขณะที่ร่างสายฟ้าหลายพันจั้งครอบรอบร่างเขาเอาไว้

นี่ก็คือร่างสายฟ้าปีศาจ แต่เทียบกับของฉิงหลิงแล้วทรงพลังยิ่งกว่ามาก

ฉิงเทียนกังสังเกตเห็นว่าจิ่วโยววางมู่เฉินไว้ในฐานะสำคัญอย่างยิ่งจนถึงจุดที่นางยอมเผยพลังที่ซ่อนไว้ออกมา แต่ตอนนี้ในเมื่อฉิงหลิงลงมือแล้ว ตราบใดที่เขาสามารถขัดขวางจิ่วโยวไว้ เจ้าเด็กนั่นจะต้องตายอย่างแน่นอน!

สำหรับการขัดขวางจิ่วโยว เขามีความมั่นใจไม่น้อยที่จะทำสำเร็จ

“ไม่ว่าเจ้าจะมีวิธีอะไร ข้าก็จะให้เจ้ามองเด็กนั่นกลายเป็นอากาศธาตุโดยไม่อาจทำอะไรได้!” ฉิงเทียนกังหัวเราะบ้าคลั่ง ฝ่ามือขนาดใหญ่ของร่างสายฟ้าปีศาจกวาดลงมาหาจิ่วโยวด้วยพลังมหาศาล

สีหน้าของจิ่วโยวเย็นเยือก นางเหลือบมองลงไปพลางกัดฟันแน่น มู่เฉิน…อดทนอีกนิดนะ ข้ามาแล้ว

ปีกด้านหลังกระพือวูบวาบพร้อมกับที่นางปล่อยการโจมตีน่ากลัวออกมาราวกับพายุกวนตัว

ที่ด้านล่าง ฉิงหลิงก็เหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้ ทำให้เขาเหลือบมองขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นเขาก็แสยะยิ้มเบาๆ ให้มู่เฉิน “ตอนนี้แกก็อย่าฝันว่าจะมีใครมาช่วย”

“ครั้งนี้แกตายแน่!”

สายตาของฉิงหลิงเปลี่ยนเป็นเย็นเยือก ฝ่ามือประสานกันทันที

“คัมภีร์เหลยหมัว ภัยพิบัติสายฟ้าปีศาจ!”

ครืน!

สายฟ้าคำรามระหว่างฟ้าดิน ดวงตะวันสายฟ้าขนาดราวพันจั้งลอยขึ้นมาระหว่างฝ่ามือของร่างสายฟ้าปีศาจ ทำให้คลื่นหลิงบริเวณนี้เกรี้ยวกราดรุนแรงในเวลาเดียวกัน

ความผันผวนที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าจอมยุทธ์ถึงกับขนลุกชูชัน

“ตายซะ!”

ใบหน้าของฉิงหลิงซีดลงเรื่อยๆ จากนั้นก็ชี้นิ้วลงไปพร้อมกับสายตาเหี้ยมเกรียม

ตู้ม!

เสียงก้องคำรามสะเทือนโลกาดังออกมาจากดวงตะวันสายฟ้า อึดใจก็ฉีกผ่านท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นลำแสงสายฟ้าสีเทาดำพุ่งไปหามู่เฉิน ภายใต้สายตาหวั่นไหวนับไม่ถ้วน

มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้

เมื่อเห็นภาพนี้จากเบื้องล่าง ใบหน้าของถังปิงก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

“ครืน!”

เสียงฟ้าร้องคำรนรุนแรง พลังงานน่ากลัวทำให้มู่เฉินรู้สึกเจ็บแปลบบนผิว ทว่าเขาก็ไม่ถอยหนีกลับเงยหน้าขึ้นแทน ม่านตาสีดำจับจ้องอยู่ที่ตะวันสายฟ้าก่อนจะเหลือบมองขึ้นไปด้านบน ตรงนั้นเขารับรู้ได้ถึงรัศมีของจิ่วโยวดูยุ่งเหยิงไป

เป็นเพราะเขาหรือ?

มู่เฉินค่อยๆ กำหมัดเม้มปากแน่น จากนั้นก็ปิดดวงตาลงทีละน้อย…ละน้อย

วางใจเถอะจิ่วโยว ข้าไม่เป็นตัวถ่วงเจ้าหรอก

มู่เฉินนั่งลงบนศีรษะของร่างเทพสุริยะ ขณะสติสัมปชัญญะดำดิ่งที่ตรงหว่างคิ้ว ตรงนั้นมีผลึกมหาตะวันที่ปกคลุมด้วยพลังงานแก่กล้าอยู่

แกร๊ก!

ราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงความร้อนใจของมู่เฉิน รอยร้าวละเอียดปรากฏขึ้นฉับพลันบนผลึกมหาตะวัน จากนั้นแสงสีทองโชติช่วงที่รุนแรงก็กวาดออกมา

ตู้ม!

ในที่สุดผลึกมหาตะวันก็แตกออก

แสงสีทองส่องประกายจนถึงจุดที่ฉีกความมืดออกจากกันได้ กวาดตัวออกมาจากหว่างคิ้วของร่างเทพสุริยะในเวลานี้ จากนั้นทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังงานผันผวนน่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างเทพสุริยะในวินาทีนั้น!

ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินลืมโพลงขึ้นทันที!