ชัยชนะ

ทันทีที่มู่เฉินลืมตาขึ้น

แสงสีทองพร่างพราวสองสายก็ระเบิดออกมา ภายใต้แสงโชติช่วง แม้แต่เงาก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้

แสงสีทองสุกใสกำจายออกมาจากหว่างคิ้วของร่างเทพสุริยะ ดูราวกับดวงอาทิตย์สีทองอร่าม คลื่นพลังที่ปล่อยออกมา ทำให้คนอื่นๆ มองมาด้วยสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน

มู่เฉินนั่งอยู่บนศีรษะของร่างเทพสุริยะ เขาเงยหน้าขึ้นในตอนนี้ ดวงตะวันสายฟ้าได้ร่วงลงมาแล้ว สร้างเงาขนาดใหญ่ทาบบนร่างเทพสุริยะ

ตะวันสายฟ้ายังไม่ทันปะทุ แต่พลังงานที่แผ่ออกจากก็ทำให้ชั้นดินเริ่มถล่มลง

การโจมตีที่ฉิงหลิงรวมรวมทุกสิ่งที่มีปลดปล่อยออกมาช่างน่าสะพรึงนัก เพียงพอที่จะทำให้เขาคว้าชัยชนะแม้จะเผชิญกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสองให้เมื่อยปากเลย

แต่น่าเสียดายว่าศัตรูที่เขาเผชิญครั้งนี้ไม่ธรรมดา

ฟู่

ลมหายใจขาวขุ่นพรูออกจากปากของมู่เฉิน ก่อนที่เขาจะวาดตราประทับด้วยสองมือ อึดใจแสงสีทองก็แผ่ออกมาจากหว่างคิ้วของร่างเทพสุริยะ มือทั้งคู่ของมันกำหมัดแน่นทันที

แสงสีทองที่ดูราวกับของเหลวไหลออกจากหว่างคิ้วของร่างเทพสุริยะรวมกันที่หมัด ขณะที่แสงสีทองควบแน่น ก็เปลี่ยนเป็นชั้นของผลึกเพชร

ชั้นผลึกเพชรห่อหุ้มรอบหมัดของร่างเทพสุริยะ อักขระโบราณปกคลุมอยู่บนผิวของแก้วผลึก ระลอกความผันผวนที่อธิบายไม่ได้แผ่ออกมาเงียบๆ

“ทักษะเทห์สวรรค์ คลื่นหนึ่งตะวัน!”

แสงเย็นเยือกระเบิดออกจากม่านตาสีดำของมู่เฉิน จากนั้นร่างเทพสุริยะก็ย่ำก้าวไปที่ขอบฟ้า หมัดที่ปกคลุมด้วยชั้นผลึกเพชรเหวี่ยงออกไปยังดวงตะวันสายฟ้าที่เคลื่อนลงมา

หมัดผลึกเพชรราวกับทะลวงผ่านมิติปรากฏใต้ดวงตะวันสายฟ้าทันทีพลางชกออกไปโดยไม่ลังเล

เมื่อกระบวนท่าทั้งสองปะทะกัน ก็ไม่เกิดเสียงดังสนั่นจากผลกระทบอย่างที่ทุกคนคาดไว้ แต่ทุกคนก็ต้องหดม่านตาลง เนื่องจากเห็นหมัดผลึกเพชรเจาะทะลวงดวงตะวันสายฟ้าไปทันทีที่สัมผัสกัน

ไม่มีการกีดขวางใดๆ ราวกับว่าเจาะผ่านก้อนเต้าหู้

หมัดผลึกเพชรเปล่งประกายเงางามราวกับมือไร้เทียมทานของเทพเซียน ช่างน่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง

ชี่! ชี่!

ลำแสงเหลวสีทองหนาแน่นพวยพุ่งรุนแรงออกมาจากดวงตะวันสายฟ้าในทุกทิศทาง ขณะที่ตะวันสายฟ้าจางหายไปอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่อึดใจ ดวงตะวันสายฟ้าที่ดูราวกับนำหายนะมาสู่แผ่นดินก็ค่อยๆ หม่นแสงลง ก่อนสลายหายไปภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน…

สายลมพัดผ่านสนามรบ แต่ทั่วบริเวณกลับเงียบงัน

อ็อก

บนท้องฟ้า ใบหน้าของฉิงหลิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดพลางกระอักเลือดออกจากปากคำหนึ่ง ร่างของเขาซวนเซ สายตามองภาพนี้ด้วยความหวาดผวา

เขานึกไม่ออกเลยว่าการโจมตีทรงพลังของเขาจะถูกมู่เฉินสกัดไว้ได้โดยง่ายเพียงนี้!

เจ้านั่นอยู่แค่ระดับจื้อจุนขั้นสองเท่านั้นนะ!

บนศีรษะของร่างเทพสุริยะ มู่เฉินมองไปยังดวงตะวันสายฟ้าที่แตกสลายจากหมัดเดียวด้วยแววอัศจรรย์ใจฉายใจส่วนลึกของดวงตา พลังอำนาจของทักษะร่างเทพสุริยะเหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ

“ร่างเทพสุริยะช่างสมชื่อจริงๆ…”

มู่เฉินชื่นชมในใจ จากที่มั่นถัวหลัวบอกไว้ ร่างเทพสุริยะอย่างน้อยก็อยู่ในสามสิบอันดับแรกของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ตอนแรกเขายังสงสัยกับคำพูดนี้ แต่เมื่อเขาเริ่มได้ใช้พลังของร่างเทพสุริยะเรื่อยๆ เขาก็เริ่มเข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของมัน

เขากวาดสายตามองฉิงหลิงที่มีใบหน้าซีดเผือด แสงเย็นเยือกวาววับในดวงตา เขาวาดตราประทับอีกครั้ง มือใหญ่ของร่างเทพสุริยะที่ปกคลุมด้วยผลึกเพชรก็ทะลวงผ่านมิติอออกไป ปรากฏตรงหน้าร่างสายฟ้าปีศาจพลางตบฝ่ามือลง

ตู้ม!

อากาศระเบิดออกฉับพลันพร้อมกับระลอกคลื่นที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากำจายออกมาอย่างปั่นป่วน

ใบหน้าของฉิงหลิงเขียวคล้ำ จากนั้นเขาก็ขบฟันแน่น ไม่กล้าลังเลปล่อยสายฟ้าฟาดออกมาจากร่างสายฟ้าปีศาจ ก่อตัวเป็นม่านสายฟ้าขนาดใหญ่เบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ดูราวกับโล่สายฟ้าเลยทีเดียว

ปัง!

ทว่าฝ่ามือเพชรก็แสดงพลังน่ากลัวเหมือนก่อนหน้าออกมาอีกครั้ง มันทะลวงผ่านม่านสายฟ้าในครั้งเดียว ให้ความรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดในโลกสามารถขัดขวางมันได้

สามารถทำลายทุกสรรพสิ่งที่ขวางหน้าได้

ขณะฝ่ามือเพชรแหวกม่านสายฟ้าเข้าไป ในที่สุดสีหน้าของฉิงหลิงก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ทว่าก่อนที่เขาจะถอยหลัง ฝ่ามือเพชรก็กระแทกลงบนร่างสายฟ้าปีศาจด้วยความรวดเร็วที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้แล้ว

ตู้ม!

แสงสีทองระเบิดออกขณะระลอกคลื่นที่มองเห็นได้กวาดตัวออกมา ร่างสายฟ้าปีศาจสั่นสะท้านกระเด็นออกไปปะทะภูเขาเบื้องหลังทลายลง

รอยไถลลากยาวหลายหมื่นจั้งบนพื้นดิน

ฝุ่นควันตลอบอบอวลไปหมด ร่างสายฟ้าปีศาจเต็มไปด้วยรอยร้าวก่อนที่จะถึงขีดสุด แตกสลายออกเป็นชิ้นๆ เกิดเป็นจุดแสงไปทั่วท้องฟ้า

พรูด

ขณะที่ร่างสายฟ้าปีศาจสลายลง ร่างน่าสังเวชร่างหนึ่งก็กระเด็นออกมาพร้อมกับเลือดกบปากกระแทกกับภูเขาอย่างแรง ทั้งร่างฝังลึกลงไปภายใน

โห่!

ทุกสายตามองไปที่ภาพนี้จากนั้นเสียงฮือฮาปั่นป่วนฟ้าดินก็ดังลั่น ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ของอาณาเขตกงเวทสวรรค์หรือแดนร้อยสงคราม ดวงตาก็ต่างเบิกกว้าง ชัดว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

ฉิงหลิงแพ้!

ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นผลลัพธ์หลังจากฉิงหลิงใช้ความได้เปรียบทางชัยภูมิเข้าสู้ด้วย…

“ชายคนนั้น…” สายตานับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปที่ร่างเทห์สวรรค์สีทองที่ยังยืนตระหง่านบนอากาศด้วยความหวาดกลัว แต่ละคนกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ชายคนนั้นทำได้อย่างไรกัน?

จอมยุทธ์จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์แลกเปลี่ยนสายตากันและรู้สึกทึ่งต่อมู่เฉินขึ้นมาอีกหลายส่วน แม้ชายหนุ่มจะเพิ่งเข้าร่วมอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่นาน แต่ด้วยความสามารถที่มีจะทำให้เขากลายเป็นจอมยุทธ์ทรงอิทธิพลไม่นานหลังจากนี้แน่นอน มากจนเขาอาจจะได้ตำแหน่งท่ามกลางหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือด้วยซ้ำ

ท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองมา มู่เฉินก็ยิ้มบาง จากนั้นร่างเทพสุริยะค่อยๆ จางหายไป ใบหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย คิดว่ากระบวนท่าเมื่อครู่ได้กินพลังงานของเขาไปในปริมาณมากยิ่ง

เขายื่นมือออกแล้วกำขึ้นกะทันหัน ภูเขาลูกนั้นถล่มลงร่างสะบักสะบอมร่างหนึ่งถูกจับผ่านอากาศ ตอนนี้ฉิงหลิงร่างเลือดท่วมไปหมด คลื่นหลิงรอบตัวยุ่งเหยิงปั่นป่วน เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถต่อต้านอะไรมู่เฉินได้อีก

มู่เฉินจับร่างฉิงหลิงผ่านอากาศ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองการต่อสู้ที่เข้มข้นบนสมรภูมิบนท้องฟ้า เสียงเย็นชาดังก้อง “เจ้าสำนักฉิง ดูเหมือนผู้อาวุโสฉิงคนนี้จะทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว”

ทันทีที่เอ่ยออกมา คลื่นหลิงของฉิงเทียนกังบนท้องฟ้าก็ปั่นป่วนชั่วครู่ ชัดว่าเขาก็เห็นฉิงหลิงที่ถูกมู่เฉินจับไว้ ทันใดนั้นเขาก็ตะเบ็งเสียงออกมา “ไอ้เด็กเวร วางเขาลงซะ!”

“ตอนนี้เจ้ายังมัวห่วงคนอื่นอีกเหรอ?” เสียงเย็นเยือกอีกเสียงดังขึ้น บนท้องฟ้าปีกของจิ่วโยวกระพือขึ้นลง นางทิ้งภาพเงาไว้เบื้องหลัง ปีกที่ดูราวอาวุธเทพคมกริบฉีกผ่านมิติ สร้างพายุพร้อมกับมวลลมกรูไปที่ฉิงเทียนกัง

ปัง! ปัง!

ฉิงเทียนกังต้านทานด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่ตอนนี้พลังของจิ่วโยวอยู่เหนือเขาไปอย่างชัดเจนแล้ว บวกกับมู่เฉินได้รับชัยชนะ ทำให้นางไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป การโจมตีของนางจึงเฉียบคมมากขึ้นจนบีบให้ฉิงเทียนกังตกอยู่ในสภาพจนตรอก

ในสมรภูมิภาคพื้นดินที่โกลาหลมากสุด กำลังใจของจอมยุทธ์แดนร้อยสงครามเริ่มลดต่ำลงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นใจแก่พวกเขาเลย

ฉิงหลิงถูกมู่เฉินจับตัวได้ ส่วนฉิงเทียนกังก็เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้จิ่วโยวจริงๆ

เมื่อหมดกำลังใจ กองทัพแดนร้อยสงครามก็ไม่คิดจะสู้ต่อ สุดท้ายก็เริ่มมีคนหนีถอยจนก่อเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เพียงไม่กี่นาทีความตั้งใจในการต่อสู้ของแดนร้อยสงครามที่เคยฮึกเหิมก็ลดฮวบลง ผู้คนระส่ำระสายไปจนหมด

ส่วนกองทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาก็เริ่มไล่ตามพร้อมกับเสียงตะโกนและเสียงคนถูกสังหารดังขึ้น

เมื่อมาถึงจุดนี้ผลลัพธ์ก็เป็นที่แน่ชัดแล้ว

“บ้าเอ๊ย!”

บนท้องฟ้า เสียงของฉิงเทียนกังที่คลั่งแค้นและหมดแรงดังขึ้น จากนั้นเขาก็แลกกระบวนท่าฝ่ามือกับจิ่วโยวก่อนที่ร่างจะสั่นเทิ้มกระเด็นออกไปนับพันจั้ง อึดใจเขาก็ขบฟัน ร่างพุ่งดิ่งลงมา พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่เหนือร่างมู่เฉินแล้ว

ครั้นเห็นฉิงเทียนกังพุ่งเป้ามาหา สายตามู่เฉินก็หดเกร็งพลางกระแทกฝ่ามือออกไป ฉิงหลิงที่ถูกเขาจับไว้ก็ถูกซัดออกไปจากแรงปะทะจนกระอักเลือดเต็มปาก

สายตาของฉิงเทียนกังถลึงมองมู่เฉินอย่างเคียดแค้น ก่อนมองฉิงหลิงที่ปลิวออกไป ในที่สุดเขาก็กัดฟันไล่ตามไปคว้าไหล่ของอีกฝ่ายไว้และถอยไปอย่างรวดเร็ว

“หึ!”

เสียงแค่นเย็นชาดังจากขอบฟ้าขณะขนนกสีดำลุกโชนด้วยเพลิงสีม่วงแหวกมิติตรงไปที่แผ่นหลังของฉิงเทียนกังอย่างรวดเร็ว

ชี่

แผลฉกรรจ์น่ากลัวฉีกขาดทั่วร่างกายพร้อมกับเลือดสดพุ่งกระฉูด

ร่างของฉิงเทียนกังสั่นเทิ้มรุนแรง แต่เขาก็ไม่หยุดลง รีบลากฉิงหลิงหนีไปด้วย มีเพียงเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังแววมาจากที่ไกล

“จิ่วโยว มู่เฉิน จำไว้! สำนักสายฟ้าปีศาจของข้าไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้จบลงแน่!”

เสียงตะโกนสะท้อนจากที่ไกล ร่างของฉิงเทียนกังก็วับหายไปในขอบฟ้า

เมื่อเห็นฉิงเทียนกังหนีหางจุกตูดไปแล้ว มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ด้วยพลังของชายคนนั้น หากเขาต่อสู้แลกชีวิตจริงๆ ละก็ พวกเขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลแน่นอน

ตอนนี้การทำให้ฉิงเทียนกังหนีไปจึงเป็นผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับพวกเขา เนื่องจากพวกเขาต้องการเพียงสำนักสายฟ้าปีศาจไม่ใช่ชีวิตของฉิงเทียนกัง

วาบ!

จิ่วโยวพลิ้วตัวลงมาจากท้องฟ้า ร่างระหงปรากฏที่ด้านข้างมู่เฉิน

“เจ้าเป็นอะไรไหม?” ดวงตากระจ่างของจิ่วโยวมองมู่เฉินพร้อมกับถามขึ้น

มู่เฉินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองพื้นที่วินาศสันตะโร ก่อนจะมองภูเขาเหลยหมัวอันเกรียงไกรก็อดยิ้มกริ่มไม่ได้

ในที่สุดสำนักสายฟ้าปีศาจก็เป็นของพวกเขาแล้ว