บทที่ 265 จ้างคนส่งข่าว

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 265 จ้างคนส่งข่าว

 

ในอดีตตอนที่หลิงตู้ฉิงยังไม่ค้นพบกำแพงสมดุล หลิงตู้ฉิงมีความรู้สึกว่ามันแปลกมาตลอดในทุกครั้งที่เขาต้องการจะใช้พลังแห่งกฎระหว่างสวรรค์และโลก ทุกครั้งที่เขาใช้มันเขาจะรู้สึกได้อยู่เสมอว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ขัดขวางอยู่ไม่ให้เขาดึงพลังแห่งกฎนี้มาใช้ได้อย่างเต็มที่

 

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงคิดไปเองมาตลอดว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้มันน่าจะเป็นผลจากที่เขาลงมาจุติในร่างใหม่ ซึ่งมันอาจจะส่งผลให้ปฏิกิริยาของเขาที่มีต่อพลังแห่งกฎระหว่างสวรรค์และโลกอ่อนแอลง

 

แต่ต่อมาเขาก็พบสาเหตุแล้วว่าที่มันเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะกำแพงสมดุล ซึ่งแบ่งกั้นโลกภายนอกกับทะเลชางหมางเอาไว้

 

ซึ่งผู้ที่สร้างมันเอาไว้นั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากแน่นอน เนื่องจากแม้แต่ความแข็งแกร่งของเขาเองที่มีในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำลายมันลงได้

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากเดินทางออกจากทะเลชางหมาง ความรู้สึกที่ถูกกดทับด้วยกำแพงนี้อยู่ก็ผ่อนคลายลงทันที นี่หมายความว่าแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหลิงจู้และรถม้า เขาก็สามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาได้พอสมควร

 

เมื่อรู้เช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงสบายใจขึ้นทันที และถึงแม้ว่าจะมีการปะทะกันอย่างรุนแรงอยู่บนเส้นทางด้านหน้าไม่ไกลจากพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองเจินไห่โดยไม่ใช้เส้นทางเลี่ยงไปแต่อย่างใด

 

หรือต่อให้พวกเขาต้องการจะเลี่ยงอ้อมไปทางอื่น แต่ตอนนี้มันก็คงไม่ทันเสียแล้วเนื่องจากตอนนี้ความผันผวนของกระแสพลังวิญญาณที่มาจากการปะทะกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้มุ่งหน้ามาทางพวกเขา ซึ่งเป็นทางเดียวกับที่จะนำไปสู่ทะเลชางหมาง

 

“เป็นไปได้มากว่าตอนนี้มีคนกำลังถูกล่าและต้องการหลบหนีเข้าไปในทะเลชางหมาง!” ซือโถวเหวินหยวนพูด

 

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนของกฎแห่งเพลิงที่เกิดมาจากการต่อสู้ครั้งนี้ ความผันผวนของกฎแห่งเพลิงนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยคล้ายกับที่เขารู้สึกได้จากร่างของเสี่ยวเยว่เฟิง

 

เสี่ยวเยว่เฟิงเองก็สัมผัสถึงความรู้สึกนี้ได้เช่นกัน นางจึงเริ่มแสดงท่าทีจริงจังอย่างรวดเร็ว นางหยุดรถม้าและจ้องมองไปบนท้องฟ้า

 

ไม่นานต่อมาร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สองคนที่ต่อสู้กันก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน และบนพื้นดินยังมีคนจำนวนมากตรงไปยังทางเข้าทะเลชางหมางอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นร่างบางที่คุ้นเคย เสี่ยวเยว่เฟิงหันหน้าไปมองหลิงตู้ฉิงและพูดอย่างเป็นกังวล “นายท่าน…”

 

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ไปเถอะ!”

 

“ขอบคุณ นายท่าน!” ในเวลาเดียวกัน นางเตือนเสี่ยวหลิงเฟิงว่า “เจ้าอยู่ข้าง ๆ นายท่านเอาไว้และอย่าทำอะไรทั้งนั้น!”

 

พูดจบ เสี่ยวเยว่เฟิงก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที

 

ในเวลานี้กลุ่มคนที่กำลังวิ่งอยู่บนพื้นพูดขึ้นด้วยสีหน้าลังเลว่า “เอ๊ะ นั่นมันใช่เด็กสาวของตระกูลเสี่ยวรึเปล่า?”

 

หนึ่งในนั้นสัมผัสได้ถึงกฎแห่งสวรรค์บนร่างกายของเสี่ยวเยว่เฟิงและพูดด้วยสีหน้าขัดแย้ง “ไม่น่าจะเป็นไปได้! นี่เจ้าไม่รู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง? มันจะเป็นไปได้ยังไงที่นางจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ในช่วงเวลาสั้น ๆ?”

 

“แต่เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ผู้นี้กำลังช่วยเหลือพวกเรา ไม่อย่างนั้นนางจะเป็นใครไปได้?”

 

“ถ้างั้นพวกเราก็ไปถามกันเถอะ!” ถึงแม้ว่าพวกเขากำลังถูกไล่ล่า แค่ด้วยระยะห่างที่พวกเขาทิ้งมาจากกลุ่มคนที่ตามล่าพวกเขานั้นยังค่อนข้างมากอยู่ พวกเขาจึงมีเวลาพอที่จะเข้ามาถามกลุ่มของหลิงตู้ฉิงว่าเป็นใคร

 

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังหยุดวิ่งและส่งตัวแทนเดินเข้ามาถาม “ขอโทษนะ ท่าน…”

 

ซือโถวเหวินหยวนยกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาหยุดอยู่กับที่และตะโกนแทรก “หยุดอยู่แค่นั้นพอแล้ว!”

 

ในคนกลุ่มนี้มีบางคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ ซือโถวเหวินหยวนจึงไม่สามารถอนุญาตให้คนเหล่านี้เข้ามาใกล้ได้

 

“พวกเรามาจากอาณาเขตฟีนิกซ์และเป็นคนจากเมืองเพลิงอมตะ” ชายชราจากขอบเขตครึ่งสวรรค์เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ เนื่องจากอีกฝ่ายมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ร่วมอยู่ในกลุ่มและยังดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพวกเขา เขาจึงเป็นฝ่ายแจ้งตัวตนของเขาก่อน

 

เสี่ยวหลิงเฟิงมองไปที่อีกฝ่าย นางหันกลับมาและพูดกับหลิงตู้ฉิง “นายท่าน เขาเป็นคนพวกเดียวกับข้า!”

 

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “เจ้าคุยกับพวกเขาได้ แต่ตัวเจ้าต้องยืนคุยกับพวกเขาตรงนี้อย่าเข้าไปใกล้”

 

หลังจากได้รับอนุญาต เสี่ยวหลิงเฟิงก็หันกลับมาและพูดกับคนเหล่านั้นว่า “ข้าคือ เสี่ยวหลิงเฟิง คนที่ช่วยพวกท่านคือเสี่ยวเยว่เฟิงพี่สาวของข้า”

 

“เป็นพวกเจ้าจริง ๆ ด้วยเหรอนี่?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาพูดด้วยความตกใจ “แล้วพี่สาวของเจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เร็วขนาดนี้ได้ยังไง? แล้วนี่พวกเจ้าได้รับภารกิจมาให้ช่วยเหลือพวกเรางั้นเหรอ?”

 

“ไม่!” เสี่ยวหลิงเฟิงส่ายหัว

 

แต่ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ เสี่ยวเยว่เฟิงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์อีกคนก็ลงมาจากท้องฟ้า

 

เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งสองทำงานร่วมกัน ผู้ไล่ตามจึงเป็นฝ่ายถูกไล่เสียเอง

 

“เยว่เฟิง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ซึ่งแบบนี้ความแข็งแกร่งของพวกเราก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์พูดขึ้น “ข้าเองได้ข่าวมาได้สักพักแล้วว่าในอาณาเขตทะเลชางหมางตอนนี้ได้อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ได้แล้ว และนายน้อยก็ส่งข้ามาตรวจสอบยืนยันเรื่องนี้ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ถ้านายน้อยรู้ว่าเจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ เขาจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ”

 

เสี่ยวเยว่เฟิงมองมาที่เขาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลุงเฟิง ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่านในฐานะคนที่มีสายเลือดเดียวกัน แต่จากนี้ไปข้าจะไม่ติดตามนายน้อยอีกต่อไปแล้ว โปรดท่านลุงเข้าใจความตั้งใจของข้าใหม่”

 

ผู้อาวุโสเฟิงขมวดคิ้วและถาม “หืม? ในเมื่อเจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ต้องการติดตามนายน้อยอีกแล้วกัน? พวกเรายังคิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะต้องกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อล้างแค้นให้กับผู้คนของเราที่ต้องตายลงไป”

 

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “เดิมทีข้าต้องการช่วย แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับลุงเหริ่นในตอนนี้คงไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว”

 

ลุงเฟิงถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? เหริ่นอี้ฟาง เจ้าแก่นั่นมันทำอะไร?”

 

“ตอนที่ข้าเจอกับเขา ข้าเองได้ติดตามนายคนใหม่แล้ว และกำลังมีภารกิจที่ต้องเดินทางไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แต่ลุงเหริ่นบอกให้ข้าต้องรั้งอยู่ในทะเลชางหมางและพยายามขโมยกุญแจทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจากนายท่านของข้า”

 

“ท่านต้องเข้าใจว่านายท่านของข้าช่วยให้ข้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงต้องตอบแทนความเมตตาของเขา ดังนั้นข้าจึงปฏิเสธที่จะทำตามที่ลุงเหริ่นสั่ง นอกจากนี้น้องสาวของข้าซึ่งระดับการบ่มเพาะของนางยังอยู่แค่ขอบเขตประสานทะเลปราณเท่านั้น แต่เขากลับส่งนางไปทำภารกิจที่อันตราย ถ้าข้ามาไม่ทันเวลา น้องสาวของข้าคงตายไปแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่ติดตามเขาอีกต่อไป แต่เพื่อตอบแทนที่เลี้ยงดูข้ามา ในอนาคตข้าสามารถช่วยพวกท่านได้เหมือนที่ข้าทำในวันนี้ แต่การช่วยเหลือของข้าจะต้องอยู่ภายในขีดจำกัดของความสามารถของข้าที่จะทำได้เท่านั้น” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน นางเจตนาพูดถึงกุญแจทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อดูปฏิกิริยาของลุงเฟิง

 

ลุงเฟิงขมวดคิ้วและถามว่า “ในหัวของไอ้แก่เหริ่นอี้ฟาง มันมีแต่ขี้เถ้าหรือยังไงกัน? ว่าแต่นายของเจ้าเป็นใครกัน?”

 

“นี่คือนายท่านของข้า!” เสี่ยวเยว่เฟิงผายมือไปทางหลิงตู้ฉิงเพื่อแนะนำ “นายท่าน นี่คือลุงเฟิงเชาชิง”

 

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย

 

เฟิงเชาชิงพยักหน้าตอบให้หลิงตู้ฉิง “ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของท่านที่มีต่อเผ่าของเรา แต่ข้าได้ยินมาว่ากุญแจผ่านเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันอนุญาตให้เพียงแค่คน 3 คนเข้าไปได้ในเวลาเดียวกันเท่านั้น ข้าสงสัยว่าท่านมีทางพิเศษอื่น ๆ อีกงั้นหรือ?”

 

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง!”

 

“ถ้าอย่างนั้นท่านจะให้โอกาสนายน้อยของเราเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับร่วมกับพวกท่านได้ไหม?” เฟิงเชาชิงรีบพูด

 

“เจ้าจะใช้อะไรมาแลกเปลี่ยน?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้น ระดับการบ่มเพาะของนายน้อยของเจ้าอยู่ในระดับไหนแล้ว?”

 

เฟิงเชาชิงหัวเราะ “นายน้อยของข้าตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตนภาแล้ว สำหรับราคาท่านเรียกมาได้เลย”

 

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “วัสดุระดับบรรพกาล 1 ชิ้น และวัสดุระดับสวรรค์ 10 ชิ้น!”

 

ท่าทีของเฟิงเชาชิงแข็งขืนทันที ราคานี้มหาศาลอย่างหาที่เปรียบมิได้ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถจ่ายได้

 

หลิงตู้ฉิงพูดช้า ๆ “เท่าที่ข้ารู้มา เมืองเพลิงอมตะของพวกเจ้านั้นร่ำรวยเป็นอย่างมากเลยไม่ใช่รึไง? มันเป็นไปได้ยังไงที่เจ้าจะไม่สามารถจ่ายได้แม้แต่วัสดุระดับบรรพกาลแค่ 1 ชิ้น?”

 

เฟิงเชาชิงยิ้มอย่างขมขื่น “เอ่อ…ข้าไม่สามารถสัญญากับท่านในตอนนี้ได้ เอาเป็นว่าเมื่อถึงเวลาข้าจะรายงานเรื่องนี้กับนายน้อยและให้นายน้อยตัดสินใจด้วยตัวเองก็แล้วกัน ว่าแต่พวกท่านจะไปไหนกันต่อ? แล้วข้าจะติดต่อกับท่านอีกได้ยังไงเมื่อข้าได้รับคำตอบจากนายน้อยของข้าแล้ว?”

 

หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ช่วงนี้ข้าจะอยู่ที่เมืองเจินไห่ไปก่อนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ถ้าข้าพบสิ่งที่ข้าต้องการที่นี่แล้ว เมื่อเจ้ากลับมาหาข้าอีกครั้ง ราคาที่นายน้อยของเจ้าต้องจ่ายอาจสูงขึ้นกว่านี้! เจ้าสามารถพิจารณาข้อเสนอของข้าได้นานมากเท่าที่เจ้าต้องการ ข้าไม่รีบ เพราะข้าน่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกเป็นเวลาประมาณ 5 ปี”

 

“ได้ เมื่อได้รับคำตอบแล้วข้าจะมาหาท่านอีกครั้งหนึ่ง” เฟิงเชาชิงพยักหน้า

 

หลังจากพูดจบ ในขณะที่เฟิงเชาชิงกำลังจะพาพรรคพวกของเขามุ่งหน้าเข้าไปยังทะเลชางหมาง จู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็ได้ถามขึ้นว่า “อันที่จริง ข้ามีข้อตกลงอื่นอีกที่อยากจะให้พวกเจ้าทุกคนรับฟัง ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าสนใจที่จะฟังรึเปล่า?”

 

“ข้อตกลงแบบไหน?” เฟิงเชาชิงถาม

 

“ข้าต้องการใครสักคนในบรรดาพวกเจ้าไปที่ทะเลชางหมางเพื่อส่งข้อความให้ข้า ส่วนรางวัลนั้นข้าจะตอบแทนเป็นการมอบอาวุธระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุดให้คนผู้นั้น 1 ชิ้น” หลิงตู้ฉิงพูด

 

เฟิงเชาชิงครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “ถ้าท่านเชื่อใจเรา เราก็สามารถช่วยท่านได้”

 

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “คนที่จะทำงานให้ข้าต้องลงชื่อสัญญากับข้าก่อน เพราะข้าไม่ไว้ใจพวกเจ้าและงานของข้าก็ไม่ใช่งานง่าย ๆ ถ้าใครตกลงก็ออกมาและทำสัญญากับข้า”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนในกลุ่มของเฟิงเชาชิงต่างมองหน้ากัน