“อะไรนะ คู่หมั้นข้าเห็นจูบอยู่กับชายคนที่ตระกูลซุนอ้างว่าเป็นญาติห่างๆ งั้นรึ เป็นไปไม่ได้” มู่ชุนต่อยหมัดลงบนโต๊ะ ทำโต๊ะพังเป็นตัวที่สี่ในอาทิตย์นี้
“มันเป็นความจริง นายน้อย ตามคำสั่ง พวกเราได้ตามพวกเขาทุกวินาทีที่พวกเขาอยู่บนถนน และพวกเราก็ได้เป็นพยานว่าพวกเขาจูบกันภายในร้านอาหารกระต่ายหยก”
“ร้านอาหารกระต่ายหยกรึ พาข้าไปที่นั่น” มู่ชุนพลันยืนขึ้นและกล่าวว่า “ข้าได้เพิกเฉยเรื่องโกหกไร้สาระนี้มานานเกินไปแล้ว ข้าจักต้องไปดูคู่หมั้นของข้าและญาติห่างๆของเธอ”
“ข้าก็ได้ทนมาพอแล้วเช่นกันเรื่องนี้” มู่หลานพ่อของเขาก็ยืนขึ้นเช่นกันและกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็จักไปเยี่ยมตระกูลซุนด้วยตัวข้าเอง”
เวลาถัดไป มู่หลานก็ไปถึงที่บ้านตระกูลซุนด้วยท่าทีที่เหมือนกับว่าพ่อแม่ของเขาเพิ่งถูกฆ่า
“ย้ายก้นของเจ้าออกมาที่นี่ ตระกูลซุน” มู่หลานคำรามสุดเสียง จ้องมองไปยังคนภายในตระกูลซุนที่ยังวุ่นวายอยู่กับธุระของตนเอง
หลังจากนั้นไม่นานนัก ซุนเหรินและซุนเฉียนก็มาปรากฏตัวต่อหน้ามู่หลานพร้อมกับขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับความหยาบคายของมู่หลาน
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้นำตระกูลมู่ ตระกูลซุนก็มิใช่สถานที่ที่เจ้าสามารถมาวางก้ามได้ตามใจปรารถนา ผู้นำมู่” ซุนเฉียนกล่าวกับอีกฝ่าย
“ทำไมเจ้าถึงกับมาที่นี่ ถ้าเจ้ามาที่นี่เพื่อที่จะพูดเรื่องลูกสาวของข้าใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปกับญาติของเธอ เช่นนั้นข้าก็มิมีอะไรที่จะพูดอีก” ซุนเหรินถอนหายใจ
“ตระกูลซุน ตระกูลมู่ของข้าต้องเหมือนกับคนโง่ในสายตาของเจ้าในตอนนี้ ใช่ไหม” มู่หลานควันขึ้นหน้า หน้าผากของเขาเส้นเลือดปูดโปน
สองคนตระกูลซุนต่างพากันสบสายตากันด้วยความสับสนก่อนที่จะกล่าวว่า “เจ้าพูดอะไรกัน”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นโง่ ชายคนนั้นที่สวมหน้ากากเห็นชัดว่าไม่ใช่เพียงแค่ญาติ เมื่อในที่สุดพวกเราก็จับได้คาหนังคาเขาว่าพวกเขาจูบกันในที่สาธารณะ” มู่หลานเผยเหตุผลที่เขามาที่นี่
“อ-อะไรนะ” ซุนเหรินดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนก ราวกับว่าเธอไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยิน
“พวกเขาจูบกันในที่สาธารณะรึ ทำไมพวกเขาจึงทำอะไรที่อื้อฉาวเช่นนั้นในที่สาธารณะ พวกเขาคงมิโง่ขนาดนั้น” ซุนเหรินครุ่นคิดในใจ
“อะไรเป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาจูบกันในที่สาธารณะ” ซุนเฉียนพลันถาม
“โอ เจ้ามิรู้รึ ตระกูลมู่ของข้าได้ติดตามพวกเขาตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา คอยดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาทุกฝีก้าวอย่างเงียบๆ และเมื่อมินานมานี้ พวกเราจับได้ว่าพวกเขาจูบกันที่ร้านอาหารกระต่ายหยก”
คิ้วที่ขมวดบนใบหน้าของซุนเหรินยิ่งลึกขึ้นไปกว่าเดิม คิดในใจว่า “มิมีทางที่เพียงแค่พวกขี้ข้าจากตระกูลมู่จะสามารถติดตามคนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณได้โดยมิถูกสังเกตพบ นี่เห็นชัดว่าเป็นกับดัก อย่างไรก็ตามข้ายังคงมิสามารถบอกได้ว่ามันเป็นกับดักหรือไม่ต่อตระกูลมู่หรือว่าต่อพวกเราเอง”
“เจ้ารู้ไหม เจ้าสามารถแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไปได้ แต่ทว่าตระกูลมู่ของข้าจักมินั่งอยู่เฉยๆ ยอมรับความอัปยศนี้อีกต่อไป ลูกข้า มู่ชุน คงจะไปเผชิญหน้าพวกนั้นแล้วในตอนนี้ ครั้นเมื่อเขายืนยันได้ว่าพวกเขาทำเรื่องอื้อฉาว เขาคงจักฆ่าเจ้าคนสวมหน้ากากนั่นโดยมิสนว่าจะมีความเป็นมาอย่างไร” มู่หลานหัวเราะเสียงดัง
“อะไรนะ”
สกุลซุนทั้งสองคนต่างอุทานออกมาด้วยใบหน้าตกใจ
“จ-เจ้ากำลังพยายามที่จะฆ่าลูกตัวเองงั้นรึ” ซุนเฉียนมองดูมู่หลานด้วยหน้าตาสงสาร
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรเช่นนั้น” มู่หลานพลันขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกได้ถึงลางร้าย
“ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็มิมีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดตัวตนของเขาอีกต่อไป” ซุนเหรินส่ายหน้า
“ชายสวมหน้ากากนั่น… ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็คือ ซูหยาง” สุดท้ายซุนเหรินก็เปิดเผยตัวตนของเขาให้กับมู่หลาน
“ซ-ซูหยางรึ…” มู่หลานยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เขาไม่ได้จดจำชื่อนี้ได้ในทันที แต่หลังจากครุ่นคิดไปได้ไม่กี่วินาที ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจหลังจากที่รู้
“โอไม่ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ลูกข้า” มู่หลานรีบหันกายและพุ่งกายออกจากตระกูลซุนด้วยร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
“เราควรตามเขาไปดีไหม” ซุนเฉียนกระซิบ
“แน่นอน” ซุนเหรินพยักหน้า
ชัดเจนว่ามู่หลานกำลังมุ่งตรงไปที่ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงทำการติดตามอีกฝ่ายไป
ในเวลานั้นที่ร้านอาหารกระต่ายหยก หนึ่งในร้านอาหารหรูหราที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในเมือง ซูหยางและซุนจิงจิงก็กำลังนั่งกินเนื้อวิญญาณอย่างผ่อนคลายราวกับว่ามันเป็นอาหารธรรมดา
ทันใดนั้นระหว่างการรับประทานอาหารเที่ยงกันอยู่นั้น ก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นที่ทางเข้าของร้านอาหาร
“นายน้อยมู่ ท่านมาทำอะไรที่นี่– อา”
มู่ชุนเดินกระทืบเท้าเข้าไปในร้านอาหารราวกับช้างตกมันในเวลาไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ถึงกับเตะพนักงานต้อนรับออกไปพ้นทาง
ผู้คนที่อยู่ภายในร้านอาหารพากันหยุดกินเพื่อดูฉากนี้ ในเมื่อพวกเขาต่างรู้กันว่าทำไมนายน้อยของตระกูลมู่จึงมาปรากฏตัวในที่แห่งนี้ด้วยอารมณ์รุ่มร้อน
“อือ โอ สุดท้ายนายน้อยมู่ก็ปรากฏตัวที่นี่” หนึ่งในลูกค้าที่นั่นกระซิบ
“เขาต้องได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว…”
“เขาใช้เวลานานพอดู”
ในขณะที่ลูกค้าพากันกระซิบกระซาบกัน มู่ชุนก็กวาดสายตาไปในร้านอาหารด้วยดวงตาหรี่แคบจนกระทั่งสังเกตเห็นหญิงสาวสวยนั่งอยู่ใกล้กับด้านหลังของร้านอาหาร
เพียงแค่มองผ่านๆในครั้งแรก เขาก็ตกตะลึงไปกับความสวยของซุนจิงจิง แต่เมื่อเขาจำได้ว่าตนเองมาที่นี่ทำไม เขาก็เดินกระทืบเท้าไปยังอีกฝ่ายพร้อมกับพุงโย้ที่ส่ายไปมาตลอดทาง
“ซุนจิงจิง นี่หมายความว่าอะไรกัน เจ้าบ้านี้เป็นใครกัน”
เมื่อสุดท้ายมู่ชุนได้มาถึงที่โต๊ะของพวกเขา ซุนจิงจิงและซูหยางก็ได้หยุดกินและมองดูร่างที่เตี้ยและอ้วนกลมที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าซุนจิงจิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา มู่ชุนก็กล่าวต่อว่า “ข้ากำลังถามคำถามเจ้า ซุนจิงจิง อย่าคิดว่าข้ามิรู้ว่าเจ้าจูบกับชายคนนี้ก่อนหน้านี้ในร้านอาหารแห่งนี้ เจ้าถือว่าเป็นหญิงของข้าแล้ว และเราก็หมั้นหมายกันแล้ว ถ้าเจ้ามิต้องการที่จะให้ข้าฆ่าเขา ก็จงตอบข้ามา”
“ข้าควรถามเจ้าคำถามเดียวกัน” ซูหยางพลันกล่าวขึ้นในขณะที่เขาเช็ดริมฝีปากของเขาอย่างสง่างามด้วยผ้าผืนหนึ่ง “ไอ้โง่ตัวไหนปล่อยหมูออกมาจากกรง มันทำให้ความอยากอาหารของข้าป่นปี้”