หลังจากที่ได้ยินเรื่องอื้อฉายเรื่องซุนจิงจิงเดินเล่นบนถนนอย่างสนิทสนมกับชายคนอื่นในขณะที่หมั้นหมายกับมู่ชุน ตระกูลมู่พลันส่งคนสื่อสารไปยังตระกูลซุนเพื่อขอคำตอบ
เมื่อซุนเหรินได้รับข่าวจากตระกูลมู่ที่เต็มไปด้วยความโกรธ เธอก็เพียงแค่ยักไหล่และตอบกลับไปด้วยเรื่องเหลวไหลว่า “นั่นเป็นความเข้าใจผิด ชายหนุ่มที่ใส่หน้ากากนั้นจริงแล้วเป็นญาติห่างๆของตระกูลซุนซึ่งเคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าจากอุบัติเหตุ ดังนั้นเขาจึงสวมหน้ากาก เขาเป็นเพื่อนสนิทมากของลูกสาวเราด้วยเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงมิได้กล่าวโทษที่ว่าจะมีใครเข้าใจผิดถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามพวกเขามิได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นตระกูลมู่ควรจะสงบสติอารมณ์ลง”
ครั้นเมื่อตระกูลมู่ได้ยินคำตอบของซุนเหริน ความโกรธของพวกเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า… เป็นว่าชายคนนั้นเป็นญาติของเธอ ไอ้เชี่ยเอ้ยทำให้ข้าปวดใจไปหลายนาที” มู่ชุนหัวเราะโล่งอกหลังจากที่ได้ยินข่าว
“ว่าแต่ว่า เมื่อไหร่งานแต่งงานของพวกเราจึงจะจัดขึ้น ท่านพ่อ” มู่ชุนถามเขา “ข้าต้องการหลีกเลี่ยงสิ่งไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ต่อให้พวกเราเริ่มตระเตรียมงานแต่งในวันนี้ นั่นก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์เพื่อจัดงานพิธี”
“เช่นนั้นพวกเราจะรออะไรอีก เริ่มเตรียมงานในตอนนี้เลย”
“อือ เช่นนั้นข้าก็จักให้ตระกูลซุนได้รู้เรื่องนี้”
เมื่อถึงเวลาที่ซูหยางและซุนจิงจิงกลับคืนสู่ตระกูลซุน ด้านนอกก็มืดแล้ว
“ข้ามิอาจรอที่จะทำแบบนี้อีกในวันพรุ่งนี้ ซูหยาง” ซุนจิงจิงกล่าวด้วยใบหน้าพึงพอใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยมีเวลามากมายสนุกอยู่ด้านนอก ราวกับว่าเธอได้กลับกลายเป็นหญิงสาวธรรมดาที่มีความสุขอยู่กับคนรักของเธอ
“จิงจิง เกิดบ้าอะไรขึ้นในวันนี้” ซุนเหรินพลันมายืนต่อหน้าเธอหลังจากที่เธอกลับมา
“ท่านหมายความว่าอะไร พวกเราก็เพียงแค่เดินไปรอบเมือง กินอาหารอร่อยและจับจ่ายสิ่งของไร้ประโยชน์” ซุนจิงจิงตอบด้วยใบหน้างุนงง
“ข้าหมายความว่า ตระกูลมู่คิดว่ามันเป็นเรื่องอื้อฉาวและมาขอคำตอบวันนี้ตั้งแต่เช้า” ซุนเหรินกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ท่านบอกพวกเขาไปว่าอย่างไร”
“ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดและเจ้าก็เพียงแค่ไปเที่ยวกับญาติห่างๆ…” ซุนเหรินถอนใจ
ซุนจิงจิงหัวเราะคิกคักหลังจากที่ได้ยินคำแก้ตัวเช่นนั้น “ท่านให้ข้อแก้ตัวได้สมบูรณ์แบบมากตามคาด ท่านแม่”
“นี่มิใช่เรื่องน่าหัวเราะ จิงจิง ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลมู่ได้ส่งข่าวมาให้ข้าเมื่อชั่วโมงก่อนว่าการแต่งงานระหว่างเจ้ากับมู่ชุนจักจัดขึ้นภายในสิบวันข้างหน้า”
“สิบวันรึ เห็นชัดว่าพวกนั้นเคลื่อนไหวเร็วมาก” ซุนจิงจิงเลิกคิ้วด้วยท่าทางเรียบเฉย
“ท่านคิดว่าอย่างไร ซูหยาง” เธอหันไปมองดูเขาเพื่อหาคำตอบ
“นั่นเป็นเวลาที่เหลือเฟือสำหรับพวกเรา” เขากล่าว
“เช่นนั้นก็มิมีอะไรที่จะต้องกังวล ท่านแม่” ซุนจิงจิงกล่าวกับเธอ
“ข้ามิรู้ว่าทำไมเจ้าจึงมีท่าทางไร้กังวลระหว่างช่วงเวลาเช่นนี้” แม่ของเธอถอนหายใจยอมแพ้
“มิว่าอย่างไร อาหารเย็นก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว พวกเราไปกินกันก่อนที่มันจะเย็น”
หลังจากอาหารเย็นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซุนเหรินก็ถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าจักทำอะไรต่อไปในวันพรุ่งนี้”
“พวกเราจักออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกอีก” ซุนจิงจิงกล่าว
“อีกงั้นรึ” ซุนเหรินเลิกคิ้ว
“ตระกูลมู่อาจจักมาขอคำตอบอีกในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นข้าจักปล่อยให้อยู่ในมือของท่านอีก ท่านแม่”
“อะไรนะ” ซุนเหรินมองดูเธอด้วยสีหน้างงงัน
แต่อย่างไรก็ตามเธอตัดสินใจที่จะไม่ยอมเปลืองน้ำลายถามคำถาม ในเมื่อเธอมั่นใจว่าซุนจิงจิงจะไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้นถึงแม้ว่าเธอจะลงไปนั่งบนพื้นร้องขอ
เช้าวันถัดมา ซูหยางและซุนจิงจิงก็ออกไปด้านนอกเที่ยวเตร่รอบเมืองอีกครั้ง แต่ไม่เหมือนกับวันก่อนหน้าที่พวกเขาเพียงแค่จับมือถือแขน ซุนจิงจิงกอดแขนซูหยางแนบอกแน่น ดูเหมือนยิ่งใกล้ชิดกับเขามากกว่าเดิม ราวกับว่าพวกเขาเป็นคู่กันจริงๆ
“ดูนั่นซุนจิงจิงกับญาติของเธอ พวกเขาออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกอีกแล้วในวันนี้”
“สวรรค์ พวกเขาดูยิ่งสนิทสนมกันยิ่งกว่าเดิมในวันนี้”
“ต่อให้เขาเป็นญาติห่างๆของเธอ เจ้ามั่นใจหรือเปล่าว่ามิมีอะไรระหว่างพวกเขา เพราะรูปแบบที่ข้ามองเห็น พวกเขาต้องมีความสัมพันธ์สนิทสนมกันอะไรสักอย่างเป็นแน่”
“ตระกูลมู่ต้องมิชอบเรื่องนี้แน่…”
เหมือนตามที่ผู้คนได้คาดไว้จากการแสดงออกของซุนจิงจิงและซูหยาง พวกเขาได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้คนคิดสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
มันไม่ได้ใช้เวลานานนักก่อนที่ตระกูลมู่จะได้รับรู้เรื่องนี้ และพวกเขาก็รีบส่งคนส่งสารคนใหม่ไปยังตระกูลซุนเพื่อขอคำตอบ คำถามที่ว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ญาติกันจริงๆใช่ไหม
แน่นอนว่า ตระกูลซุนปฏิเสธในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันทุกอย่างระหว่างซุนจิงจิงและ “ญาติ” ของเธอ
“พวกเขาทั้งคู่เป็นญาติกันโดยแท้จริง และนั่นก็มีเขตแดนระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา” ซุนเหรินตอบข้อกล่าวหาของตระกูลมู่อย่างเข้มงวด
แม้ว่าตระกูลมู่จะยังคงสงสัย พวกเขาก็ไม่ได้มีข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรมว่าซุนจิงจิงและญาติผู้ลึกลับคนนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันนอกจากการแสดงออกของพวกเขาบนท้องถนน ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาระหว่างพี่น้องที่ใกล้ชิดกันมาก
“ข้าต้องการให้คนของเราคอยเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวที่ตัวปัญหาทั้งคู่นี่ก่อขึ้นทุกวินาทีเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป” มู่หลานสั่งคนของเขาให้เฝ้าสืบซุนจิงจิงและซูหยางเริ่มในวันถัดไป
“ถ้าพวกเขาทำอะไรที่น่าสงสัย เจ้าต้องรีบรายงานกลับมาที่ข้าในทันที และข้าก็จักให้ทั้งตระกูลซุนจ่ายสำหรับการหลอกลวงตระกูลมู่ของข้า” เขาคำราม
วันถัดไป ซูหยางและซุนจิงจิงก็กลับไปยังถนนเพื่อหาความสุขใส่ตนอีก แน่นอนว่าพวกเขายิ่งทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นยิ่งกว่าวันก่อน แต่ทว่าพวกเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่ล้ำเส้น เพียงแค่คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างขอบเขตและหยอกเย้ากับจินตนาการของผู้คน
สิ่งเหล่านี้ดำเนินต่อไปตลอดทั้งอาทิตย์ซึ่งทำให้ตระกูลมู่ถึงกับทึ้งผมด้วยความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่ชุน ซึ่งใกล้บ้าจากจินตนาการของตนเอง
“นังดอกทองซุนจิงจิงนั้นเห็นชัดว่ากำลังเล่นกับข้าและพยายามที่จะบีบข้าให้ทำอะไรสักอย่างที่บุ่มบ่าม เสี่ยงกับการหมั้นหมาย แต่ทว่าข้าจักมิตกอยู่ในกลอุบายของเจ้า ภายในอีกสามวันเจ้าก็จะตกเป็นของข้า” มู่ชุนดวงตาวับแวมด้วยประกายชั่วร้าย
แต่อนิจจา ในวันก่อนที่จะถึงวันแต่งงานของพวกเขา ซุนจิงจิงและซูหยางถึงกับกล้าแลกน้ำลายกันท่ามกลางที่สาธารณะ สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่ได้เห็น