หยางโปคิดว่าจิโร่ สึคาฮาระเก่งกาจมาก แต่เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย แต่รู้สึกว่าจะมีแสงดาบวาบอยู่ในหัวตลอดเวลา !
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปถึงกับไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้เลย วันรุ่งขึ้นก็ถูกเฉาหยวนเต๋อโทรมาตาม เพราะคณะกรรมการประเมินวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมกำลังจะจัดประชุมใหญ่ วิเคราะห์ข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และยังต้องทบทวนและ อภิปรายเกี่ยวกับการคุ้มครองและพัฒนาวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมของชาติในช่วงสองปีที่ผ่านมา !
หยางโปใช้สถานะนี้ฟรีๆตลอดมา แน่นอนว่าสถานะนี้ก็นำผลประโยชน์มาให้เขามหาศาล
เมื่อต้องมารับภาระหน้าที่จริงๆ มันก็เป็นปกติที่เขาจะไม่มีทางปฏิเสธได้
หยางโปนั่งอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยคนผมขาวและมีริ้วรอย มีเขาคนเดียวที่อ่อนเยาว์และผมดกดำที่ยืนอยู่ที่นี่ !
โชคดีที่หลายคนรู้จักหยางโปดี รู้ระดับความสามารถของเขา และรู้ว่าเขาได้มีส่วนสำคัญในการปกป้องและวัตถุโบราณทางมรดกทางวัฒนธรรมกลับมาในช่วงสองปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่มีใครมีข้อสงสัยในตัวเขา
แม้แต่เจ้าภาพที่จัดการประชุมใหญ่ก็ยังแสดงทีท่าชื่นชมต่อเขา ทุกครั้งที่พูดคุยปรึกษาหารือกัน
ก็มักจะเรียกชื่อเขาให้มาแสดงความคิดเห็น เริ่มแรกทุกคนไม่เก็บเอามาใส่ใจ เพียงแต่หยางโปที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนในวัยแค่นี้ เมื่อต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ไปมาหลายประเทศและยังเปิดพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง
จึงมีความคิดริเริ่มอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญหาต่างๆมากมาย เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านี้ เขาจึงมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง !
ประชุมร่วมกันมาตลอดทั้งวัน ทำให้ทุกคนต่างมองเขาด้วยความชื่นชมขึ้นมาทันที !
งานเลี้ยงช่วงค่ำจบลง หยางโปเก็บข้าวของและกำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกขวางไว้
เขาถึงกับตกใจ และมีปฏิกิริยาตอบโต้ทันที “ อาจารย์เหมย คุณก็อยู่ที่นี่เหรอ ! ”
คนที่มาคือเหมยเฉาหนิง หยางโปได้ไปเยอรมนีกับเขาเพื่อพิสูจน์ยืนยันและประเมินถ้วยกระเบื้องเคลือบลายไก่ ตอนนั้นเหมยเฉาหนิงเป็นเพียงแค่นักวิจัย คิดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย !
“ มิกล้า มิกล้า คุณเข้าร่วมองค์กรก่อนผม คุณเป็นแบบอย่างของผม ควรเป็นผมที่ขอคำปรึกษาจากคุณ สวัสดี อาจารย์หยาง ! ” เหมยเฉาหนิงยิ้มพลางเอ่ยปากทักทาย
หยางโปปัดมือทันที “ อาจารย์เหมย ผมได้ประโยชน์มากมายจากการไปทำงานร่วมกับคุณตั้งแต่แรก คุณก็รู้ดี ที่ผมมาเข้าร่วมกังองค์กรก่อนเพราะมีเหตุผลพิเศษ คุณนั่นแหละที่เข้ามาด้วยความสามารถที่แท้จริง พวกเราไม่ต้องมาชมกันไปมาแบบนี้แล้ว ! ”
เฉาหยวนเต๋อที่ยืนข้างๆชี้ไปทางเหมยเฉาหนิงและกล่าวว่า ” พวกนายน่าจะไม่เจอกันนานแล้ว ตอนนี้นายควรเรียกว่า ผู้อำนวยการเหมยถึงจะเหมาะสม เหมยเฉาหนิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จแล้ว ! ”
หยางโปโค้งมือคำนับแสดงความยินดี “ ยินดีด้วย ! ”
เหมยเฉาหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ มันก็แค่ตำแหน่งข้าราชการเล็กๆเท่านั้น ถ้านับกันตามนี้จริงๆแล้ว ตอนนี้คุณดำรงตำแหน่งอยู่ในกรมมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติ และบังเอิญเป็นหัวหน้าของผมด้วยพอดี นั่นไม่ใช่ว่าทุกครั้งผมต้องเรียกคุณว่าผู้อำนวยการหยางหรอกเหรอ ? ”
“ เอาล่ะ พวกนายไม่ต้องชมกันไปมาแล้ว ผู้อำนวยการเหมยเป็นผู้อำนวยการคนใหม่อยากเชิญนายไปทานอาหารเย็นด้วย นายจะไปหรือไม่ไป ? ” เฉาหยวนเต๋อถาม
หยางโปพยักหน้า ” แน่นอน ต้องไปสิ ! ”
หยางโปรู้ดีว่า ที่เชิญมากินข้าวด้วยคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเงื่อนไขแฝงอยู่ บวกกับเฉาหยวนเต๋อ
ที่อยู่กับอีกฝ่าย ต้องมีเรื่องบางอย่างแน่ๆ ทุกคนต่างก็รู้ว่า เฉาหยวนเต๋อมีบุญคุณต่อหยางโปเมื่อครั้งอยู่ที่จินหลิง ดังนั้น ทุกครั้งที่มีเรื่องงานให้เขาทำ จึงมักจะดึงเฉาหยวนเต๋อมาเข้าร่วมด้วย novel-lucky
แต่เฉาหยวนเต๋อเป็นคนรับผิดชอบเรื่องราวพวกนี้จึงหลบเลี่ยงไม่ได้ คงเหมือนกับเหมยเฉาหนิงเขาเป็นคนของพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม แต่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้กรมโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม หน่วยงานเบื้องล่างจึงมักมีเรื่องขอร้องหน่วยงานเบื้องบนให้ช่วย ถ้าเป็นเรื่องงานในอนาคต จึงเป็นเรื่องยากที่เฉาหยวนเต๋อจะปฏิเสธได้
ดังนั้น เฉาหยวนเต๋อ จึงมักจะพาคนไปหาหยางโป แต่ส่วนใหญ่ก็เพื่อให้เกียรติเท่านั้น
ส่วนหยางโปจะตอบตกลงหรือไม่ เขาก็ไม่สนใจมากนัก เพราะเขาและหยางโปได้พูดคุยเรื่องนี้กันแล้ว
ทั้งสามคนเดินออกไปหาร้านหม้อไฟนั่ง
หลังจากดื่มกินกันไปได้สักพัก เหมยเฉาหนิงจึงกล่าวถึงตลาดทางวัฒนธรรมที่เพิ่งพัฒนาขึ้นที่เมืองภาพยนตร์ในช่วงนี้ และเอ่ยปากพูดว่า ” ผลิตภัณฑ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมของเมืองภาพยนตร์ คึกคักมีชีวิตชีวามาก สามารถรวมเข้ากับธีมต่างๆของพระราชวังได้ ผมคิดว่านี่อาจกลายเป็นรูปแบบใหม่หนึ่งของการทำกำไรสำหรับจุดท่องเที่ยวในอนาคตได้ ! ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมีสีหน้ายิ้มแย้ม ก็ได้สติกลับมาทันที เขาหันไปมองหน้าเหมยเฉาหนิง “ ก่อนหน้านี้ผมได้ยินไม่ค่อยชัด ตอนนี้คุณได้เลื่อนขั้นในแผนกไหนของพิพิธภัณฑ์นะ ? ”
“ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ! ” เหมยเฉาหนิงกล่าว
หยางโปรู้ในทันทีว่าเหมยเฉาหนิงน่าจะทำงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมในพระราชวังต้องห้าม ดังนั้นเขาถึงได้กล่าวถึงเรื่องเมืองภาพยนตร์ มองจากตรงนี้ ทั้งสองคนน่าจะรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองภาพยนตร์นั้นต้องเป็นฝีมือของเขาที่เป็นคนทำมันขึ้นมา !
“ พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามมีทรัพยากรอยู่จำนวนมาก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าต้องการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมก็น่าจะค่อนข้างง่าย ” หยางโปเหลือบมองเหมยเฉาหนิง “ วันนี้คุณเป็นคนเลี้ยงข้าว ถ้าอยากจะถามอะไรถามมาตามตรงได้เลย ! ” เหมยเฉาหนิงยิ้ม ” จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีคำถามมากนัก เพียงแค่ต้องการพูดคุยกับคุณ มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าได้ฟังคุณเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ฟังสักหน่อย รูปแบบการพัฒนาของเมืองภาพยนตร์ในปัจจุบันประสบความสำเร็จอย่างมาก พวกเราทุกคนต่างก็อยากที่จะศึกษาเรียน
รู้ไว้ ! ”
เฉาหยวนเต๋อที่นั่งข้างๆ แล้วพูดคล้อยตามว่า ” นายอย่าปกปิดเพราะกลัวคนอื่นจะรู้เลยนะ ”
หยางโปพยักหน้า ” ผมก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ถ้าอย่างนั้นผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนั้นให้คุณฟัง แต่พวกคุณเป็นหน่วยงาน มีบางสิ่งบางอย่างอาจทำได้ไม่ง่ายนัก คุณต้องเตรียมใจไว้ ! ”
เหมยเฉาหนิงพยักหน้า
หยางโปพูดถึงวิธีการของเขาตอนที่อยู่เมืองภาพยนตร์ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรจะพูดมากนัก ส่วนใหญ่อยู่ที่การออกแบบผลิตภัณฑ์ ตราบใดที่การออกแบบผลิตภัณฑ์สามารถเป็นจริงได้
และทำให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกว่านี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีอยู่ชิ้นเดียว
และสามารถทำให้คนเห็นและนึกออกว่ามันอยู่ที่ไหน พวกเขาก็จะสนใจและกระตือรือร้น
เพราะอย่างไรซะของที่ระลึกในสถานที่ท่องเที่ยวภายในชาติก็คลับคล้ายคลับคลากันมาก !
หลังจากที่เหมยเฉาหนิงฟังประสบการณ์ของหยางโป ก็พูดขึ้นมาทันที “ มีประโยชน์มาก ! ”
หยางโปโบกมือ “ มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ มันเป็นแค่ความคิดสร้างสรรค์ แค่ทุกคนคิดไม่ถึงเลยสักนิด แต่เมื่อทุกคนนึกขึ้นได้ มันก็ไม่เป็นที่นิยมกันมากเท่าไรแล้ว ” “ มันคือความคิดสร้างสรรค์ ยังไงสิ่งแรกที่สามารถคิดขึ้นมาได้ นั่นแหละคือความสามารถ ”
เหมยเฉาหนิงกล่าว
เฉาหยวนเต๋อที่นั่งด้านข้างกล่าว ” เอาล่ะ พวกนายไม่ต้องประจบสอพลอกันแล้ว เรื่องนี้ถ้าพูดมันก็ง่าย แต่สำหรับเหล่าเหมยแล้ว อาจไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะยังไงซะนายก็อยู่ในระบบหน่วยงาน
ถ้าต้องการทำอะไรสักอย่าง ต้องพูดคุยสื่อสารกันให้มาก ! ”
เหมยเฉาหนิงรีบพยักหน้า “ ผมจะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับคณบดี เขาน่าจะเห็นด้วย ”
“ ผมหวังว่าพวกนายจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงยังไงทุกอย่างมันก็จะยากในช่วงเริ่มต้น ในเมื่อคิดที่จะดำเนินการต่อ งั้นก็ต้องยึดมั่นเอาไว้ ! ” เฉาหยวนเต๋อพูดให้กำลังใจ
ทั้งสามดื่มกินพูดคุยกันอยู่นาน แม้ว่าทุกคนจะเสนอความคิดเห็นมากมายในที่ประชุม แต่พอมาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ก็ดูสบายๆมากกว่า เฉาหยวนเต๋อถึงกับสบถด่า ออกมาตามตรง
” ก็แค่ข้าราชการคนหนึ่ง พวกนายไม่ต้องไปสนใจเขา ! ”