เช้าวันที่สอง หยางโปนั่งอยู่ในห้องประชุมอีกครั้ง วันนี้มีการแก้ไขข้อบังคับที่เกี่ยวข้องในการปกป้องคุ้มครองวัตถุโบราณทางวัฒนธรรม นี่เป็นเรื่องของวิชาชีพทางกฎหมาย แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการปกป้องคุ้มครองวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมภายในชาติทั้งหมด การรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเหตุนี้ จึงมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เชี่ยวชาญมาให้การวิเคราะห์ในบางข้อ
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญในห้องจึงเสนอความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องตามลำดับ
หยางโปคิดว่าเรื่องแบบนี้ควรจะสรุปให้จบลงโดยเร็ว เขามีหรือจะคิดถึงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในห้องเพิ่งเริ่มอ่านระเบียบข้อบังคับแรก ในห้องเพิ่งมีผู้เชี่ยวชาญบางคนพลิกเปิดดูบันทึกและเริ่มแสดงความคิดเห็น !
สถานการณ์แบบนี้ดำเนินไปตลอดทั้งเช้า ก็ไม่สามารถสรุปให้จบลงได้ จนกระทั่งบ่ายสามสี่โมงเย็น ผู้เชี่ยวชาญที่ตีความบทบัญญัติทางกฎหมายก็หมดเรี่ยวแรง จากนั้น ถึงได้วิเคราะห์บทบัญญัติทั้งหมดอีกรอบ
ในฐานะที่หยางโปเป็นคนยืนดู ถ้าไม่ใช่ว่าจะกลัวเสียภาพลักษณ์คงเดินออกไปจากที่นี่นานแล้ว
โชคดีที่ต่อมาเรียบมันก็ง่ายขึ้นมาก เจ้าภาพขอให้ทุกคนเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับงานหลักของปีหน้า
หยางโปนั่งลงโดยไม่พูดอะไร คนที่พูดล้วนเป็นผู้อาวุโสที่น่าเคารพนับถือ พวกเขามีสถานะสูงในแวดวงนี้ ความคิดเห็นที่เสนอมา จึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างง่ายดาย หยางโปได้แต่นั่งดื่มน้ำและไม่พูดอะไรมาก
พอถึงช่วงหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม การประชุมที่ดำเนินติดต่อกันมาสองวันเต็มก็สิ้นสุดลง
เจ้าภาพเชิญทุกคนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน เดิมหยางโปที่เตรียมพร้อมจะจากไปแล้ว
แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ก็ต้องจำใจอยู่ต่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้เชี่ยวชาญในที่เกิดเหตุไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว ทุกคนต่างสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทกันในห้องประชุม แต่พอมานั่งอยู่ในวงเหล้า แต่ละคนต่างก็คอแข็งกันไม่เบา หยางโปในฐานะรุ่นน้อง
จึงกลายเป็นเป้าหมายร่วมกันของทุกคนในงาน !
หยางโปทำเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ได้ดื่มเหล้า จึงต้องพูดคุยเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ที่เขากำลังจะเปิดในปีหน้า แจกนามบัตร และเชิญชวนให้ทุกคนมาเยี่ยมชม
ในขณะที่หยางโปคิดว่าเขาจะเมาคาวงเหล้าในวันนี้แล้วนั้น จู่ๆ เฉาหยวนเต๋อก็เดินมาด้านหลังเขาและกระซิบข้างหูเขา ” นายมาชนแก้วดื่มอวยพรกับฉันหน่อย ”
หยางโปยกแก้วขึ้นขอโทษขอโพยกับทุกคน จากนั้นก็เดินตามเฉาหยวนเต๋อไปที่โต๊ะหลัก
คนที่นั่งอยู่โต๊ะหลักเป็นท่านอธิบดี เขาอายุราวห้าสิบกว่าๆ แต่ดูหนุ่มมาก เมื่อเห็นหยางโป
ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยทัก “ เสี่ยวหยาง เรากำลังรอให้คุณมาดื่มด้วยเลยนะ เมื่อวานผมพบพ่อคุณระหว่างประชุมด้วย เรายังพูดถึงคุณอยู่เลย ! ”
หยางโปยิ้มและตอบกลับไปว่า “ ลุงเฉียน เมื่อวานคุณไม่ได้พูดจาว่าร้ายผมใช่ไหม ? ”
ท่านอธิบดียิ้มแล้วพูดว่า “ ผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง ? ”
หยางโปหยิบแก้วขึ้นมาทันที “ งั้นผมคงต้องชนแก้วดื่มอวยพรกับคุณสักแก้วแล้วล่ะ ! ”
ผู้อำนวยการเฉียนยืนขึ้น เมื่อเขาเห็นหยางโปขอให้เขานั่งลง เขาก็ยืนกรานที่จะยืนขึ้น
“ แก้วนี้ของคุณ ผมต้องดื่มมัน ! ”
พอพูดจบ ผู้อำนวยการเฉียนก็ดื่มหมดในคราวเดียว
จากนั้น ผู้อำนวยการเฉียนก็เทเหล้าแก้วหนึ่งแล้วยกแก้วขึ้น “ ผมยังอยากชนแก้วดื่มกับคุณอีกสักแก้ว ขอบคุณสำหรับโบราณวัตถุมรดกทางวัฒนธรรมในช่วงสองปีที่ผ่านมาที่คุณนำกลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการพยายามปกป้องตราหยกแผ่นดินสมบัติของชาติที่สำคัญ
มันเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับพวกเราทุกคน ! ”
หยางโปรีบพูดว่า “ คุณชมเกินไปแล้ว ! ” ไอลีนโนเวล
ผู้อำนวยการเฉียนหยิบแก้วขึ้นมาดื่มหมดในคราวเดียวอีกครั้ง หยางโปเลยต้องดื่มเป็นเพื่อนเขาไปแก้วหนึ่ง
เมื่อมีจุดเริ่มต้นแบบนี้ ต่อจากนั้นหยางโปก็จำใจต้องดื่มไปอีกหลายแก้ว
หยางโปกลับมาที่โต๊ะเหล้า แต่คนอื่นก็คิดที่จะบีบเขาให้ดื่มเหล้าอีก หยางโปรู้สึกไม่ค่อยมีความสุข ผู้เชี่ยวชาญเฒ่าพวกนี้อาวุโสกว่าเขา ประสบการณ์ที่มีก็ลึกล้ำกว่าเขา แต่อาศัยที่ตนมีอายุมากและทำเป็นผู้อาวุโส เที่ยวดูถูกคนอื่นในวงเหล้า บีบบังคับคิดที่จะให้เขาดื่มเหล้า เขาก็ทำได้แค่ต้องทนๆไป แต่คนจำนวนมากทำสงครามวงเวียนกันไปมาแบบนี้ เขาจึงทนต่อไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว !
หยางโปดื่มเหล้าไปไม่น้อยแล้ว รู้สึกค่อนข้างที่จะเวียนหัว เขาค่อยๆเคลื่อนย้ายพลังไหลเวียนที่อยู่ในเส้นลมปราณ ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์พุ่งออกมาจากร่างกาย แอลกอฮอล์ที่เขาเพิ่งดื่มเข้าไปไหลออกมาตามรูขุมขนของเขา !
หยางโปตกใจมาก มองดูแก้วที่อยู่ตรงหน้า จิตใจกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขายกแก้วขึ้นแล้วเติมเหล้าจนเต็มแก้ว
“ อาจารย์หลิว คุณเขียนหนังเรื่อง ( เครื่องลายครามราชวงศ์หยวน ) ในปี 1998 เล่มหนึ่ง ผมอ่านแล้ว หนังสือเล่มนี้เขียนได้ดีจริงๆ มันช่วยผมไว้ได้มาก ผมขอชนแก้วแสดงความยินดีกับคุณสักแก้ว ! ”
“ อาจารย์จาง ผมเคยไปฟังวิชาเรียนของคุณที่มหาวิทยาลัยตี้จิงมาคาบเรียนหนึ่ง ผมยังจำได้อย่างแม่นยำว่า ตอนนั้นบรรยายถึงการพัฒนาของปลอมร่วมสมัย มันมีประโยชน์มากจริงๆ ผมขอแสดงความเคารพ ! ”
……
หยางโปมีความจำที่ดีมาก หลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับโบราณวัตถุหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกัน หยางโปอ่านมาเยอะ เพราะเขาสามารถระบุงานของทุกคนออกมาได้อย่างชัดเจน ทุกครั้งที่เข้าไปชนแก้วแสดงความเคารพ ล้วนใช้เหตุผลนี้ในการเข้าไปชนแก้วแสดงความเคารพ และไม่คิดที่จะหลบหน้าอีกแล้ว พวกเขาเหมือนกับหยางโป ชนแก้วแล้วแก้วเล่า !
หยางโปเดินไปรอชนแก้ววนไปวนมา เปลี่ยนสำนวนการพูดครั้งแล้วครั้งเล่า โต๊ะของพวกเขาได้สั่งเหล้ามาเพิ่มสิบกว่าขวด คนอื่นๆในงานต่างก็ดื่มเหล้าจนหน้าแดงหน้าดำกันไปหมดแล้ว
แต่หยางโปกลับยิ่งกระปรี้กระเปร่าขึ้นเรื่อยๆ !
ในช่วงเริ่มแรก ทุกคนยังชนแก้วดื่มอวยพรกันอยู่ แต่ภายหลัง ไม่มีใครกล้าดื่มต่ออีก เพราะทุกคนกำลังรอให้หยางโปมาชนแก้วด้วย
ก็ไม่รู้ว่าใครอาเจียนออกมาก่อน คนอื่นๆในงานจึงพากันอาเจียนตามอีกหลายคน !
ทุกคนต่างพากันมองมาที่โต๊ะนี้ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ ทำไมดื่มมากขนาดนี้ หรือคนขี้เมาทุกคนถูกแยกให้มาอยู่ที่โต๊ะนั้นเพียงโต๊ะเดียว คืนนั้น จึงต้องเปิดห้องพักให้ผู้เชี่ยวชาญที่เมาค้างนอนกันที่โรงแรม
หยางโปเดินออกไปข้างนอกอย่างสบายอารมณ์ พวกเขาทั้งโต๊ะ ถูกเขามอมเหล้าจนลุกไม่ขึ้นนอนอยู่ที่โรงแรมกันหมด มีเพียงเขาคนเดียวที่ออกมา
เช้าวันรุ่งขึ้น เรื่องราวใหญ่โตของหยางโปก็ได้แพร่กระจายไปในกลุ่ม แม้แต่คนที่ดื่มเหล้าวงเดียวกับเขาที่โต๊ะอาหารก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นไปแล้ว เริ่มแรกทุกคนเห็นเขาเป็นรุ่นน้องจึงตั้งใจหยอกเขาเล่น ไม่คาดคิดเลยว่าหยางโปจะบีบพวกเขาแล้วไล่ชนแก้วจนเมากันทั้งโต๊ะ !
เฉาหยวนเต๋อเป็นคนโทรมาบอกข่าวนี้กับเขา ตอนที่เฉาหยวนเต๋อโทรมา หยางโปเพิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จ มาอาบน้ำ และกำลังกินข้าวต้มอยู่
“ จะมาโทษผมก็ไม่ได้ พวกเขามันพวกนักเลง พูดคุยล้อเล่นสนุกปากกันในวงเหล้า คิดที่จะกดหัวผม ผมจะให้พวกเขาสมหวังได้ยังไง ? ” หยางโปกล่าว
เฉาหยวนเต๋อสะอึกกับคำพูดของหยางโป “ นี่นายพูดอะไร ? นักเลงอะไรกัน ทุกคนพูดเรื่องแบบนี้ในวงเหล้ามันก็เป็นเรื่องปกติ ปกตินายไม่ใช่คนพูดแบบนี้ ! ”
“ สบายใจได้ ” หยางโปกล่าว
เฉาหยวนเต๋ออดที่จะหัวเราะฮ่าๆดังลั่นไม่ได้ “ ชิงชัยเพื่อศักดิ์ศรีให้พวกเราจริงๆ ครั้งนี้นายทำได้งดงามมาก ! ”
เดิมหยางโปไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกแล้ว วันนี้หลินหลินไม่อยู่บ้าน เพราะหยางโปไม่ยอมแต่งงาน
หลินคิดว่าปีหน้าคงไม่ได้อุ้มหลานแล้ว กลัวว่าจะไม่มีอะไรทำ จึงออกไปทำงานตั้งแต่เช้า
บอกว่าจะกลับไปเริ่มธุรกิจของตัวเอง
หยางโปเลยทำได้เพียงต้องสนับสนุน แต่รู้สึกว่าข้าวเช้าที่กินไม่ค่อยจะมีรสชาติเหมือนแต่ก่อน เมื่อหลินหลินมาถึงบริษัท ก็จัดการเคลียร์งานในบริษัท จู่ๆก็ได้รับสายจากคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“ สวัสดีครับ คุณหลิน ผมชื่ออี้มู่ พวกเราเคยพบกันแล้ว ! ”เสียงของชายคนหนึ่งดังมาตามสาย