ตอนที่ 1157 ตามเข้ามาติดๆ
ในยามปกติแล้วไม่ว่าฉินมู่ปิงจะจริงใจหรือเสแสร้ง ล้วนปฏิบัติต่อเขาอย่างนอบน้อมมาโดยตลอด
ฉินมู่ปิงเป็นราชนิกุล ที่จริงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทุกครั้ง ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุผล ยามอยู่ในต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก ฉินมู่ปิงมักแสดงท่าทางเคารพนอบน้อมเกินจะเปรียบ
ทุกครั้งที่เขาพบกับฉินเย่หานก็เป็นฝ่ายคุกเข่าลงเอง
การกระทำของเขาในวันนี้ กอปรกับก่อนที่จะเข้ามา ภาพที่ฉินเย่หานได้ยินและเห็น ฉินมู่ปิงในเวลานี้ก็เหมือนกับกำลังพยายามแสดงอะไรบางอย่างออกมา
ทว่ากลับมองสีหน้าของเขาไม่มอง เพียงรู้สึกว่าเขาแผ่รังสีข่มขู่ออกมา ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ไทเฮาเหนียงเหนียงเสด็จแล้ว…” ภายในลานกว้างตกอยู่ในความเงียบงัน ฉินเย่หานไม่เปิดปากพูดอะไรออกมา พวกเขาไม่ว่าใครก็มิกล้ายืนขึ้นก่อน อารมณ์ของซูหลีที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างสับสนเกินจะเปรียบ
แน่นอนว่านางรู้ว่า ถูกฉินเย่หานเห็นภาพแบบนั้นเข้า แค่คิดก็ทราบดีว่า อารมณ์ของฉินเย่หานจะต้องไม่ดีเป็นอย่างมาก
จริงๆอารมณ์ของนางก็สับสนเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้นางยังไม่เข้าใจว่า การกระทำของฉินมู่ปิงเมื่อครู่หมายความอย่างไร ทว่าบัดนี้นางเข้าใจแล้ว
เกรงว่าฉินมู่ปิงจะเจตนาใช้นางเป็นหมากในการต่อสู้ของระหว่างพวกเขาจวนจิ้งหนานอ๋องกับฮ่องเต้เสียแล้ว!
การค้นพบนี้ ทำให้ซูหลีอารมณ์ไม่ดีไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้นางกับฉินมู่ปิงจะไม่อาจพูดว่าเป็นสหายกันได้ ทว่าอย่างน้อยก็ไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ทว่านางกลับถูกคนอื่นหลอกใช้เช่นนี้ เรื่องแบบนี้ เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ดีนัก!
ที่ซูหลีไม่รู้ก็คือ วันนี้นางนั้นเสียเปรียบให้กันฉินมู่ปิงผู้นั้นแล้วจริงๆ
ฉินมู่ปิงนั้นเก็บความรู้สึกของตนเองได้อย่างดีมาโดยตลอด แม้เพียงแค่เล็กน้อย เขาก็ไม่อยากที่จะให้คนสังเกตเห็นความรู้สึกของตนที่มีต่อซูหลี
ทว่าเมื่อครู่เขาอดกลั้นความรู้สึกไม่ได้จริงๆ นางที่อยู่ภายใต้แสงไฟนั้นงดงามถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตามเพราะมีเรื่องมากมาย ทำให้นางไม่สามารถเป็นคนของเขาได้
อาจเป็นเพราะความคิดเช่นนี้ ถึงทำให้ในชั่วพริบตานั้นเขาพลันสูญเสียสติปัญญาที่ตนเองแสนภาคภูมิใจไป
บัดนี้ถูกลมพัดทะลุกลางลานกว้างพัดผ่านเช่นนี้ สมองก็ได้สติกลับมาบ้าง เพียงแต่การกระทำเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใกล้ชิดซูหลี หรือแย่งชิงจอกสุราของนางขึ้นดื่ม เขานั้นไม่รู้สึกเสียใจที่ได้กระทำเลยแม้แต่น้อย
เขาเก็บไว้ในใจมานานเกินไปแล้ว เพราะว่านางถึงทำให้ความอดกลั้นนี้เปลี่ยนเป็นเรื่องนี้ยากจะแบกรับไว้เป็นอย่างยิ่ง
คนที่อยู่ในลานกว้างแต่ละคนล้วนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ใครก็ไม่ได้สนใจประโยคที่เอ่ยว่า ไทเฮาเสด็จแล้ว
รอจนไทเฮาเยื้องกรายเข้ามา พร้อมกับนำคนกลุ่มหนึ่งถลาเข้ามาภายในลานกว้าง ก็ทอดพระเนตรเป็นภาพตรงหน้า
ไทเฮาชะงักฝีพระบาทไปก้าวหนึ่ง จากนั้นทรงชำเลืองมองไปทางฉินเย่หาน ตรัสด้วยเสียงเย็นว่า
“ข้ายังคิดว่าที่ฝ่าบาททรงรีบร้อนขนาดนี้ คงจะมีเรื่องใหญ่อะไรต้องจัดการ! ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะทรงเป็นห่วงใต้เท้าซูขนาดนี้!”
น้ำเสียงนี้ช่างบาดหูนัก ขัดจังหวะความคิดของทุกคนในลานนี้ได้ในชั่วพริบตา
ทันทีที่ซูหลีเงยหน้าก็พบกับท่าทางที่เกรี้ยวกราดของไทเฮา ข้างพระวรกายของพระองค์ยังมีอู๋โยวหรานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ ทั้งยังหันมาทางฉินเย่หานอย่างต่อเนื่อง
ซูหลีเก็บสีหน้าของตนทันใด จากนั้นก้มศีรษะลง
“เสด็จแม่มาที่นี่ได้อย่างไร” ฉินเย่หานหมุนกายหันกลับไป สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มองจากสีหน้าของเขาแล้ว กลับมองความรู้สึกในใจของเขาไม่ออกจริงๆ
“ข้าจะมามิได้หรือ หากข้าไม่มา เกรงว่าจะถูกใช้อำนาจบาตรใหญ่ข้ามหัวข้าแล้ว!” สีหน้าของไทเฮาไม่น่าดูยิ่งนัก พูดจาก็ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
คำพูดนี้พุ่งตรงไปที่ซูหลี
ตอนที่ 1158 ขุนนางที่ไม่สนทั้งกฎหมายและศีลธรรม
ซูหลีชะงักไปเล็กน้อย ทว่ามิมีท่าทีที่จะถอยหลังและหวั่นเกรงเลยสักนิด
“เสด็จพี่เพคะ!” อู๋โยวหรานเห็นท่าทีที่มีโทสะพลุ่งพล่านของไทเฮา คล้ายกับมีความตื่นตระหนกอยู่บ้าง นางไม่สนแม้กระทั่งมารยาทของสตรีชั้นสูง เอ่ยแทรกประโยคหนึ่ง
“หมู่นี้สุขภาพเสด็จป้าไม่ดีนัก หมอหลวงกล่าวว่าต้องพักฟื้นอย่างสงบ เสด็จพี่คงไม่อยากให้เสด็จป้าทรงกริ้วกระมัง” อู๋โยวหรานชำเลืองมองฉินเย่หาน ดวงตาที่น่าดึงดูดคู่นั้นของนางบรรจุเพียงฉินเย่หานเอาไว้ผู้เดียว
ความรักใคร่ชื่นชมที่ไม่เห็นผู้อื่นเช่นนี้แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง
ทุกคนโดยรอบที่มีดวงตาล้วนมองออก
เป็นธรรมดาที่หนึ่งในนั้นรวมถึงซูหลีด้วย
ซูหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย ครั้งแรกที่เจออู๋โยวหรานผู้นี้จูงมือนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ทั้งเอ่ยว่าเลื่อมใสนาง นางก็เชื่อไปชั่วคราว
ครั้งที่สองที่เจอหน้ากัน อู๋โยวหรานกลับเอ่ยว่า ‘เสด็จพี่’ ได้เต็มปากเต็มคำ และไม่รู้ว่านี่เป็นความไร้เดียงสาอย่างแท้จริง หรือเสแสร้งเเกล้งกันแน่
“ไยเสด็จแม่ยังไม่กลับไปพักผ่อน” ทว่าแม้คนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ฉินเย่หานก็ยังเป็นฉินเย่หานวันยังค่ำ เขาเพียงตวัดสายตามองอู๋โยวหรานปราดหนึ่ง จากนั้นมองไปทางไทเฮา
อากัปกิริยายังคงเย็นชาดุจน้ำแข็ง พูดจาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย
คำพูดประโยคนี้ออกจากปากของเขา กลับมิคล้ายความเป็นห่วงเลยสักนิด ทว่าคล้ายเป็นซักถามมิปาน
สีหน้าของไทเฮาพลันเคร่งขรึม พระองค์ทรงตรัสด้วยเสียงเยียบเย็น “ให้ข้าพักผ่อน ข้ากลับอยากจะถามฝ่าบาท นี่ทรงต้องการจะยั่วให้ข้าโมโหจนตายไปใช่หรือไม่ ฝ่าบาทถึงจะเบิกบานพระทัย”
คำพูดนี้เต็มไปความตำหนิ
ครอบครัวคนโดยทั่วไปก็ยังไม่กล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา นับประสาอะไรกับฮ่องเต้ ซึ่งเป็นนายท่านของใต้หล้า มีสายตาหลายคู่ที่คอยจ้องมองพระองค์ พระองค์ทรงสามารถรับโทษเรื่องอกตัญญูได้เยี่ยงไร
คำพูดนี้พูดเกินไปมาก ทว่าสายตาที่ฉินเย่หานมองไทเฮา กลับไม่มีความวูบไหวเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกใดๆ กลับเป็นความเยียบเย็นไร้ความรู้สึก
ซูหลีที่มองอยู่ด้านล่าง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆนางถึงได้รู้สึกเห็นใจฉินเย่หานขึ้นมาทันที
แม้สุดท้ายแล้วนางจะมีจุดจบเช่นนั้น ทว่าก็เคยถูกหลี่รุ่ยอิงกับมารดาของนางประคองอย่างทะนุถนอมและรักใคร่มาตลอดหลายปี
ทว่าแม้ฉินเย่หานจะสูงส่งเป็นถึงโอรสสวรรค์ ทว่ากลับต้องทนถูกมารดาของตนมองเป็นคนนอก แม้กระทั่งมารดาของตนใช้อำนาจที่ได้จากตน มาบีบบังคับฉินเย่หานอย่างไม่หยุดหย่อน
มิน่าฉินเย่หานถึงมีท่าทางที่เย็นชาดุจน้ำแข็งและไม่แยแสจิตใจของผู้อื่นเช่นนี้
ซูหลีทอดถอนใจอยู่ในใจ
“เสด็จแม่เอาคำพูดนี้มาจากที่ใด” ใบหน้าของฉินเย่หายนิ่งเฉย คล้ายกับกำลังปฏิบัติงานราชการอยู่มิปาน เอ่ยถามขึ้นประโยคหนึ่ง
“ฝ่าบาทไม่ควรจะถามขุนนางที่ดีของพระองค์หรือ!? ข้าตามฝ่าบาทมาที่นี่ก็เพื่อมาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย ข้าอายุมากแล้ว ต้องให้หาใครสักคนมาคัดพุทธคัมภีร์สักสองสามเล่มแทนข้า”
“ฝ่าบาท! นี่หากข้าร้องขอเช่นนี้คงไม่เกินไปกระมัง นี่ก็มิใช่การลงโทษ ทว่าขุนนางผู้นี้ของฝ่าบาทช่างเก่งกาจโดยแท้! กลับไม่เห็นข้าในสายตาเลยสักนิด!”
“ข้าเพิ่งจะเดินออกมา นางก็อาศัยความเจ็บป่วยออกไป บัดนี้กลับกำลังกินดื่มอย่างสำราญอยู่ที่นี่ ทั้งยังพูดกับคนของข้าว่า แม้แต่จะเดินบนถนนก็ยังเดินไม่ไหว นี่เป็นท่าทางของคนที่เดินบนถนนไม่ไหวหรือ!?”
ไทเฮาพูดจนจบ ทั้งใบหน้าก็แดงก่ำด้วยความโกรธ
นางไม่เคยเห็นคนอย่างซูหลีมาก่อน! ที่ไม่ยอมรับการอบรบสั่งสอนเลยจริงๆ
“เสด็จป้าทรงอย่ากริ้วไปเลยเพคะ! ท่านพี่ซูจักต้องไม่เจตนาอย่างแน่นอน เกรงว่าก่อนหน้านี้จะรู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ ใช่หรือไม่ ท่านพี่ซู?” อู๋โยวหรานรีบยืนขึ้น อยากที่จะให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี