ตอนที่ 1155 นี่คือสิ่งใด / ตอนที่ 1156 คลื่นใต้น้ำ

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1155 นี่คือสิ่งใด

 

 

มิน่าคนจำนวนมากถึงได้พยายามคิดที่จะสังหารซูหลีผู้นี้ทิ้งซะ

 

 

หากยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับซูหลี ความรู้สึกเช่นนั้นคงไม่ต้องพูดว่าจะรันทดใจถึงเพียงใด!

 

 

“ซื่อจื่อ อาหลีนั้นชอบพูดเล่น ท่านก็อย่าถือสานางนักเลย!” เซี่ยอวี่เสียนมองฉินมู่ปิงที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ชามและตะเกียบจัดวางอยู่บนโต๊ะ ทว่ากลับไม่เห็นฉินมู่ปิงขยับตะเกียบเลยแม้แต่น้อย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก เพื่อให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี

 

 

ทันทีที่เขาเปิดปากพูด ก็ชำเลืองเห็นฉินมู่ปิงหันศีรษะมาทางนี้และมองเขาด้วยสายตาที่มีความหมายลุ่มลึกปราดหนึ่ง

 

 

“พอเถอะ ซื่อจื่อยังกินไม่อิ่มไม่ใช่หรือ เร็วเข้า ให้คนย่างอาหารเพิ่มอีกเถอะ!” ซูหลีจะอยากเป็นแม่สื่อให้กับฉินมู่ปิงกับอู๋โยวหรานจริงๆเสียที่ไหน

 

 

นางก็ไม่ใช่คนเสียสติ

 

 

ก็แค่เป็นเพราะคำพูดของฉินมู่ปิงนั้นไม่รื่นหูจริงๆ นางถึงได้เจตนาพูดประชดประชันเขาคำรบหนึ่ง เมื่อพบว่าเขาพูดอะไรไม่ออกแล้ว นางถึงได้วางใจ

 

 

“เจ้าคะ!” เหล่าสาวใช้ที่กำลังย่างอาหารอยู่ขานรับ จากนั้นจึงเคลื่อนตัวว่องไวขึ้น

 

 

“นี่คือสิ่งใด” เมื่อต้นตอที่เขามาที่นี่เพราะเรื่องอู๋โยวหรานถูกเปิดโปงเช่นนี้ ฉินมู่ปิงก็เป็นคนเฉลียวฉลาดนัก ในเมื่อซูหลีแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากฟัง เขาคงไม่จำเป็นต้องสานเรื่องนี้ต่อ การรนหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสมกับเขาโดยแท้

 

 

เพียงทันทีที่เขาปรับสายตา ก็เหลือบมองเห็นสุราของจอกสุราของซูหลีพอดี

 

 

สุรานี้ช่างแตกต่างกับสุราประเภทอื่น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสีแดงที่งดงามยิ่ง น้ำสีแดงนี้ถูกเทลงใบจอกเงิน เมื่อส่องสะท้อนกันแล้ว ดูสวยงามเป็นพิเศษ ทั้งยังให้ความรู้สึกเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ซึ่งเหมือนกับซูหลีผู้นี้เป็นอย่างมาก

 

 

“นี่ก็คือสุราประเภทหนึ่งที่ไป๋ฉินบ่มไว้ยามว่าง มีชื่อว่าหลานฮวาเซียง ซื่อจื่อต้องการลิ้มลองสักหน่อยหรือไม่” ทันทีที่ซูหลีก้มหน้าก็พบว่าฉินมู่ปิงจ้องมองจอกสุราของนางด้วยความสนใจ

 

 

นางจึงอธิบายประโยคหนึ่ง

 

 

สุราสีแดงนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พบบ่อย พวกเขาสงสัยก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

 

 

“อ้อ หลานฮวาเซียง เป็นชื่อที่โดดเด่นมาก หากเปิ่นซื่อจื่อจำมิผิด ดูเหมือนว่าใต้เท้าซูหลีจะดื่มสุราไม่ได้ แต่ก่อนตอนอยู่ที่สำนักเต๋อซั่นมีหลายคราที่ดื่มแล้วก็มึนเมาทันที!”

 

 

ฉินมู่ปิงฉีกยิ้มบางๆและมองไปทางซูหลี

 

 

“ซื่อจื่อจำมิผิด” ซูหลีกลับไม่ได้ใส่ใจ นางเป็นคนที่ดื่มสุราไม่ได้ หากจู่ๆจะสามารถดื่มได้ขึ้นมา เช่นนั้นถึงทำให้คนรู้สึกประหลาดใจ

 

 

“เพียงแต่นี่ก็คือสุรานี่นา” ขณะที่ซูหลีเอ่ยก็ยกจอกตรงหน้าขึ้น มองฉินมู่ปิงด้วยรอยยิ้มหวานละมุน สายตานั้นกินใจยิ่งกว่าสุรานั่นเสียอีก

 

 

“สามารถทำให้มึนเมาน้อยกว่าสุราผลไม้ที่สตรีส่วนใหญ่ดื่ม มีรสชาติหอมนุ่มของสุรา ทว่ากลับไม่มีฤทธิ์สุรา ซึ่งคนอย่างข้าก็สามารถดื่มได้!” ซูหลีพูดจบก็ยกจอกสุรานั้นขึนจิบหนึ่งอึก

 

 

นี่ถึงว่านางใช้ความพยายามในการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องความสามารถในการดื่มสุราของตน

 

 

คำถามนี้จำเป็นต้องอธิบายอย่างชัดเจน หากนางสามารถดื่มสุรา แต่เมื่อก่อนการแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา คงจะหลีกเลี่ยงให้คนอื่นคิดว่านางเจตนาแสร้งทำท่าทางเช่นนั้นไม่ได้

 

 

ดังนั้นซูหลีถึงได้พยายามบอกฉินมู่ปิงถึงความแตกต่างของสุรานี้

 

 

ทว่านางไม่ได้สังเกตเห็น ดวงตาของฉินมู่ปิงจ้องมองใบหน้าของตนในขณะที่ดื่มสุราเข้าไป ในวินาทีนั้นเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกเกินจะเปรียบเปรย ในดวงตานั้นคล้ายกับมีประกายความอันตรายบางอย่าง

 

 

สายตาแบบนี้ เกรงว่าคงจะมีคนที่เป็นบุรุษเหมือนกันอย่างเซี่ยอวี่เสียนที่รู้สึกได้

 

 

เซี่ยอวี่เสียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เตรียมจะส่งเสียงขัดจังหวะทั้งสองคน ทว่ากลับเห็นฉินมู่ปิงยื่นมือออกมาและกระทำสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงออกมา!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1156 คลื่นใต้น้ำ

 

 

เพียงเห็นว่าแย่งจอกสุราของซูหลี ยกขึ้นจิบตรงตำแหน่งที่ซูหลีดื่มเมื่อครู่นี้!

 

 

เปรี๊ยะ!

 

 

ภายในลานกว้างตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะ จนสามารถได้ยินเสียงถ่านหินเผาไหม้

 

 

ซูหลีตะลึงค้างไป แม้แต่เซี่ยอวี่เสียนก็ยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปตามๆกัน มีเพียงฉินมู่ปิงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้มือจับจอกใบนั้นอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจเมื่อขบคิดถึงรสชาติของสุราที่ได้ลิ้มลอง

 

 

“โดดเด่นไม่เหมือนใครโดยแท้! ของเหล่านี้ต้องมาหาใต้เท้าซูถึงจะสามารถลิ้มลองได้!” ใบหน้าของฉินมู่ปิงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ขณะที่เขาพูดขึ้น สายตาของซูหลีก็หยุดอยู่ที่จอกเงินใบนั้นโดยไม่รู้ตัว

 

 

วันนี้ริมฝีปากของนางทาชาดเล็กน้อย บนจอกเงินใบนั้นจึงยังมีรอยสีชาดของริมฝีปากหลงเหลืออยู่ ทว่าเมื่อครู่ฉินมู่ปิงผู้นี้ฉวยโอกาสยกจอกขึ้นดื่มตรงตำแหน่งที่มีรอยริมฝีปากของนางอยู่ จนสุราในจอกนั้นหมดแก้ว

 

 

สีหน้าของซูหลีแข็งทื่อไปเล็กน้อย ในเวลานี้ไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรออกมาดี

 

 

เมื่อครู่ที่นางทำท่าทางเช่นนี้ กลับไม่เคยคิดเลยว่า ฉินมู่ปิงจะกล้ากระทำเช่นนี้!

 

 

การกระทำที่กล้าบ้าบิ่นแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พบบ่อยในราชวงศ์ต้าโจวนัก

 

 

“…ซื่อจื่อนี่จริงๆเลย! ไป๋ฉิน ยังไม่รีบรินสุราให้ซื่อจื่ออีกแก้ว มัวตะลึงทำอะไรกัน!” อย่างไรเซี่ยอวี่เสียนก็ดึงสติกลับมาเป็นคนแรก เขาเรียกไป๋ฉินให้ไปหยิบจอกใบใหม่และรินสุราให้กับฉินมู่ปิง

 

 

ฉินมู่ปิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าฉายแววคลุมเครือ แววตาที่มองที่จอกเงินใบนั้นลึกซึ้งเกินจะเปรียบ

 

 

บรรยากาศเริ่มมีความกระอักกระอ่วน ซูหลีขมวดคิ้วเป็นปม นางก็รู้สึกเหมือนกันว่าฉินมู่ปิงทำท่าทางเช่นนี้ช่างพิลึกนัก ทว่าหากพูดว่าฉินมู่ปิงสนใจนางแล้วละก็…

 

 

เรื่องนี้ อย่างไรซูหลีก็ไม่เชื่อ

 

 

ฉินมู่ปิงถือว่าเป็นคนที่มีแผนการในใจล้ำลึก ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานาง ก็เพื่อต้องการรับรู้เรื่องของฉินเย่หานก็เท่านั้น คนแบบนี้จะเป็นคนมีหัวใจหรือ

 

 

ทว่าซูหลีกลับลืมไปแล้วว่า หากวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ฉินเย่หานนั้นน่ากลัวกว่าฉินมู่ปิงมาก ถึงอย่างไรบุรุษที่มีท่าทีเช่นนั้นก็รู้สึกหวั่นไหวต่อนางแล้วไม่ใช่หรือ

 

 

“ทำไมรึ ข้าดื่มสุราของเจ้า ก็ไม่พอใจแล้วหรือ” ฉินมู่ปิงเห็นซูหลีไม่พูดอะไรออกมา พลันเข้าไปใกล้นาง ไอร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากปากกระทบเข้าที่ใบหน้าของซูหลีอย่างไม่หยุดหย่อน อีกทั้งในไอร้อนยังมีกลิ่นหอมกรุ่นของสุราด้วย

 

 

สายลมอ่อนๆพาดผ่านใบหน้า คล้ายกับสามารถทำให้คนมึนเมาอยู่ในห้วงภวังค์นั้นอย่างง่ายดาย

 

 

ซูหลีขมวดคิ้วและเตรียมจะถอยหลังไป ทว่าพลันได้ยิน…

 

 

“ฝะ ฝ่าบาท” เสียงตกใจจากด้านหน้าดังเข้ามา ซูหลีพลันศีรษะไปทางนั้น จึงพบกับบุรุษที่สวมชุดอาภรณ์สีดำ สีหน้านั้นดูดำทะมึนเสียยิ่งกว่าชุดหลายส่วนอย่างฉิน! เย่! หาน!

 

 

ซูหลีตะลึงค้างไปในทันที!

 

 

“ถวายบังคมฝ่าบาท!” รอบหน้ามีคนคุกเข่าลง แม้แต่เซี่ยอวี่เสียนก็ยังรู้สึกตัวทัน จึงคุกเข่าคำนับไปพร้อมกับคนเหล่านั้น

 

 

มีเพียงซูหลีกับฉินมู่ปิงเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ ศีรษะของฉินมู่ปิงยังใกล้ชิดกับซูหลีเป็นอย่างมาก คล้ายกับจะสามารถจุมพิตนางได้ทุกเวลามิปาน

 

 

ระยะที่ใกล้ชิดมากขนาดนี้ทำให้ซูหลีคล้ายกับกำลังนั่งอยู่บนกองไฟ มิหนำซ้ำยังทำให้สายตาของฉินเย่หานยังเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยียบขึ้นทันใด

 

 

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!” ซูหลีคงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว นางอ้ำอึ้งไปพริบตาหนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นอย่างว่องไว ถอยห่างจากฉินมู่ปิงผู้นั้น

 

 

และคุกเข่าลง

 

 

เมื่อเห็นซูหลีเคลื่อนตัวถอยห่างจากตัวเอง ในดวงตาของฉินมู่ปิงฉายแววลุ่มลึก ทว่ากลับไม่พูดอะไรออกมา เขาหุบรอยยิ้มหยิ่งยโสบนใบหน้าลง ลุกขึ้นโค้งตัวคารวะฉินเย่หานแล้วเอ่ยว่า

 

 

“หลานถวายบังคมเสด็จลุง!”

 

 

ในลานกว้างนี้มีเพียงเขาที่เป็นราชนิกุล อีกทั้งยังมีแค่เขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ไม่คุกเข่าให้กับฉินเย่หาน

 

 

สีหน้าของฉินเย่หานดูไม่น่าดูนัก