ตอนที่ 1729

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1729  ไม่ไว้ใจ (5)
  “ตามใจเจ้าทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า แต่……” คำพูดของจวินอู๋เหยาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
  “หากในอนาคตเมื่อความร่วมมือระหว่างเจ้ากับวิหารหยกวิญญาณสิ้นสุดลง พวกมันไม่ใช่พันธมิตรของเจ้าอีกต่อไป ข้าสามารถฆ่าพวกมันได้ใช่ไหม?” ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จวินอู๋เหยาจะสามารถระงับความต้องการฆ่าในใจของเขาได้เพื่อเห็นแก่จวินอู๋เสีย แต่การขอให้เขาเลิกคิดอย่างสิ้นเชิงนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจื่อจินหยาบคายกับจวินอู๋เสียเช่นนั้น!
  จวินอู๋เสียถอนหายใจยาวโดยไม่ตอบคำถามของจวินอู๋เหยาตรงๆ
  การร่วมมือของนางกับวิหารหยกวิญญาณจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่สิบสองวิหารถูกทำลายซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะนานขนาดไหนถึงตอนนั้น จวินอู๋เหยาจะจำคนอย่างจื่อจินได้รึเปล่ายังเป็นคำถามอยู่
  ยังไงซะหลังจากที่พวกเขาออกจากวิหารจิงหง จวินอู๋เสียก็ไม่คิดว่านางจะปล่อยให้จื่อจินอยู่ข้างกายนางอีก
  การละเว้นชีวิตจื่อจินไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียเมตตานาง แต่เป็นเพราะวิหารหยกวิญญาณเท่านั้น
  แต่ไม่รู้ว่าจื่อจินจะเข้าใจหรือเปล่าว่าชีวิตของนางหมิ่นเหม่เกือบไม่รอดมากแค่ไหน
  หลังจากที่จื่อจินออกจากห้องของเยว่อี้น้ำตานางยังคงไหลออกมาอย่างเงียบๆ ศิษย์จากวิหารอื่นเริ่มสงสัยเมื่อเห็นนางในสภาพนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปพูดคุย
  จื่อจินก้มหัวลงเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆแล้วนางก็บังเอิญชนเข้ากับไหล่กว้าง
  จื่อจินเงยหน้าขึ้นและพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือกู่อิ่งที่ช่วยนางไว้ในสวนเมื่อครู่!
  ดวงตายิ้มแย้มของกู่อิ่งมองไปที่ใบหน้าของจื่อจินซึ่งกำลังร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายแล้วเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
  “เกิดอะไรขึ้น?เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมอะไร? ทำไมถึงเสียใจขนาดนี้?” กู่อิ่งยกมือขึ้น ขณะที่จื่อจินยังคงตกตะลึงอยู่นั้น เขาก็เช็ดน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยน
  จื่อจินยืนจ้องมองกู่อิ่งที่ดูเหมือนเทพจากสวรรค์อย่างโง่งมทันใดนั้น ความรู้สึกปวดร้าวในใจนางก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นภายใต้ความห่วงใยที่อ่อนโยนจากกู่อิ่ง น้ำตาของนางไหลอาบแก้มไม่หยุดราวกับเขื่อนแตก
  “สาวงามไม่ควรร้องไห้ไม่งั้นจะไม่สวยเอานะ” กู่อิ่งพูดพลางหัวเราะเบาๆ
  คำพูดของเขาทำให้จื่อจินหัวเราะออกมาใบหน้านางมีน้ำตาไหลเป็นทางขนาดนั้น แถมหน้ากากแปลงโฉมบนใบหน้าก็เรียบง่ายธรรมดามาก แต่กู่อิ่งก็ยังเรียกนางว่าสาวงาม
  “ไม่ต้องปลอบข้าข้าไม่สวยสักนิด” จื่อจินพูดพลางเช็ดน้ำตา
  กู่อิ่งยิ้มและพูดต่อว่า“ความสวยของคนไม่ได้ตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ดูจากภายใน ใบหน้าเดี๋ยวก็แก่แล้ว”
  จื่อจินกัดริมฝีปาก
  “เจ้ามีเวลาไหม?”กู่อิ่งเห็นว่าอารมณ์ของจื่อจินดูเหมือนจะดีขึ้น จึงถามอย่างอ่อนโยน
  จื่อจินมองกู่อิ่งอย่างมึนงง
  “ไม่ทราบว่าข้าจะได้รับเกียรติให้ไปเพื่อนสาวงามท่านนี้ชมดอกไม้รึเปล่า?”กู่อิ่งยื่นมือออกไปอย่างสง่างาม
  จื่อจินมองกู่อิ่งอย่างประหลาดใจใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตามีแววตกใจและเขินอาย นางยืนนิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่งกว่าจะระงับความหวั่นไหวในใจได้ และส่ายหน้าอย่างลังเล
  “ข้ายังมีบางอย่างต้องทำเกรงว่าวันนี้……”
  “งั้นพรุ่งนี้ล่ะ?”
  เมื่อเผชิญกับรอยยิ้มที่สดใสของเด็กหนุ่มจื่อจินก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้จริงๆ จึงได้แต่พยักหน้า
  “งั้นพรุ่งนี้ข้าจะรอเจ้า”กู่อิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
  จื่อจินพึมพำตอบรับเสียงเบาแล้ววิ่งหนีไปด้วยความอาย
  กู่อิ่งมองด้านหลังที่ห่างออกไปของจื่อจินรอยยิ้มในดวงตาของเขายิ่งรุนแรงขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ทำให้ผู้คนอยากเข้าใกล้
  “ท่านกำลังทำอะไร?”ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังของกู่อิ่ง
  กู่อิ่งหันกลับไปและพบกู่ซินเยียนยืนอยู่ด้านหลังเขาใบหน้าของนางดูไม่พอใจอย่างมาก
  “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”มุมปากของกู่อิ่งยกขึ้นเล็กน้อย และมองน้องสาวของตนด้วยสายตาเฉื่อยชา

ตอนที่ 1730  ไม่ไว้ใจ (6)
  “นั่นเป็นศิษย์ของวิหารเงาจันทราเราไม่เคยติดต่อกับวิหารเงาจันทรามาก่อน ท่านวางแผนอะไรอยู่?” กู่ซินเยียนขมวดคิ้วมองกู่อิ่ง ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้กู่ซินเยียนตกใจไม่น้อย สีหน้าอ่อนโยนขนาดนั้นเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นจากกู่อิ่งมาก่อน ช่างไม่คุ้นเคยและน่ากลัวมาก
  นิสัยของกู่อิ่งนางยิ่งกว่ารู้ดี ความกระหายเลือดที่โหดร้ายซึมลึกถึงกระดูกของเขา การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ไม่ได้ทำให้กู่ซินเยียนรู้สึกดีเลย แต่กลับทำให้นางรู้สึกว่ากู่อิ่งมีเจตนาอื่นแฝงเร้นอยู่
  กู่อิ่งหรี่ตามองกู่ซินเยียนที่ระแวงเขาอย่างมากแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจ้องกู่ซินเยียน พร้อมกับพูดว่า “อะไร? ข้าเจอผู้หญิงที่ชอบแล้วตามจีบไม่ได้หรือ?”
  ตอนที่กู่อิ่งพูดคำเหล่านั้นน้ำเสียงของเขาเฉยเมยอย่างมาก และไม่ได้จริงจังแม้แต่น้อย
  กู่ซินเยียนไม่เชื่อคำพูดเหล่านั้นเลยสักนิดผู้หญิงแบบเดียวกับจื่อจิน เป็นไปได้อย่างไรที่กู่อิ่งจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน? ในบรรดาผู้หญิงพวกนั้น คนที่โชคดีก็ยังมีชีวิตอยู่ได้และเพ้อฝันต่อไป ขณะที่บางคนกลายเป็นเหยื่อความกระหายเลือดของกู่อิ่งไปแล้ว
  ถ้ากู่อิ่งตกหลุมรักจื่อจินจริงๆมันคงเป็นเรื่องตลกที่สุดในโลก!
  “วิหารเงาจันทราเพิ่งมีความขัดแย้งกับวิหารมังกรข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจว่าเราต้องไม่หาเรื่องให้ผู้คนซุบซิบนินทาเราในวิหารจิงหงนี้ คนของวิหารปีศาจเพลิงกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากมีอะไรผิดพลาด ทั้งท่านและข้าจะไม่สามารถแบกรับได้” กู่ซินเยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ว่าจะกับใคร กู่อิ่งคือตัวอันตรายสำหรับทุกคน
  กู่อิ่งเลิกคิ้วมองกู่ซินเยียนที่มีสีหน้าจริงจัง
  “เจ้ายังไม่โตเลยแต่พูดเป็นยายแก่เชียว องค์หญิงน้อยของข้า เจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อยที่ไม่โตจริงๆ” กู่อิ่งพูดกับกู่ซินเยียนอย่างยิ้มแย้ม น้ำเสียงล้อเลียน
  กู่ซินเยียนหน้าซีดร่างกายแข็งทื่อทันที
  กู่อิ่งล้อเล่นพอแล้วก็ไม่ได้มองกู่ซินเยียนอีกเขาเดินออกห่างจากกู่ซินเยียนอย่างช้าๆพร้อมเสียงหัวเราะที่น่ากลัวตามหลังเขา
  ………………….
  เนื่องจากการประลองก่อนหน้านี้เกือบมีคนถูกฆ่าตายวิหารจิงหงจึงไม่กล้าใช้วิธีเดียวกันนี้เบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาศิษย์สิบสองวิหารอีก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้กำลังคนมากขึ้นเพื่อเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้สำหรับผู้เยาว์เลือดร้อนพวกนี้ก็คือจัดให้มีกิจกรรมสบายๆมากขึ้น น่าเสียดายที่กิจกรรมเช่นการชมดอกไม้และการเที่ยวชมสถานที่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก คนส่วนใหญ่จึงเลือกอยู่ในห้องของตัวเองเพื่อวิเคราะห์และพูดคุยกับเพื่อนของพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน
  วิหารจิงหงจนปัญญาแล้วพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอธิษฐานในใจให้เวลา 10 วันผ่านไปเร็วๆ พวกเขาจะได้ส่งเทพหายนะพวกนี้กลับออกไปซะที
  เวลาผ่านไปทุกนาทีทุกวินาทีคนที่พบว่ามันทรมานมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นจูเก๋ออินคนที่โหดร้ายและหยิ่งผยองมากที่สุด หลังจากเหตุการณ์ที่เวทีประลอง ไม่ว่าจูเก๋ออินจะเดินไปที่ใด เขาก็จะเห็นสายตาไม่เป็นมิตรพุ่งตรงมาที่เขา สายตาระแวงที่เขาเห็นอยู่ทั่วทุกที่ทำให้จูเก๋ออินรู้สึกหงุดหงิดมาก
  จูเก๋ออินไม่สนใจกิจกรรมที่วิหารจิงหงจัดเตรียมไว้แต่การให้เขานั่งอยู่ในห้องเฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยหลังจากถูกบังคับให้กินยาขมเช่นนั้น จูเก๋ออินรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนหมุด หนึ่งวันรู้สึกเหมือนหนึ่งปี แม้ว่าศิษย์ของวิหารมังกรจะพยายามทุกวิธีเพื่อทำให้จูเก๋ออินมีความสุขขึ้น แต่ใบหน้าของจูเก๋ออินกลับยิ่งมืดมนขึ้นทุกที
  หลังจากทนทุกข์ทรมานอยู่นานจูเก๋ออินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นและเริ่มเดินวนไปมาในห้อง เฟยเหยียนนั่งปอกเปลือกส้มอยู่ด้านหนึ่ง มองจูเก๋ออินหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างสบายอารมณ์
  “นายน้อย!”
  ผู้เยาว์คนหนึ่งจากวิหารมังกรวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยท่าทางลนลาน