ตอนที่ 739 ทั้งคู่จะจบได้รึยัง

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 739 ทั้งคู่จะจบได้รึยัง

 

ฉางกวนหลงหรี่ตาลงแคบอย่างประเมิณสถานการณ์ด้านหลังของเขามีคนไม่มาก ที่หวาดกลัวก็มากกว่าครึ่ง ส่วนเสี่ยวเย่ที่ท่าทางเอาเรื่องในตอนแรกก็ออกไปจากวงโคจรแล้ว ฮวงชูเจิ้นและมู๋หรงยู่เฉิงมีประโยชน์มากที่สุดในด้านการสนับสนุน ส่วนชูฮันฝั่งตรงข้ามนั้น มันเหนือความคาดหมายที่จู่ๆทหารของชูฮันปล่อยพลังผันผวนมหาศาลออกมา มีเพียงแค่ฉางกวนหลงคนเดียวเท่านั้นที่ต้านทานอยู่ได้ เขาสามารถยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับและตัวฉางกวนหลงเองก็ปล่อยพลังผันผวนมหาศาลของตัวเองออกมาเช่นกัน

  

เมื่อได้เห็นความดุร้ายของฉางกวนหลงแม้ทีมกุ้งเสือดำจะมีสมาชิก 50 คนทว่ารัศมีพลังกับเท่าเทียมกัน แม้แต่ชูฮันยังต้องถอนหายใจ สมกับที่เป็นทหารผ่านศึกที่เต็มไปด้วยประสบการณ์สั่งสมมาตั้งแต่ยุคศิวิไลซ์!

  

รอยยิ้มคลั่งของปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของชูฮันบรรยากาศรอบๆอยุ่ในความสงบ ทันใดนั้นชูฮันก็ตัดสินใจก้าวเท้าเดินหน้าไปออกมาเพื่อหยุดรัศมีพลังมหาศาลที่กำลังต้านกันอยู่ในอากาศ ชูฮันยืนอยู่ใจกลางถนน ตัดใจสินออกมาเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับฉางกวนหลง

  

ภาพที่เกิดขึ้นตกอยู่ในสายตาของฝูงชนโดยรอบพวกเขารู้สึกแปลกๆและสับสนกับเรื่องราวทุกอย่าง พวกเขาไม่เข้าใจว่าเรื่องราวมันดำเนินมาถึงทิศทางแปลกๆนี้ได้ยังไง และก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่าสรุปทีมของชูฮันใช่ทีมของจีนหรือไม่?

  

อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่เข้าใจแต่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อความตกใจของทุกคนกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น หากมันมีความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจน นั่คือพลังอำนาจมหาศาลที่ไม่สามารถต้านทานได้ที่ส่งออกมาจากตัวชูฮัน

  

แม้ผู้คนรอบๆทั้งหลายจะไม่เข้าใจทว่าฮวงชูเจิ้นและมู๋หรงยู่เฉิงเข้าใจได้ในทันที ในใจอดไม่ได้ที่จะแอบยกนิ้วให้กับชูฮัน ไอ้หนุ่มนี่มันบ้าจนน่าชื่นชม ชูฮันกล้าที่จะมาถึงที่นี้ เผชิญหน้ากับฉางกวนหลงที่มีค่ายยักษ์อยู่ด้านหลัง และเดินหน้าเข้ามาคนเดียวเหมือนส่งสานส์ท้ากับฉางกวนหลงและทั้งค่ายข้างหลัง!

  

ฉางกวนหลงเองก็ตกใจไม่ต่างหลังจากก้าวเท้าเดินเข้ามาเรื่อยๆ ชูฮันก็หยุดที่ความห่างออกไป 20 เมตร ชูฮันเดินมาตัวคนเดียว ทีมกุ้งเสือดำอยู่ข้างหลังห่างไป แยกจากกันอย่างสิ้นเชิง

  

แม้จะมาตัวคนเดียวแต่สีหน้าของชูฮันยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ เขาดูสบายๆไร้ความกลัว ทันใดนั้นมันก็ทำให้ฉางกวนหลงรู้สึกกดดันพอสมควร

  

ความกดดันที่ฉางกวนหลงรู้สึกนั้นแตกต่างจากอาการวิตกของเสี่ยวเย่มันเหมือนกับกำลังอยู่ในสงครามที่ตึงเครียด การได้เห็นพลเอกของจีนสองคนเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายมีรอยยิ้มที่หาดูได้ยากปรากฏขึ้น ถ้ามองดูดีๆจะเห็นได้ว่ารอยยิ้มบนหน้าของฉางกวนหลงนั้นเหมือนกับรอยยิ้มของชูฮันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่น่าเชื่อ

  

ทั้งหยอกเย้าทั้งจองหอง และไร้ซึ่งความกลัวต่ออีกฝ่าย!

  

คนหนึ่งแก่คนหนึ่งยังหนุ่ม ด้านหลังของคนหนึ่งมีทั้งเมืองคอยหนุน ส่วนอีกมีแต่ความว่างเปล่า ทว่าตอนนี้พลังอำนาจของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน รัศมีพลังของทั้งคู่ตีวงล้อมและครอบคลุมทั้งคู่เอาไว้

  

นี่คือการแข่งขันระหว่างพลเอกทั้งสองคนไม่มีใครมีสิทธิเข้ามาแทรกทั้งนั้น!

  

ฮวงชูเจิ้นและมู๋หรงยู่เฉิงเองก็ค่อยๆถอยหลังหนีห่างจากรัศมีพลังตามจิตใต้สำนึกภายใต้การเผชิญหน้าระหว่างชูฮันและฉางกวนหลง แทบไม่มีใครสามารถมองผ่านเข้าไปเห็นในวงล้อมได้เลย พลังของทั้งคู่รุนแรงและเข้มข้นมากและยากเกินกว่าที่ใครจะเข้าไปแทรกได้

  

ฉางกวนหลงจะมีการใช้อารมณ์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองถึงอย่างไรแล้วเขาก็เป็นวิวัฒนาการมาเป็นกว่าเวลาปีครึ่งแล้ว มีประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่ยุคศิวิไลซ์และรอดชีวิตจากวิกฤตการปะทุของโลกาวินาศมาได้

  

แต่ที่ทำให้ทุกคนช็อคก็คือชูฮันที่กล้าเผชิญหน้าฉางกวนหลงอย่างไม่เกรงกลัวต่างหาก!

  

ชูฮันอายุเพียง21 ปี!

  

ชูฮันมีประสบการณ์อะไร?เขามีประสบการณ์เพียงพอแล้วเหรอ? เป็นแค่เด็กหนุ่มทำไมถึงมีรัศมีอำนาจและราศีได้มากถึงขนาดนี้?

  

ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับชูฮันพลังผันผวนของฉางกวนหลงก็เพิ่มขึ้น แม้แต่ดาบที่เสียบอยู่ที่เอวของฉางกวนหลงก็ยังสั่น เมื่อพลังผันผวนของทั้งสองฝ่ายเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเหนือการควบคุม ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงหนึ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินดังขึ้นมา ฉางกวนลงและชูฮันถูกขัดจังหวะ

  

”ทั้งคู่จะจบได้รึยัง?”เสียงนั้นคมชัด มีร่องรอยหมดความอดทนและอารมณ์โกรธจัด

  

เมื่อได้ยินเสียงนี้พลังผันผวนของฉางกวนหลงก็สลายไปทันที

  

ส่วนชูฮันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็หัวใจเต้นรัวหากเขาก็รีบปรับอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองให้คงที่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หมุนตัวพร้อมรอยยิ้มมองดูหญิงสาวที่เดินออกมาจากประตูค่าย “ฉางกวนยวีซิน ไม่เจอกันนาน สบายดีมั้ย?”

  

ฉางกวนยวีซินไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบทหารแต่บนตัวของเธอกลับถูกแทนที่ด้วยชุดกระโปรงยาวสวยงามแทน หากชุดที่เธอสวมมันทำให้เธอดูแตกต่างจากป่ายหวีเนอที่มีรัศมีเย่อหยิ่ง และซางจิ่วตี้ที่มีรัศมีของนักบริหาร และก็ไม่เหมือนกับบูชาที่มีรัศมีความเย้ายวน แต่มันเป็นรัศมีอีกอันที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ดูเหมือนอ่อนหวานแต่เข้มแข็ง บางครั้งอาจขี้เล่นและดื้อรั้น หากกลับดูดี ไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิง

  

เมื่อได้เห็นฉางกวนยวีซินในมุมนี้ชูฮันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสำรวจฉางกวนหลง ตามที่ซางจิ่วตี้ให้ข้อมูลลับเขามา แต่เดิมทีฉางกวนหลงนั้นได้วางตัวลูกสาวของเขาไว้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ชีวิตของเธอในช่วง 20 ปีแรกค่อนข้างโหดและหนักอย่างมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับฉางกวนยวีซินที่หนานตู้ในสภาพที่โดนพ่อตามใจราวกับนางฟ้าในสวรรค์!

  

ดูชุดที่สวยงามแสนจะปราณีตนี่สิมันสามารถนำไปขายได้ไปเป็นเงิน10,000 เหรียญล่มสลายได้เลย แล้วดูผมยาวสง่านั้นสิ ผู้หญิงคนไหนในโลกาวินาศจะได้รับการดูแลถึงขนาดนี้ แล้วดูผิวพรรณของเธอ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิวดีขนาดไหน?

  

”ฉันอยากจะบ้าตายชูฮันนายช่วยหยุดคำนวณมูลค่าเสื้อผ้าบนร่างของผู้หญิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นได้มั้ย?” หวังไคแทบหมดคำพูดเกี่ยวกับความคิดในหัวของชูฮัน มันอยากจะอ้วกออกมาเป็นร้อยครั้ง “ฉางกวนยวีซินเป็นหญิงสาวที่สวยงามมาก นายช่วยมองเธอเหมือนคนปกติ ดูหน้าสวยๆของเธอแทนได้มั้ย?”

  

ชูฮันกระพริบตาและไม่พูดอะไร

  

อาการตกใจของผู้คนรอบๆมาถึงขีดสุดในทันทีใครก็ตามที่อาศัยอยู่หนานตู้จะไม่รู้จักลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้นำค่ายที่โด่งดังล่ะ?

  

เหนือความคาดหมายการเผชิญหน้าระหว่างพลเอกทั้งสองคนนำมาสู่การเปิดตัวของฉางกวนยวีซินซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่เคยได้มีโอกาสเห็น!

  

และตอนนี้ฉางกวนยวีซินก็ได้เดินมาถึงหน้าฉางกวนหลงแล้วตามด้วย—–

  

ป๊อก!

  

ฉางกวนยวีซินดีดนิ้วใส่หน้าฉางกวนหลง”พ่อ หนูบอกว่าพ่อแล้วไงว่าถ้าชูฮันมาให้ทำตัวสุภาพ? ทำไมพ่อต้องออกมาพร้อมกับดาบด้วย? จะฆ่าเขาเหรอไง?”

  

ภาพที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่แค่ชูฮันแต่ผู้คนรอบๆทั้งหลายต่างก็ตกใจกันหมด พวกเขาไม่ได้แค่ประหลาดใจกับความนิยมของฉางกวนยวีซินผู้สวยงาม แต่ยังประหลาดใจที่ลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้นำค่ายหนานตู้กลับรู้จักชูฮันและยังช่วยพูดให้ชูฮันอีก?