บทที่ 1931+1932

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1931 พบกัน

อาภรณ์ม่วงเข้มปลิวไสวดังเมฆา แขนเสื้อวงกว้าง พะเยิบพะยาบดังเกลียวคลื่นตามการเคลื่อนไหว รูปร่างสูงใหญ่ทรงพลัง เส้นผมดำรวบขึ้นกึ่งศีรษะ หน้าผากประดับอัญมณีแสงสีรุ้งเลือนพร่า รูปทรงคล้ายดวงตาจิ้งจอก เปล่งประกายมีเสน่ห์ภายใต้เส้นผมดำขลับ

เขาสวมหน้ากากรูปผีเสื้อ บดบังใบหน้าส่วนเหนือจมูกขึ้นไป เผยเพียงคางที่โค้งงอสมบูรณ์แบบกับริมฝีปาก

ริมฝีปากสีแดงอ่อน ประหนึ่งกลีบบุปผาคืนฝนโปรยปราย มุมปากหยักโค้งเล็กน้อย ไม่ยิ้มก็คล้ายจะแฝงแววยิ้มหัวไว้แล้วสามส่วน

ไม่รู้ว่าด้านบนของโถงทางเดินปลูกสร้างมาจากสิ่งใด บางครั้งจะมีของเหลวสีเขียวอ่อนหยดลงมา

มันไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ดังนั้นกู้ซีจิ่วกับคนอื่นๆ จึงไม่เก็บเอามาใส่ใจ

ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้สนใจอย่างเห็นได้ชัด เขากางร่มในมือซึ่งเป็นลวดลายดอกบัว

ดอกบัวสีแดงอ่อน คล้ายพวงแก้มแดงระเรื่อของหญิงสาว

ส่วนของเหลวสีเขียวอ่อนที่หยดลงไหลซึมพื้นผิวร่ม กลับคล้ายกลีบบัวที่แต่งแต้มดอกบัวโดยรอบ สีสันเย้ายวน

การปรากฏกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ดุจลำแสงสายหนึ่งที่สาดส่องลงมายังทิวทัศน์อันมืดมิด มอบวันเวลาอันงดงาม คืนวันอันสดใส

เห็นๆ กันอยู่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้บดบังใบหน้าไว้ ทว่ายังคงบดบังกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์บนตัวเขาไว้ไม่ได้ ทำให้เมื่อใครเห็นแล้วก็ยากที่จะละสายตา

วินาทีที่กู้ซีจิ่วเห็นเด็กหนุ่มผู้นั้นอย่างชัดเจน หัวใจพลันสั่นสะท้านอย่างมิอาจบรรยายได้! ประหนึ่งความรู้สึกส่วนลึกที่ซ่อนอยู่ในจิตใจถูกสะกิดเบาๆ! ระลอกคลื่นพลันปรากฏขึ้น

เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร?

มาจากที่ไหน?

เด็กหนุ่มผู้นี้คล้ายปรากฏกายกลางอากาศออกมาด้านหลังของคนเหล่านั้น ด้วยสายตาเช่นนี้ของกู้ซีจิ่วก็ยังมองเห็นไม่ชัดเลยว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ออกมาจากที่ใดกันแน่

หยกนภาที่หมอบอยู่บนข้อมือของกู้ซีจิ่วมาตลอดพลันตกตะลึงไปหลายวินาทีเมื่อเห็นเด็กหนุ่มผู้นั้น!

จู่ๆ มันก็มีแรงกระตุ้นอย่างหนึ่ง แรงกระตุ้นที่อยากจะถอดหน้ากากบนใบหน้าของเด็กหนุ่มอาภรณ์ม่วงผู้นั้น!

ตี้ฝูอี! คนผู้นี้กลับมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับตี้ฝูอีมาก!

จะใช่เขาหรือไม่?

ทว่าทั้งๆ ที่ตี้ฝูอีดับขันธ์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว สูญสลายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว แล้วจะมาปรากฏกายที่นี่ได้อย่างไร?

หรือว่าบังเอิญมีรูปลักษณ์คล้ายเขา?

คำถามมากมายผุดขึ้นในใจหยกนภา

เด็กหนุ่มอาภรณ์ม่วงนั้นกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง เบนความสนใจของมนุษย์ครึ่งสัตว์กลุ่มนั้นได้สำเร็จ

คนเหล่านั้นพลันหันหลังกลับเมื่อได้ยินเสียง ก่อนจะแห่กันเข้าไปรายล้อมแล้วกล่าวทักทายเขา

“คุณชายฝูอี!”

คุณชายฝูอีอมยิ้มเล็กน้อย

“ทุกท่าน ช่วยอะไรหน่อยได้หรือไม่?”

เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ครึ่งสัตว์เหล่านั้นให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก

“คุณชายฝูอี ได้โปรดสั่งการเลยขอรับ!”

“ตามข้ามา”

คุณชายฝูอีกดที่จุดๆ หนึ่งบนกำแพง ประตูบานหนึ่งเปิดออกอย่างไร้ซุ่มเสียง เขาค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไป มนุษย์ครึ่งสัตว์คนอื่นย่อมเดินตามเขาเข้าไป

ประตูปิดลงอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดก็ไม่มีผู้ใดอยู่ภายในโถงทางเดินแล้ว

กู้ซีจิ่วโล่งอกไปที ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มอาภรณ์ม่วงผู้นี้จะเป็นพวกเดียวกันกับเจ้านายของที่นี่…

ไม่รู้ว่าในใจผิดหวังหรือว่าเป็นอะไรไป ทว่ากลัดกลุ้มอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้เธอไม่มีจิตใจไปใคร่ครวญเรื่องไร้สาระเหล่านี้ รีบนำคนวิ่งหนีไปยังทางออกทันที

พงไพรกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ยักษ์ที่ใหญ่จนน่าตกใจเติบโตด้านล่างของหน้าผาลึก

ต้นไม้ยักษ์สูงหลายร้อยจั้ง หากมันเติบโตบนที่ราบ มันจะสูงและโดดเด่นกว่าต้นไม้ต้นอื่นมาก

ทว่ามันเติบโตภายใต้เหวลึก หากมองจากด้านบนจะไม่มีทางสังเกตเห็นมัน เพราะมันกลมกลืนไปกับต้นไม้ต้นอื่น

และพวกเขาก็ทะลวงออกมาจากโพรงของต้นไม้ยักษ์…

นึกไม่ถึงว่ามนุษย์ครึ่งสัตว์เหล่านี้ที่ลักพาตัวเด็กมาจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มิน่าผู้คนมากมายจึงตามหาไม่พบ…

—————————————————————

บทที่ 1932 พบกัน 2

เดิมทีบนต้นไม้ใหญ่ด้านนอกก็มีมนุษย์ครึ่งสัตว์เฝ้ายามอยู่เช่นกัน ทว่าถูกกู้ซีจิ่วที่ออกมาก่อนกำจัดสิ้นซากไปหมดแล้ว

ถึงแม้พวกเขาจะหนีออกจากรังแห่งนี้ได้ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย ครึ่งสัตว์เหล่านั้นอาจไล่ตามมาได้ทุกเมื่อ…

พงพณากว้างใหญ่ไพศาล ไม่รู้ว่ามีรัศมีกว้างขวางมากน้อยเพียงใด

เด็กน้อยเหล่านี้อกสั่นขวัญแขวน พวกเขายังไม่เห็นป่าที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้มาก่อน ต่อให้อยู่เหนือฟ้าแล้วเพ่งมองสุดกำลังก็ยังไม่เห็นขอบเขต

รอบข้างล้วนเขียวขจีละลานตาไปทั้งผืน ไม่มีสิ่งเปรียบเทียบที่ชัดเจนเลยแม้แต่ทิศทางพวกเขาก็แยกแยะไม่ออก แล้วจะหลบหนีไปได้อย่างไร?

สายตาของทุกคนล้วนมองไปที่กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นว่า “ป่านี้ไม่ได้กว้างใหญ่ขนาดนั้น เป็นเพียงค่ายกลมายาชนิดหนึ่ง ข้าจะส่งพวกเจ้าออกไป”

มือของเธอตบลงบนมิติเก็บของคราหนึ่ง ลู่อู๋กับเจ้าหอยยักษ์กระโจนออกมาทันที

สองตัวนี้ล้วนอยู่ในร่างสัตว์ร้าย ย่อมทำให้ทุกคนตื่นตระหนกเป็นธรรมดา

กู้ซีจิ่วสั่งให้เจ้าหอยยักษ์ขยายร่างใหญ่ ใหญ่โตกว่าเรือนเล็กๆ หลังหนึ่งเสียอีก จากนั้นก็ให้ทุกคนเข้าไปในเปลือกหอย

ทุกคนไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ยังคงเข้าไปในเปลือกหอยตามที่เธอบอก

กู้ซีจิ่วหันหน้าไป มองเห็นซือชิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นคล้ายจะค่อนข้างใจลอย ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปในเปลือกหอย จึงเอ่ยถามเขา “ทำไมยังไม่เข้าไปอีก?”

ซือชิงลังเลเล็กน้อย “จ้งเซิง เจ้าไม่ไปกับพวกเราหรือ?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ข้าจะรั้งอยู่ที่อีกสักระยะ ตั้งมั่นอยู่ที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ซือชิงชะงักไปแวบหนึ่ง “เด็กหนุ่มชุดม่วงคนนั้นคือศิษย์พี่ใหญ่ของข้า เขาไม่มีทางสมคบเข้าพวกกับคนเหล่านั้นแน่นอน เขาอยู่ที่นี่น่าจะมีความลำบากใจอันใด…เจ้า…เจ้าอย่าทำร้ายเขานะ…”

ที่แท้เด็กหนุ่มคนนั้นก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่พวกซือชิงเคารพเลื่อมใสยิ่งนัก! ดูเป็นบุคคลมีความสามารถผู้หนึ่งจริงๆ

บางทีเขาคงจะตรวจสอบเรื่องนี้จากภายในอยู่เช่นกัน อย่างไรเสียจากถ้อยคำของเด็กน้อยพวกนี้ ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาก็เพิ่งหายตัวไปเมื่อสองวันก่อน…

เธอพยักหน้า “ข้ามีแผนการในใจแล้ว พวกเจ้ารีบไปเถอะ!”

ซือชิงพลันตัดสินใจ “จ้งเซิง ข้าสามารถเข้าไปกับเจ้าอีกครั้งได้…”

“ไม่ต้องหรอก ด้วยวรยุทธ์ของเจ้าช่วยเหลืออะไรข้าไม่ได้หรอก เจ้าพาเด็กพวกนี้กลับไปก่อนเถอะ อย่าให้พวกเขาถูกลักพาตัวอีก!”

ซือชิงเห็นเธอพูดจาเด็ดเดี่ยว จึงไม่ดึงดันอีกต่อไป กระโดดเข้าไปในฝาหอยเช่นกัน

ในเปลือกนั้นจุคนไว้กว่าสิบคน ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่แออัดเลยสักนิด

ทุกคนต่างสนใจใครรู้ในกระท่อมเปลือกหอยเช่นนี้ยิ่ง เมื่ออยู่ด้านในก็อดไม่ได้ที่จะลูบๆ คลำๆ มองอยู่ตรงนั้น

อันที่จริงเจ้าหอยยักษ์ยังมีรูปลักษณ์แบบเด็กน้อยอยู่ ท่าทางก็น่าเอ็นดูยิ่ง

ทุกคนเขยิบเข้าไปอยู่ตรงหน้ามัน หยอกมันเล่นอย่างเป็นมิตร

หยอกไปหยอกมาจู่ๆ ก็รู้สึกว่าใต้เท้าเปียกแฉะ คล้ายว่าจะมีน้ำ

ในเปลือกของเจ้าหอยยักษ์บรรจุเนื้อสดชิ้นน้อยเอาไว้มากมายถึงเพียงนี้ มันจึงรู้สึกเย้ายวนใจยิ่งนัก

มันไม่ได้กินเนื้อมนุษย์มาเนิ่นนานมากแล้ว

อาลัยหาอย่างยิ่ง

แน่นอน มันรู้ว่าเหล่าเนื้อสดชิ้นน้อยที่อยู่ในเปลือกหอยนี้ไม่อาจกินได้ ดังนั้นจึงควบคุมตัวเองไปพลางน้ำลายสอไปพลาง…

สุดท้ายใบหน้าน้อยๆ ของมันก็เคร่งตึง “จงนั่งดีๆ ให้ข้าเสีย! ผู้ใดขยับเขยื้อนวุ่นวายอีก ระวังจะถูกข้ากิน!”

ปากน้อยๆ พลันอ้าออก กลายเป็นโพรงกว้างที่สามารถกลืนกินคนได้โพรงหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้ เหล่าเด็กน้อยจึงสงบเสงี่ยมลงทันที!

กู้ซีจิ่วย่อมไม่ทราบสถานการณ์ภายในเปลือกหอย เธอมอบแผนที่ฉบับหนึ่งให้ลู่อู๋ ให้มันเดินทางไปตามเส้นทางบนแผนที่นี้

ลู่อู๋พยักหน้า กลับสู่ขนาดร่างกายที่แท้จริง จากนั้นก็บรรทุกเจ้าหอยยักษ์ไว้ เหินทะยานขึ้นสู่นภา บินตรงไปยังทิศทางหนึ่ง

กู้ซีจิ่วมองส่งจนพวกเขาจากไปไกล ถึงได้หันหลังกลับเข้าสู่ถ้ำพงไพรแห่งนั้นอีกครั้ง..

เธอไว้วางใจความสามารถในการจดจำเส้นทางของลู่อู๋ยิ่งนัก พวกมันจะต้องพาเด็กเหล่านั้นกลับไปส่งอย่างปลอดภัยแน่นอน

——————————–